นี่คือแม่ทัพใหญ่ที่ชายหนุ่มคนนั้นพูดถึงใช่ไหม? คนสกุลเห้อเหลียน?
หน้าตาไม่ยักเหมือนกับเห้อเหลียนฉี
เห้อเหลียนฉีหน้าตาอัปลักษณ์ ยังเทียบไม่ได้แม้แต่เส้นผมของคนผู้นี้ด้วยซ้ำ
นั่นเป็นเพราะเคยพบเห้อเหลียนฉีมากก่อน ดังนั้นอวี๋หวั่นจึงไม่ได้จินตนาการภาพของคนสกุลเห้อเหลียนไว้มากเท่าไรนัก ไหนเลยจะรู้ว่าเขาผู้นี้กลับหล่อเหลาไม่เป็นรองเยี่ยนจิ่วเฉา
“ส่งเพียงเท่านี้ก็พอ เจ้าเมืองเชิญกลับ” เด็กหนุ่มซึ่งดูคล้ายจะเป็นบ่าวคนสนิทเอ่ยขึ้น
รอยยิ้มวาดผ่านใบหน้าของชายหนุ่มซึ่งถูกเรียกว่าเจ้าเมือง เขาเดินเข้าไปหาผู้ที่อยู่บนรถเข็นแล้วประสานมือคำนับ “ดึกมาแล้ว ท่านแม่ทัพใหญ่พักผ่อนเถิดขอรับ ข้าน้อยขอตัวก่อน”
ที่แท้ชายหนุ่มผู้นี้ก็คือเจ้าเมือง ข้าราชการของหนานเจ้าอายุน้อยขนาดนี้เชียวหรือ? จะว่าไปผู้ชายที่นั่งอยู่บนรถเข็นก็ไม่นับว่าอายุมาก น่าจะใกล้เคียงกับท่านพ่อของเธอ
ขณะที่อวี๋หวั่นกำลังใช้ความคิดอยู่นั้น เจ้าเมืองซีเฉิงก็ออกไป บ่าวคนสนิทก็เข็นรถไปยังระเบียงทางเดิน เจ้าเมืองทุ่มเทไปไม่น้อยที่จะต้อนรับแขกคนสำคัญ ขั้นบันไดก็ใช้ไม้กระดานมาติดเพื่อให้สะดวกแก่การเข็นรถเข็นขึ้นลง
“แม่ทัพใหญ่ขอรับ ท่านเหนื่อยแล้วกระมัง? เมื่อครู่ข้าว่าคนเหล่านั้นมีตาหามีแววไม่ ไม่เห็นหรือว่าท่านไม่สนุกด้วย? ยังจะมายกแก้วให้ท่านอีกนะขอรับ!” บ่าวคนสนิทบ่น
บุรุษบนรถเข็นไม่ได้พูดอะไร เขาดูเหนื่อยล้าเต็มที
บ่าวเข็นรถไปตามทางเดิน
อวี๋หวั่นมองตามพวกเขา พลางภาวนาว่าขออย่าเป็นห้องนี้เลย อย่าเป็นห้องนี้เลย…
“ถึงแล้วขอรับ” บ่าวเอ่ยขึ้น
เป็นห้องนี้จริงๆ ด้วย!
กลัวอะไรก็ได้อย่างนั้นสินะ
อวี๋หวั่นมองไปรอบๆ หากซ่อนตัวใต้เตียงก็คงจะถูกพบได้ง่าย จะเข้าไปในตู้เสื้อผ้าก็ดูจะแคบเกินไปสักหน่อย ใคร่ครวญอยู่รอบหนึ่ง เธอก็เหลือบไปเห็นห้องเล็กด้านข้าง เธอจึงรีบเข้าไปหลบด้านหลังม่าน
บ่าวเข็นรถของแม่ทัพใหญ่เข้ามาในห้อง
อวี๋หวั่นตั้งสมาธิและกลั้นลมหายใจ
ในตอนนี้เธอมองไม่เห็นพวกเขา แต่ได้ยินบทสนทนาของทั้งสองอย่างชัดเจน
“ท่านแม่ทัพใหญ่ ข้าจะไปบอกให้ห้องครัวต้มน้ำร้อนนะขอรับ ท่านจะได้แช่น้ำร้อนบรรเทาความเมื่อยล้า ในงานเลี้ยงท่านไม่ได้ทานอะไร ข้าจะให้พวกเขาต้มโจ๊กให้ดีไหมขอรับ? โจ๊กหวานหรือว่าโจ๊กเค็มดีขอรับ?”
“ไม่ต้อง ข้าไม่หิว”
“แต่กินสักหน่อยก็ดีนะขอรับ”
“ของที่ให้เจ้าไปซื้อ เจ้าซื้อมาหรือยัง?”
“ซื้อแล้วขอรับ ธูปเทียน เงินกระดาษ เครื่องเซ่นไหว้ เสื้อผ้าแล้วก็บ้าน เหมือนกับปีที่แล้วเลยขอรับ!”
เสื้อผ้าและบ้านที่เขาพูดถึงนั้นเป็นของสำหรับคนตาย ใช้กระดาษทำขึ้นมา ในโลกก่อนหน้าอวี๋หวั่นก็เคยเห็น ว่ากันว่าหากเผาไปให้ญาติผู้ล่วงลับ พวกเขาจะได้ใช้ในปรโลก
“พรุ่งนี้ท่านจะต้องไปพบนายน้อยใช่หรือไม่ขอรับ?” บ่าวคนสนิทเอ่ยถาม
“อืม” แม่ทัพใหญ่พยักหน้า
“เข้าใจแล้วขอรับ” บ่าวเดินไปเปิดประตู เพิ่งจะเดินไปเปิดประตู “ท่านจะรับอะไรขอรับ? บะหมี่เนื้อแพะ?”
“ข้าไม่กินแล้ว”
“ขอรับ”
บ่าวคนสนิทเดินออกไปด้วยความผิดหวัง
ทว่าเดินออกไปได้เพียงก้าวเดียว ก็ได้ยินแม่ทัพใหญ่ตวาดว่า “ใคร?!”
เขาสาวเท้ากลับมาในห้องทันที
อวี๋หวั่นปิดจมูกแน่น เมื่อครู่เธออยากจะจาม แต่ยังไม่ทันจามออกมา แม่ทัพใหญ่รู้ได้อย่างไรกัน?
บ่าวคนสนิทดึงมีดออกมา แล้วเดินเข้าไปทางห้องเล็กด้านข้างด้วยสีหน้าเย็นเยียบ “ผู้ใดกัน?”
“เอ๋ง!”
ก้อนกลมน่ารักสีขาวกลิ้งออกมา
“เอ๋?” บ่าวคนสนิทจ้อง แล้วก้มลงอุ้มเจ้าก้อนกลมสีขาวขึ้นมา เขายิ้มแล้วบอกว่า “ท่านแม่ทัพ ลูกจิ้งจอกขอรับ”
ลูกจิ้งจอกหิมะตัวน้อยทำหน้าตาน่ารักมองไปยังบุรุษบนรถเข็น
แม่ทัพใหญ่ยื่นมือออกไป
บ่าววางเจ้าลูกจิ้งจอกหิมะลงบนอุ้งมือของเขา
เจ้าตัวเล็กขนนุ่มนิ่ม ดวงตาของมันวาวใส บนหัวของมันมีขนตั้งเล็กน้อย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าน่ารักแค่ไหน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]