อวี๋หวั่นเปลี่ยนไปมาก ไป๋ถังมีหรือจะไม่เปลี่ยน? เพียงแต่ว่า เมื่อเทียบกับรูปร่างหน้าตาภายนอกแล้ว สิ่งที่ไป๋ถังเปลี่ยนไปมากกว่าก็คือความน่าเกรงขามซึ่งแผ่ออกมารอบกายของนาง ท่าทางดุดันของเจ้าแม่แห่งหมู่บ้านเหลียนฮวาไม่เหลืออยู่อีกต่อไป บัดนี้นางเป็นลูกสะใภ้และภรรยาผู้อ่อนโยน
คนสกุลอวี๋เกิดและเติบโตในหมู่บ้านเหลียนฮวา แต่ไป๋ถังนั้นเป็นถึงคุณหนูจากตระกูลใหญ่ หากเทียบกันตามลำดับชั้น ชาวนานั้นมีศักดิ์สูงกว่าพ่อค้าวาณิช แต่หากเทียบกันตามความเป็นจริง พ่อค้าวาณิชมักมั่งคั่งร่ำรวย ชาวนาทำงานกรำแดดกรำฝนอย่างพวกเขาไหนเลยจะเทียบได้
นอกจากนั้น มารดาของไป๋ถังเป็นถึงทายาทของตระกูลใหญ่ นางมิใช่คุณหนูจากสกุลพ่อค้าทั่วไป
ว่ากันว่าความรักเป็นเรื่องของคนสองคน แต่การแต่งงานกลับเป็นเรื่องของสองครอบครัว อวี๋หวั่นเคยกังวลว่าเมื่อไป๋ถังแต่งงานเข้ามาในสกุลอวี๋แล้วจะปรับตัวกับชีวิตในหมู่บ้านไม่ได้ แต่ความจริงเป็นประจักษ์แล้วว่าอวี๋หวั่นคิดมากไปเอง
หมู่บ้านเหลียนฮวาในตอนนี้ ยังเป็นเหมือนก่อนหน้านี้อยู่หรือ? สกุลอวี๋ซึ่งครอบครองภูเขาซึ่งเต็มไปด้วยสินแร่ ยังเป็นครอบครัวชาวนาธรรมดาอยู่หรือ? ไป๋ถังได้พบขุนนางและชนชั้นสูงในสกุลอวี๋มากกว่าในคฤหาสน์สกุลไป๋เสียอีก หรือจะกล่าวให้ชัดเจนก็คือ ได้พบมากกว่ามากๆ!
หลังจากแต่งงาน โลกทัศน์และสังคมของนางก็กว้างกว่าแต่ก่อนเสียอีก!
ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงอวี๋เฟิงที่ปฏิบัติต่อนางด้วยความจริงใจ ทั้งพ่อและแม่สามีก็ดีกับนาง พวกเขามิได้มองนางเป็นลูกสะใภ้ หากแต่มองนางเป็นลูกสาวคนหนึ่ง เมื่อเทียบกันแล้ว อวี๋เฟิงดูเหมือนกับเป็นลูกเขยของบ้านนี้เสียมากกว่า
แล้วก็เจินเจิน เด็กคนนี้สนิทสนมกับนางมาก
ไป๋ถังนั้นรูปร่างหน้าตางดงาม ทั้งยังรู้ศิลปะแขนงต่างๆ ทั้งการถักเชือกแดง ตัดกระดาษ และยังแต่งหน้าแต่งตัวให้เจินเจินจนสะสวย เจินเจินชอบนางเหลือเกิน แทบจะติดสอยห้อยตามจนกลายเป็นหางของไป๋ถังเสียแล้ว
เมื่ออวี๋หวั่นรู้ว่าไป๋ถังเข้ากับคนสกุลอวี๋ได้ดี เธอก็วางใจ
“ข้าได้ยินอาม่าบอกว่าเจ้าใกล้คลอดแล้วหรือ?” ในห้อง ไป๋ถังนั่งอยู่บนเก้าอี้ นางเอ่ยถามพลางมองไปยังท้องของอวี๋หวั่น
อวี๋หวั่นพยักหน้า “น่าจะปลายเดือนนี้ ท่านละ? ท้องแล้วหรือยัง?”
“ปีนี้ข้ามีลูกไม่ได้” ไป๋ถังบอก
“หืม?” อวี๋หวั่นชะงักไป
ไป๋ถังพึมพำว่า “พ่อข้าไปดูดวงมา เขาบอกว่าปีนี้ข้าไม่ควรมีลูก ไม่เช่นนั้นดวงของลูกที่เกิดมาจะชนกับดวงของข้า ปีหน้าค่อยมี”
เรื่องนั้น…แค่กๆ อวี๋หวั่นไปออกมาเล็กน้อย ต้นเหตุของความงมงายของนายท่านไป๋ก็คงเป็นเพราะพวกเขา ในตอนนั้นเธอทำให้ไป๋ถังแกล้งป่วย เพื่อยกเลิกงานแต่งงานระหว่างไป๋ถังกับญาติฝั่งแม่เลี้ยงของนาง ความเชื่อของนายท่านไป๋ก็เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่บัดนั้น
อวี๋หวั่นพูดตะกุกตะกักว่า “เช่นนั้นพวกท่านสองคนก็…ลำบากสักหน่อย” เป็นคู่ข้าวใหม่ปลามันแต่ไม่อาจมีลูกได้ และไม่อาจดื่มยาคุมกำเนิดได้บ่อยๆ จึงทำได้เพียงร่วมรักกันน้อยครั้งลง
“ข้าน่ะไม่เป็นไร แต่พี่ใหญ่เจ้า…” ไป๋ถังพูดไปได้เพียงครึ่งเดียว ใบหน้าก็แดงก่ำ
“ไม่เป็นไร ข้าเข้าใจแล้ว!” เธอไม่ใช่เด็กสาววัยแรกแย้ม เธอมีลูกสามคนแล้ว และมีในท้องอีกหนึ่งคน เรื่องระหว่างสามีภรรยาไม่อาจทำให้เธอรู้สึกกระดากอาย!
