หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3] นิยาย บท 180

ไม่มีผู้ใดอยู่ตรงนั้น เฟ่ยหลัวหมดความอดทนไปแต่แรกแล้ว ที่ยังอดทนมาได้จนถึงตอนนี้ก็เป็นเพราะแม่นางคนนี้แตกต่างกับคนอื่นๆ ทว่าต่อให้แตกต่างกันอย่างไร นางก็ยังเป็นสตรี บัดนี้ความอดทนของเฟ่ยหลัวได้หมดลงแล้ว

“แม่นางจื่อซู”

เฟ่ยหลัวเอนกายเข้าใกล้จื่อซู

ดวงตาอันงดงามดังผลซิ่งของจื่อซูจับจ้องไปที่เขา “ใต้เท้าเฟ่ยหลัว ท่านเคยเห็นพระสวามีหรือไม่? เขาหน้าตาเป็นอย่างไรหรือเจ้าคะ?”

เฟ่ยหลัวถูกดวงตากลมโตสีดำขลับคู่นั้นทำให้พูดไม่ออก เขาระงับไฟโทสะแล้วกล่าวว่า “ว่ากันว่าใบหน้าของ

พระสวามีถูกทำลาย หลายปีมานี้ใส่หน้ากากอยู่เสมอ ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเขามีหน้าตาเป็นอย่างไร?”

“ใส่ หน้า กาก?” จื่อซูพึมพำ

“นี่ก็ช้ามากแล้ว เรื่องของจวนประมุขหญิงไว้พรุ่งนี้ข้าจะเล่าให้เจ้าฟัง เจ้าไปพักผ่อนก่อนเถิด” เฟ่ยหลัวมองจื่อซูอย่างมีเลศนัย แล้วยื่นมือประหนึ่งกรงเล็บสุนัขป่าไปหาจื่อซู

เมื่อเห็นว่ามือนั้นกำลังเอื้อมมายังร่างกายของตน จื่อซูก็คว้ามันเอาไว้ทันที

เฟ่ยหลัวนิ่งไปชั่วขณะหนึ่ง จากนั้นเขาก็คิดว่าอีกฝ่ายยั่วยวนตนเอง จึงยิ้มกรุ้มกริ่ม แต่หลังจากนั้นก็ยิ้มไม่ออกอีก

มือของจื่อซูออกแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จนเขารู้สึกราวกับข้อมือจะหัก

เขาดึงมือออกตามสัญชาตญาณ แต่กลับพบว่าตนขยับมือไม่ได้

เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?

เฟ่ยหลัวตะลึง

“มะ…แม่นางน้อย?”

เฟ่ยหลัวลองเรียก

“อืม” อีกฝ่ายขานรับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

แต่กลับมิใช่น้ำเสียงอ่อนหวานเฉกเช่นก่อนหน้านี้ แต่กลับเป็นเสียงซึ่งตอบอย่างมิได้ใส่ใจเท่าไรนัก

เฟ่ยหลัวเคยพบจื่อซูมาก่อน เคยสนทนากับจื่อซูมาก่อน เขาไม่ได้เอะใจว่าอีกฝ่ายจงใจกดเสียงให้ทุุ้มต่ำลง แต่ทันทีที่ปรับกลับมาเป็นเสียงเดิม เฟ่ยหลัวจึงฟังออกว่ามีบางอย่างผิดปกติ

ทันใดนั้นเฟ่ยหลัวก็ตื่นตะลึง “เจ้าไม่ใช่จื่อซู!”

“เจ้าเพิ่งรู้เรอะ?” อีกฝ่ายยิ้มจางๆ แล้วค่อยๆ ถอดหน้ากากออก เผยให้เห็นใบหน้าซึ่งงดงามกว่าจื่อซูอีกสิบเท่า

เฟ่ยหลัวตกตะลึง

อวี๋หวั่นลูบแก้มของตน ความรู้สึกของการสวมหน้ากากนั้นไม่ได้ดีเท่าไรนัก ไม่รู้ว่าชุยเฒ่าใช้วัสดุอะไรทำ ไม่เพียงไม่ระบายอากาศ ยังบีบหน้าเธอเสียแน่นเชียว อันที่จริงหน้ากากหนังมนุษย์นี้ทำออกมาได้เหมือนกับใบหน้าของจื่อซูเพียงเจ็ดแปดส่วน คนที่คุ้นเคยกับจื่อซูย่อมมองออกถึงความผิดปกติ แต่ใครให้ปรมาจารย์พิษไม่คุ้นเคยกับจื่อซูเล่า แม้แต่เขายังมองไม่ออก เฟ่ยหลัวซึ่งเคยพบหน้าจื่อซูบนถนนเพียงครั้งเดียวยิ่งมองไม่ออกเข้าไปใหญ่

“เจ้า…เจ้า…”

“เจ้าอะไรหรือ? ปรมาจารย์พิษผู้ยิ่งใหญ่แห่งจวนประมุขหญิงถึงกับพูดจาตะกุกตะกักเชียวหรือ? เช่นนั้นไม่สู้ข้าพูดแทนเจ้าดีกว่า เจ้าอยากถามข้าใช่ไหมว่าปลอมเป็นจื่อซูได้อย่างไร? แน่นอนว่าข้าตีแผนชั่วของพวกเจ้าแตกด้วย ส่วนเรื่องที่ข้ารู้ได้อย่างไรนั้น…” อวี๋หวั่นยิ้มน้อยๆ “คนแซ่อวี๋นั่นทำเป็นหยุดระหว่างทาง เขาคิดว่าการแสดงของเขาแนบเนียนมากหรืออย่างไรกัน?”

