หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3] นิยาย บท 186

อวี๋หวั่นได้สืบความเกี่ยวกับเวลาและกฎระเบียบในการรับแขกของฮวาขุยมาจากผู้จัดการ

ผู้จัดการกล่าวว่า “แม่นางต่งรับแขกทุกวันที่หนึ่งและวันที่สิบห้าของเดือน ทุกครั้งจะมีคุณชายเพียงคนเดียวที่ได้เป็นแขกของนาง”

อวี๋หวั่นลูบคาง “วันนี้ไม่ใช่ทั้งวันที่หนึ่งและวันที่สิบห้า จะทำอย่างไรดี?”

ผู้จัดการยิ้ม “คุณชายรอก่อนขอรับ”

อวี๋หวั่นส่ายหน้า “รอไม่ได้”

ห่างกันเพียงวันเดียว เยี่ยนจิ่วเฉาก็ได้รับอันตรายจากพิษเพิ่มขึ้นมาหนึ่งส่วน ตัวตนของพวกเขาก็เสี่ยงที่จะถูกเปิดเผยเพิ่มขึ้นเช่นกัน

“เช่นนั้น…” ผู้จัดการชะงักไป ความสงสัยปรากฏบนใบหน้า

อวี๋หวั่นส่งทองให้เขา

ผู้จัดการบอกปัดว่า “คุณชายให้มามากแล้วขอรับ หากข้ารับอีกก็จะเสียมารยาท เมื่อครู่ข้ากำลังคิดว่าวิธีนั้นยากเกินไปสักหน่อย”

“วิธีอะไร?” อวี๋หวั่นถาม

ผู้จัดการกล่าวว่า “แม่นางต่งผู้นี้นับถือปรมาจารย์พิษ หากในบรรดาพวกท่านมีปรมาจารย์พิษที่ฝีมือสูงส่ง ก็สามารถเข้าไปพบแม่นางต่งได้โดยตรงเลยขอรับ”

ในบรรดาพวกเรามีหมอ มีมือสังหาร มีนักบวช แต่กลับไม่มีปรมาจารย์พิษ

อวี๋หวั่นถอนหายใจ “ดูแล้วน่าจะต้องรอจนถึงวันที่สิบห้าสินะ?”

ชิงเหยียน: เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ที่นึกเสียดายที่ไม่พาอาเว่ยมาด้วย…

เหตุที่ทิ้งอาเว่ยไว้ที่หมู่บ้านก็เพราะเขาชอบถ่วงแข้งถ่วงขา อีกทั้งพวกเขาไม่ได้คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องใหญ่เพราะหนังสือผ่านทาง ในเมื่อเห็นอยู่ว่าระหว่างทางก็ราบรื่นดี…เพราะฉะนั้นการประสบพบเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้ บางครั้งก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้

เจียงไห่จึงบอกว่า “เอาเถอะ อย่างน้อยก็รู้เรื่องของเห็ดหลินจือเพลิงแล้ว หลังจากนี้เจ็ดวันก็เป็นวันที่สิบห้า เมื่อถึงวันนั้นค่อยไปพบแม่นางต่ง หวังเพียงว่าจะไม่มีปรมาจารย์พิษคนใดมาชิงตัดหน้าพวกเรา เอาเห็ดหลินจือเพลิงไปเสียก่อน”

ในตอนนี้คงทำได้เพียงเท่านี้ หรือไม่พวกเขาก็ต้องใช้เวลาระหว่างนี้เฟ้นหาปรมาจารย์พิษที่เก่งกาจมาสักคน เพียงแต่พวกเขาเพิ่งมาเมืองหลวงเป็นครั้งแรก ไม่คุ้นเคยกับคนที่นี่ จะไปหาปรมาจารย์พิษจากไหนกัน?

