ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า เยี่ยนจิ่วเฉา อวี๋หวั่น และเจียงไห่ถูกนำตัวไปในคุกของที่ว่าการซีเฉิง
วันนี้ที่จวนของเจ้าเมืองมีงานเลี้ยง ข้าราชการในที่ว่าการเมืองนั้นได้ล่วงหน้าไปยังงานเลี้ยงแล้ว ทำให้ไม่มีคนสอบสวนผู้กระทำความผิด จึงทำได้เพียงนำตัวมาขังไว้ก่อน
คุกของหนานจ้าวและคุกของต้าโจวแทบไม่ต่างกัน แบ่งเป็นห้องขังสุ่ย (水) ห้องขังเทียน (天) และห้องขังตี้ (地) ห้องขังสุ่ยใช้สำหรับทรมานนักโทษ ปกติแล้วใช้กับนักโทษปากแข็ง ไม่ยอมสารภาพผิด ห้องขังเทียนใช้สำหรับขังเชื้อพระวงศ์ ส่วน ‘ชาวบ้านธรรมดา’ ซึ่งซื้อหนังสือผ่านทางปลอมอย่างพวกเขานั้น โดยทั่วไปก็มักจะถูกขังในห้องขังตี้
อย่างไรก็ดีห้องขังตี้ก็ยังมีการแบ่งอีก ยิ่งเข้าไปลึกเท่าไรก็จะขังนักโทษซึ่งมีความผิดมากขึ้นเท่านั้น ห้องขังหน้าปากประตูมักใช้สำหรับขังผู้ซึ่งได้รับโทษสถานเบา ตามหลักแล้วพวกยังไม่ถูกตัดสินโทษ ยังไม่ควรถูกจับขังคุก แต่ตอนนี้ที่นี่ไม่มีคนไต่สวนความผิด จึงทำได้เพียงโยนเข้าห้องขังไปก่อน
เมื่อทหารนำตัวนักโทษสิบกว่าคนส่งให้ผู้คุมแล้ว ก็กลับไปยังประตูเมืองเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อ
ผู้คุมนำพวกเขาเข้าไปยังห้องทรมาน แล้วหยิบกุญแจมือออกมา “ส่งมือมาให้ข้า…”
ยังไม่ทันพูดจบ ก็ได้ยินเสียงแกร็กๆ นักโทษซึ่งมาใหม่คนหนึ่งหยิบกุญแจมือบนโต๊ะขึ้นมาสวมเรียบร้อยแล้ว
ผู้คุม “…”
ต้องอยากสวมกุญแจมือมากขนาดไหนกันนะ?
ในเมื่อสวมไปแล้ว กุญแจมือนี้ก็คงไม่จำเป็น ผู้คุมจึงหันหลังไปแขวนกุญแจมือบนกำแพง ทว่าภายในเวลาชั่วลัดนิ้วมือเดียว เขาหันหลังกลับมาหมายจะเดินไปหยิบชุดนักโทษมาขู่ให้พวกเขากลัวสักหน่อย ตู้เก็บชุดนักโทษก็ถูกพ่อหนุ่มที่เพิ่งจะสวมกุญแจมือคนนั้นเปิดออก เขาเปลี่ยนไปใส่ชุดนักโทษใหม่เอี่ยมอย่างรวดเร็ว ทั้งยังไม่ลืมที่จะหยิบตรวนขึ้นมาสวมด้วย
เอ๊ะ…
อะไรกัน ตรวนข้อเท้าใช้กับนักโทษสถานหนัก…
เจ้าแค่ซื้อหนังสือผ่านทางปลอมจะใส่ทำไม?
ยังใส่ชุดนักโทษอีก เจ้ายังไม่ได้ถูกตัดสินโทษเลย จะสวมชุดนักโทษทำไมเล่า?!