ช่วงเช้าเขาจงใจเร่งรถก็ชวนให้พวกเขาสงสัยมากพอแล้ว ระยะทางจากโรงเตี๊ยมเดิมไปถึงเมืองหลิ่วนั้นไม่จำเป็นต้องเร่งรีบก็สามารถเข้าเมืองได้อย่างราบรื่น เขากลับแสร้งทำเป็นรีบร้อนให้ทุกคิดว่าเขาเร่งเข้าเมืองมากเพียงใด เพื่อให้ไม่มีผู้ใดนึกสงสัยในตอนที่เขาแกล้งทำเป็นท้องเสีย โดยที่ไม่รู้ว่าในบรรดาพวกเขาทั้งแปดคน มีหมออยู่สองคน ป่วยจริงหรือแกล้งป่วย พวกเขามองเพียงนิดเดียวก็รู้แล้ว

แผนซึ่งปรมาจารย์พิษอวี๋ให้สารถีสะกดรอยตามจื่อซูยิ่งนับว่าเป็นช่องโหว่ คิดว่ายอดฝีมือสามคนจะถึงกับไม่รู้เชียวหรือว่าจื่อซูถูกสารถีตามมา?

สารถีคิดว่าตนนั้นโชคดีเสียยิ่งกระไร แต่ไม่รู้ว่าที่จริงเป็นแผนการที่นายบ่าวได้ตกลงกันไว้ดิบดีตั้งแต่แรก

คนที่ไปพบปรมาจารย์พิษในครั้งแรกคือจื่อซู ทว่าครั้งที่สองกลับเป็นอวี๋หวั่น

“ไข่มุกกระจอกๆ ลูกหนึ่งจะนำไปใช้หาราชันสัตว์พิษได้จริงหรือ?” อวี๋หวั่นหัวเราะค่อนแคะ

ช้าก่อน ไข่มุกกระจอกๆ ราชันสัตว์พิษ…

เฟ่ยหลัวถลึงตา “ราชันสัตว์พิษอยู่ที่เจ้ารึ?! ”

อวี๋หวั่นยิ้มเล็กน้อย “ใช่แล้ว อยู่ที่ข้าเอง มีความสามารถพอก็มาเอาไปสิ”

แม้แต่มือ เฟ่ยหลัวยังสลัดไม่หลุด นับประสาอะไรกับราชันสัตว์พิษ?

เฟ่ยหลัวนัยน์ตาเย็นเยียบ แล้วพูดขึ้นด้วยความเกรี้ยวกราดว่า “ใครก็ได้ มานี่หน่อย!”

อวี๋หวั่นยิ้ม

จุดไท่หยางที่หางคิ้วของเฟ่ยหลัวเต้นตุบๆ “ใครก็ได้ มานี่หน่อย!”

อวี๋หวั่นขี้คร้านจะจับแขนเขาแล้ว จึงเหวี่ยงเขาลงกับพื้น

เฟ่ยหลัวล้มหน้าคะมำ “ใครก็ได้ มานี่เร็วววว”

อวี๋หวั่นมองลงต่ำ “ไม่ต้องร้องหรอก องครักษ์ของเจ้าถูกคนของข้าจัดการหมดแล้ว”

เฟ่ยหลัวไม่ยอม “เป็นไปไม่ได้! พวกเขาเป็นองครักษ์ของประมุขหญิง! แต่ละคนล้วนแต่เป็นยอดฝีมือ…”

อวี๋หวั่นหัวเราะ “จริงหรือ? เจ้าเรียกอยู่นานถึงเพียงนั้น ทำไมถึงไม่มีใครมาช่วยเจ้าเลยสักคนเลยละ?”

เฟ่ยหลัวชะงักไป

นั่นน่ะสิ หากพวกเขายังอยู่ ต่อให้เขาไม่ร้องเรียก พวกเขาก็ต้องรีบเข้ามาทันทีที่ได้ยินความเคลื่อนไหว…นานโขถึงเพียงนี้ยังไม่ใครเข้ามาเลยสักคน…ก็หมายความว่าพวกเขาทั้งกองล้วนแต่ถูกกำราบไปแล้ว

แต่เรื่องนี้จะเป็นไปได้อย่างไรกัน?

เมื่อครู่เขาไม่ได้ยินเสียงต่อสู้ด้วยซ้ำไป ไหนเลยจะมียอดฝีมือที่เก็บกวาดฝ่ายตรงข้ามได้ในพริบตาเดียวเช่นนี้?

เมื่อความคิดนี้แล่นปราดเข้ามาในสมอง เฟ่ยหลัวสัมผัสได้ถึงความเย็นวาบไปทั้งสันหลัง

เมื่อเห็นนางเด็กนั่น เขาไม่คิดเลยด้วยซ้ำว่าจะเจอกับงานยากเข้าเสียแล้ว

ได้ยินเจ้าเวรแซ่อวี๋นั่นบอกว่าคนกลุ่มนี้ไม่มีผู้ใดเป็นชาวยุทธภพ เพราะฉะนั้นจะมียอดฝีมือที่เก่งกาจถึงเพียงนี้

ได้อย่างไร?

หลังจากที่ประหลาดใจไปชั่วขณะหนึ่ง เฟ่ยหลัวก็เยือกเย็นลง เก่งกาจกว่านี้แล้วอย่างไร? เขาเป็นถึงปรมาจารย์พิษ! หนอนพิษของเขาสามารถสังหารได้ทุกคน!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]