“ใช่สิ! ทำไมข้าไม่เห็นพี่ใหญ่กับเถี่ยตั้นน้อยเลยเล่า” เมื่ออวี๋หวั่นมาถึงที่นี่ เธอก็มองไปรอบๆ ทั้งด้านในและด้านนอก แต่ไม่ยักเห็นเงาของพวกเขา
ไป๋ถังตอบว่า “พวกเขาไปซื้อปูที่หมู่บ้านข้างๆ น่ะ!”
“พี่รองก็กลับมาหรือ?” อวี๋หวั่นรู้สึกประหลาดใจ
“อื้ม!” ไป๋ถังพยักหน้า “จะว่าไปก็น่าแปลก เดิมทีสองวันนี้ไม่ใช่วันหยุดของสำนักบัณฑิต แต่เมื่อคืนอวี๋ซงกลับบ้านมา บอกว่าสำนักบัณฑิตหยุด พวกเขาหยุดจริงๆ! ใต้เท้าเฉิงจากกรมโยธามาขุดเหมืองที่นี่ ลูกชายของเขาก็เรียนอยู่ที่สำนักบัณฑิต เขาก็บอกว่าเมื่อวานหยุดเหมือนกัน”
“อย่างนั้นหรือ?” อวี๋หวั่นคิดว่าที่สำนักบัณฑิตยังมีการเรียนการสอน เธอยังคิดว่าจะแวะไปหาอวี๋ซงขากลับ
พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา
“เสี่ยวเป่า เอ้อร์เป่า ต้าเป่า!”
เป็นน้ำเสียงตื่นเต้นของอวี๋ซง!
“ลุงรอง!”
เสี่ยวเป่าได้พบกับลุงคนโปรดของเขาแล้ว คนตั้งมากมาย ผู้ใหญ่ตั้งมากมาย! ในที่สุดก็มีคนเรียกชื่อเขาเป็นคนแรกแล้ว!
เสี่ยวเป่าสาวเท้าสั้นๆ วิ่งไปหาอวี๋ซงอย่างรวดเร็ว!
แม้ว่าอวี๋หวั่นจะอยู่ในห้อง แต่เธอก็ตระหนักได้ว่าเด็กทั้งสามไม่ได้ลืมคนสกุลอวี๋ เพราะบนรถม้า อวี๋หวั่นไม่คิด
ว่าพวกเขาจะได้พบกับอวี๋ซงที่บ้าน จึงพูดถึงเพียงปู่ใหญ่ ย่าใหญ่ ลุงใหญ่ ป้าสะใภ้ใหญ่ น้าเล็กเถี่ยตั้น และน้าเล็กเจินเจิน
เสี่ยวเป่าตะโกนว่าลุงรอง ก็หมายความว่าเขายังไม่ลืมอวี๋ซง
และหากเสี่ยวเป่าจำได้ ต้าเป่ากับเอ้อร์เป่าก็ย่อมจำได้เช่นกัน
พวกเขาไม่ได้กลับมาหมู่บ้านเหลียนฮวาเกือบหนึ่งปี ในตอนนั้นพวกเขาอายุเท่าไรกัน? สองขวบ! ในระยะเวลา
เกือบหนึ่งปีมานี้ อวี๋หวั่นแทบไม่ได้เอ่ยถึงคนสกุลอวี๋กับเด็กทั้งสาม หรือเรียกได้ว่าพวกเขาสามารถจดจำได้โดยที่ไม่ต้องทบทวน?!
นี่มัน…
อวี๋หวั่นนึกถึงเจินเจิน
เจินเจินจำพวกเขาไม่ได้
เอ…ตกลงใครไม่ปกติกันแน่นะ?
“ท่านยายจาง!”
“เอ้อ! เด็กๆ!”
เป็นเสียงของเอ้อร์เป่าและป้าจาง
เห็นได้ชัดว่าป้าจางจำไม่ได้ว่าเอ้อร์เป่าคือเด็กคนใดในสามคน เพียงแต่หัวเราะตามน้ำพวกเขาไปก็เท่านั้น แต่เอ้อร์เป่า…
อวี๋หวั่นแทบสำลักน้ำชาที่เพิ่งดื่มไป เด็กทั้งสามไม่ได้จำได้เพียงคนสกุลอวี๋ แต่ยังจำได้ขนาดป้าจางซึ่งแวะเวียนมาเพียงไม่กี่ครั้ง?!
“ท่านยายไป๋!”
“ท่านยายหลัว!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]