ขณะที่อวี๋หวั่นกำลังกังวลว่าจะหาเห็ดหลินจือเพลิงอย่างไรอยู่นั้น กลับไม่รู้ว่าอาเว่ยและเด็กน้อยทั้งสามก็กำลังอยู่บนเส้นทางมายังหนานจ้าวเช่นกัน

อาเว่ยใช้เวลาสองวันเต็มๆ กว่าจะพบตัวเด็กน้อยตัวอวบอ้วนทั้งสามบนรถม้า อาเว่ยกังวลว่าหากเด็กทั้งสามรู้ว่าเขาหายไป ก็จะร้องให้คนที่บ้านพาพวกเขาตามมา ดังนั้นจึงรีบเร่งมาตลอดทาง จนไม่รู้วันรู้คืน แม้กระทั่งความตื่นตัวของเขาก็ยังมีไม่มากดังที่เคยเป็น

เขาลงจากรถม้าไปปลดทุกข์ เด็กน้อยทั้งสามก็ลงจากรถม้าไปปลดทุกข์ ทั้งยังขึ้นรถเร็วกว่าเขาเสียด้วย

เขากินข้าว เด็กทั้งสามก็กินเช่นกัน

แกร็กๆ แกร็กๆ

หืม…รู้สึกเหมือนมีหนูอยู่บนรถ

จนวันที่สาม เสี่ยวเป่ากินมันเทศแห้งมากไปจนผายลมออกมา ทันทีที่ได้ยินเสียง อาเว่ยซึ่งบังคับรถม้าอยู่ก็ตกใจจนเกือบร่วงลงมาจากรถม้า!

ด้วยเหตุนี้เด็กน้อยทั้งสามจึงถูกอาจารย์จับขึ้นมา

ดวงตากลมโตสามคู่มองไปที่เขา น่ารักเสียไม่มี

อาเว่ย “…”

อาเว่ย “!!!”

อาเว่ยล้มทั้งยืน!

กว่าจะสลัดเด็กพวกนี้หลุด พวกเขากลับตามมาอีกหรือ?!

อาเว่ยรู้สึกราวกับตายคาที่ไปสามวินาที!

อุตส่าห์รีบแทบแย่ ออกมาไกลจากตำบลเหลียนฮวาแล้ว จะพาเด็กน้อยทั้งสามกลับไปส่งก็ไม่ได้ อย่างไรเสียเวลาก็มีผลกับกลิ่นที่ยังคงหลงเหลืออยู่ หากไปๆ มาๆ เกรงว่าหนอนพิษของเขาคงจะตามกลิ่นของอาม่าไม่ได้แล้ว

อาเว่ยผู้รู้สึกหลงทางไม่อาจกลับบ้านได้

อาเว่ยทำได้เพียงพาเด็กทั้งสามไปด้วย

พวกเขาเดินทางตอนกลางวัน พักผ่อนตอนกลางคืน เด็กน้อยทั้งสามอยู่แต่บนรถม้าไม่มีอะไรทำ จึงได้แต่กวนอาเว่ย

ในตอนนี้ วายร้ายอันดับหนึ่งแห่งเผ่าปีศาจได้กลายเป็นเช่นนี้:

อาเว่ย หิวข้าว!

อาเว่ย คันหลัง!

อาเว่ย อาบน้ำหน่อย!

อาเว่ย เช็ดก้นหน่อย!

…จะกินนม!

…จะนอนแล้ว!

