เหล่านักโทษต่างหลับใหลอยู่ในนิทรา การเคลื่อนไหวของอวี๋หวั่นนั้นเงียบเชียบ เธอไขกุญแจมือและตรวนข้อเท้าก่อน จากนั้นจึงเปิดประตูห้องขัง เธอย่องออกมิได้มีกะจิตกะใจห่วงใยเพื่อนร่วมห้องขัง แต่ขณะที่จะเดินออกไปนั้น เธอก็หันไปมองภิกษุในห้อง
เขามิได้มีปฏิกิริยาแต่อย่างใด ราวกับหลับไปแล้ว
อวี๋หวั่นไม่ได้เรียกเขา
ไม่ใช่ว่าเธอใจดำแต่อย่างใด แต่การหนีออกไปได้ก็นับว่าเป็นโชคแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นหากภิกษุผู้นี้เกิดเอะอะโวยวายรายงานว่าเธอหนีออกไปต้องแย่แน่ๆ
อวี๋หวั่นพาเจ้าจิ้งจอกหิมะน้อยไปหาเยี่ยนจิ่วเฉา เยี่ยนจิ่วเฉากำลังหลับใหล อยู่ในคุกยังหลับสบายขนาดนี้ อวี๋หวั่นละเชื่อเขาเลย เธอคิดว่าจะไปทางด้านหน้าคุกเพื่อไปช่วยเจียงไห่ด้วย
เจียงไห่ก็เตรียมตัวหนีแล้วเช่นกัน เพียงแต่ไม่คิดว่าอวี๋หวั่นจะลงมือเร็วกว่าเขา เขาตื่นขึ้น ลงมืออย่างรวดเร็วแล้วพุ่งไปยังอีกฟากหนึ่งของคุกแล้วแบกเยี่ยนจิ่วเฉาขึ้นหลัง จากนั้นก็ออกไปพร้อมกับอวี๋หวั่น
วิชาตัวเบาของเจียงไห่ดีเยี่ยม ส่วนอวี๋หวั่นก็ฝีเท้าเบาไร้สุ้มเสียง ทั้งสองจึงออกจากคุกได้อย่างง่ายดาย
จิ้งจอกหิมะน้อยก็ตามมาติดๆ
ทันใดนั้นเอง เจียงไห่ก็ชะงักฝีเท้า “ช้าก่อน”
อวี๋หวั่นก็หยุดตามที่เขาบอก
เจ้าจิ้งจอกหิมะไม่ได้มองทาง จึงชนกับด้านหลังขาของอวี๋หวั่นเข้าเต็มๆ จนมึนงง มองเห็นแต่ความมืดและดาวสีทอง
“มีอะไร?” อวี๋หวั่นถาม
ใบหูสองข้างของเจียงไห่ขยับเล็กน้อย “มีคน”
อวี๋หวั่นตั้งสมาธิฟัง จริงด้วย ด้านหน้าและด้านหลังตรอกมีทหารลาดตระเวน แย่แล้ว
ด้วยวิทยายุทธ์ของเจียงไห่ อวี๋หวั่นเชื่อว่าพวกเขาจะฝ่าออกไปได้ แต่หลังจากฝ่าออกไปแล้วทำอย่างไรต่อนี่สิ?