“โอ้ว” เยี่ยนจิ่วเฉาก้มหน้ามองตนเองด้วยความพึงพอใจ
ผู้คุม “…”
เมื่อคนอื่นๆ เห็นพ่อหนุ่มคนนั้นเปลี่ยนไปสวมชุดนักโทษ กุญแจมือและตรวนข้อเท้า พวกเขาจึงทำตาม ภายในเวลาชั่วประเดี๋ยวเดียว นอกจากอวี๋หวั่นและเจียงไห่แล้ว อีกสิบกว่าคนที่เหลือต่างก็แต่งตัวเสร็จเรียบร้อย
เดิมทีผู้คุมคิดเพียงว่าจะแสดงอำนาจให้พวกเขากลัวเท่านั้น แต่พวกเจ้ารู้สึกสำนึกผิดถึงเพียงนั้นเชียวหรือ…
นักโทษถูกแบ่งชายหญิง อวี๋หวั่นปลอมตัวเป็นผู้ชายจึงถูกแยกไปขังในคุกชายพร้อมกับเยี่ยนจิ่วเฉาและเจียงไห่ เพียงแต่ว่าพวกเขาถูกคุมขังคนละห้อง อวี๋หวั่นและเยี่ยนจิ่วเฉาถูกขังอยู่ในห้องข้างกัน ส่วนเจียงไห่อยู่ห่างออกไปอีกสามสี่ห้อง
ในตอนนั้นเองอวี๋หวั่นพลันรู้สึกว่าโชคดีเหลือเกินที่เธอแต่งตัวเป็นผู้ชาย ไม่เช่นนั้นก็คงไม่อาจคอยปกป้องเยี่ยนจิ่วเฉาได้ และเธอคงจะวิตกกังวลมากกว่านี้
แม้ว่าจะอยู่ห้องข้างๆ แต่อวี๋หวั่นก็ได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมอของเยี่ยนจิ่วเฉา เพียงเท่านี้เธอก็วางใจมากขึ้นแล้ว
เมื่อออกมาจากต้าโจวแล้วจึงรู้ว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า ในต้าโจว เยี่ยนจิ่วเฉาเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งเยี่ยนอ๋องซึ่งอยู่เหนือทุกคนยกเว้นฮ่องเต้ นอกจากฮ่องเต้แล้วก็ไม่มีผู้ใดกล้าแตะต้องเขา ไม่ต้องเอ่ยถึงการจับเขาเข้าคุก แค่ชี้หน้าด่าทอเขาเพียงประโยคเดียวก็อาจถูกฮ่องเต้สั่งประหารได้ ทว่าบัดนี้พวกเขาไม่ได้อยู่ในต้าโจว และไม่อาจเปิดเผยตัวตนอย่างครั้นอยู่ในต้าโจวได้
มิใช่ว่าเขาไม่เคยคิดจะใช้สถานะเชื้อพระวงศ์แห่งต้าโจวเดินทางเข้าหนานจ้าว แต่หากทำเช่นนั้นก็ออกจะเป็นที่จับตามองไปสักหน่อย บางทีโอกาสในการหายาถอนพิษไม่เพียงน้อยลง แต่กลับถูกคนลอบสังหารแทน
แม้ตอนนี้จะลำบากอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีวิธีการหลบหนี
หลังจากนี้พวกเขาจำต้องระวังตัวให้มากกว่าเดิม
“ได้เวลากินข้าว!”
อวี๋หวั่นเหลือบไปมอง นั่นเป็นโจ๊กข้าวและผักดองซึ่งมีเม็ดทรายปะปน แค่มองก็รู้แล้วว่าไม่ได้เรื่อง โชคดีที่ตอนเธอกับเยี่ยนจิ่วเฉารออยู่บนรถม้า ไม่มีอะไรทำจึงกินแผ่นแป้งไปมากโข ตอนนี้จึงยังไม่หิว แต่ว่าเจียงไห่บังคับรถตลอดทาง ตอนนี้เกรงว่าจะหิวโซ
ในเมื่อตอนนี้ติดอยู่ในคุก จะมัวมาสนใจเรื่องนี้ไม่ได้ อวี๋หวั่นนั่งพิงกำแพงเงียบๆ คิดว่าจะหลับตาทำสมาธิ ตกดึกค่อยหาวิธีหลบหนี
ทันใดนั้นเอง เธอก็ได้ยินเสียงเปิดประตูคุก บุรุษอัปโชคอีกคนหนึ่งถูกจับเข้ามา
เธอไม่คิดจะใส่ใจ แต่ไม่รู้ว่าทำไม อยู่ๆ เธอลืมตาขึ้นและพบว่าผู้มาใหม่ก็คือภิกษุชุดสีฟ้าอ่อนสวมหมวกสานคนหนึ่ง
หมวกสานนั้นค่อนข้างกว้าง ทำให้ใบหน้าของเขากลืนไปกับเงาของหมวก
สายตาของอวี๋หวั่นชะงักไปเล็กน้อย
เดี๋ยวก่อน นี่มันภิกษุหนุ่มที่พักอยู่ข้างห้องของเธอกับเยี่ยนจิ่วเฉาในชิงเหอไม่ใช่หรือ?
เขามาซีเฉิงเหมือนกันหรือ?
แล้วก็ถูกจับเข้าคุกด้วย?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]