เจียงไห่และอวี๋หวั่นนึกบางอย่างออก ทั้งสองสบตากัน จากนั้นก็บังเกิดความคิด และพุ่งไปยังกำแพงด้านหน้าพร้อมกันทันที
ต่อให้เจียงไห่จะเคยมาซีเฉิง ทว่าในยามที่ปราศจากแสงไฟสว่างให้พอมองเห็นได้เช่นนี้ เขาก็ไม่อาจรู้ได้ว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน ทั้งสองคิดว่ามันเป็นเพียงคฤหาสน์หลังใหญ่หลังหนึ่ง ไม่ได้คิดว่าจะเป็นสถานที่ซึ่งมีการคุ้มกันแน่นหนาที่สุดในซีเฉิงอย่างจวนเจ้าเมือง
“ไม่ทันแล้ว หาที่หลบก่อนดีไหม?” อวี๋หวั่นถาม
เจียงไห่พยักหน้า คงต้องทำเช่นนั้น
เจียงไห่ใช้วิชาตัวเบากระโดดขึ้นไปบนกำแพง แล้วยื่นมือมาหาอวี๋หวั่น อวี๋หวั่นอุ้มลูกจิ้งจอกหิมะ คว้ามือของเจียงไห่แล้วกระโดดขึ้นไป
อย่างไรเสียอวี๋หวั่นก็มาจากอีกโลกหนึ่ง เรื่องจับไม้จับมือในสถานการณ์คับขันเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเธอ อวี๋หวั่นกระโดดไปอีกฝั่งของกำแพง กลับเป็นเจียงไห่ซึ่งยืนอึ้งอยู่ที่เดิม
“ทำอะไรอยู่? รีบลงมาเร็ว!” อวี๋หวั่นเร่งเร้า
เจียงไห่หน้าแดงก่ำ โชคดีที่ทุกสิ่งรอบตัวล้วนแต่กลืนไปกับความมืด จึงมองไม่เห็นสีหน้าของเขา เขารีบกระโดดลงมา เพียงแต่วินาทีที่เขายืนอึ้งอยู่นั้น หน่วยทหารลาดตระเวนก็มาถึงพอดี ทว่าพวกเขาเห็นชายเสื้อรางๆ หายลับไปในกำแพงจวนเจ้าเมือง
“พวกเจ้าเห็นอะไรหรือเปล่า?” ทหารคนหนึ่งซึ่งมีสายตาว่องไวขมวดคิ้ว
ทหารคนอื่นๆ ส่ายหน้า
กันไว้ดีกว่าแก้ เขาจึงพาพี่น้องทหารเดินไปสำรวจบริเวณกำแพงที่พบเห็นความเคลื่อนไหว เขานั่งยองลง และพบว่ามีรอยเท้าอยู่ตรงหน้า ทันใดนั้นเองทหารอีกคนหนึ่งก็ตะโกนขึ้นมาว่า”ใคร!”
ภิกษุชุดสีฟ้าอ่อนรูปนั้นแหกคุกเช่นกัน
ความสนใจของพวกเขาล้วนแต่ไปอยู่ที่ภิกษุรูปนั้น ไม่มีกะจิตกะใจจะสนใจหัวขโมยซึ่งไม่รู้ว่ามีจริงหรือไม่อีกต่อไป พวกเขาพุ่งไปหาภิกษุอย่างรวดเร็ว
อวี๋หวั่นและเจียงไห่ไม่รู้เรื่องนี้ เมื่อทั้งสองกระโดดข้ามมาก็พบกับสาวใช้ในจวนคนหนึ่ง โชคดีที่พวกเขาหลบอย่างว่องไว สาวใช้จึงไม่ทันมองเห็นพวกเขา
ทั้งสองทำได้เพียงหาที่ซ่อนตัวอีกครั้ง หลังจากที่สาวใช้เดินไป และหน่วยทหารลาดตระเวนจากไปแล้ว พวกเขาก็ข้ามกำแพงไป
เพียงแต่เมื่อยิ่งเข้าไป สาวใช้ก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น เห็นทีหากพวกเขาจะกลับทางเดิมก็คงไม่ง่ายนัก
ทั้งสองหลบอยู่ด้านหลังภูเขาจำลอง
ไม่นานองครักษ์ก็เข้ามาสมทบ
อวี๋หวั่นกระซิบว่า “นี่มันที่ไหนกัน? ทำไมมีองครักษ์เยอะขนาดนี้?”
บ้านของตระกูลใหญ่อย่างคฤหาสน์สกุลไป๋หรือจวนคุณชายยังไม่มีคนอารักขามากถึงเพียงนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]