ข้า…เหนื่อยอย่างกับคนแก่…

ในที่สุดพวกเขาก็ออกจากต้าโจวมายังชิงเหอ เด็กๆ ตัวจ้ำม่ำ ส่วนอาเว่ยมีแต่จะผ่ายผอมลงเรื่อยๆ…

บังเอิญเหลือเกิน โรงเตี๊ยมที่พวกเขามาพักนั้นเป็นโรงเตี๊ยมที่พวกอวี๋หวั่นและเยี่ยนจิ่วเฉามีเรื่องก่อนหน้านี้ โรงเตี๊ยมถูกขโมยเงิน ได้รับความเสียหายอย่างหนัก แต่ก็มิได้ถึงกับปิดกิจการ หลังจากผ่านการซ่อมแซมแล้ว กิจการก็ยังคงดีดังเคย

รถม้าของอาเว่ยมาหยุดอยู่ที่หน้าโรงเตี๊ยม เขาเปิดประตูด้านหลังของรถม้า เด็กน้อยทั้งสามจูงแม่แพะตัวขาวอวบอ้วนลงมา

นี่เป็นแม่แพะสำหรับผลิตนมที่อาเว่ยจ่ายเงินไปห้าตำลึงซื้อมาระหว่างทาง

ตอนที่ซื้อมานั้นมันผอมโซ ไม่รู้ว่าเด็กน้อยทั้งสามเลี้ยงอย่างไรจึงอ้วนท้วนขึ้นมาเช่นนี้

ผู้ใหญ่หนึ่งเด็กสาม และแม่แพะอีกตัวหนึ่ง เดินเข้าไปในโรงเตี๊ยมอย่างสง่าผ่าเผย

อาเว่ยมีเงินไม่มาก เงินห้าสิบตำลึงเป็นเงินที่คนทั้งบ้านหามาได้ เดิมทีคิดว่าจะใช่เป็นค่าเดินทาง แต่อาม่าและคนอื่นๆ ไปกับอวี๋หวั่นและเยี่ยนจิ่วเฉา จึงสามารถประหยัดเงินค่าเดินทางไปได้ เงินเหล่านี้จึงตกเป็นของอาเว่ย

เจ้าเด็กอ้วนทั้งสามก็กินไม่น้อย ดังนั้นเงินห้าสิบตำลึงจึงใช้ไปจนเกือบหมดแล้ว ในตอนนี้อาเว่ยยากจนข้นแค้น

เหลือเกิน ทว่าผู้จัดการกลับไม่คิดเช่นนั้น นั่งรถม้าชั้นดี มองปราดเดียวก็รูู้แล้วว่าเป็นผู้ดีมีตระกูล รวยแน่ๆ ได้การละ!

ผู้จัดการและเหล่าเสี่ยวเอ้อร์มองหน้ากันไปมา จากนั้นก็ยิ้มอย่างมีเลศนัย

เมื่ออาเว่ยและเด็กน้อยทั้งสามเดินขึ้นไปชั้นบน ผู้จดการก็ไปวางแผนพร้อมกับเสี่ยวเอ้อร์ที่ห้องเก็บฟืนทันที

“เขาดูเหมือนจะมีวรยุทธ์”

“กลัวอะไร? พวกเรามียาสลบนะ!”

“เจ้าโง่หรือเปล่า? ยาสลบจะไปทำอะไรได้? ครั้งก่อนเจอกับยอดฝีมือ ยังไม่ทันได้ใช้ยาก็ถูกจับได้เสียแล้ว!”

เมื่อนึกถึงบทเรียนอันแสนรันทดใจครั้งก่อน พวกเขาก็รู้สึกหวั่นใจขึ้นมา

ในห้องเก็บฟืนเงียบงันไปชั่วขณะหนึ่ง

อันธพาลซึ่งมีหน้าที่ควบคุมคนแทนเจ้าของก็เอ่ยขึ้นว่า “เช่นนั้นผู้จัดการคิดว่าทำอย่างไรดี?”

ผู้จัดการ “วางยานอนหลับ”

ทั้งสามคนมีสีหน้าประหลาดใจ: ยังไม่วายวางยาพวกเขารึ?!

ผู้จัดการบอกว่า “แต่ว่า รอให้มืดสักหน่อย อย่างไรเสียพวกเขาก็ต้องกินข้าวเย็น วางยาในอาหารของพวกเขา พวกเขาไม่รู้เป็นแน่”

ทุกคนล้วนคิดว่า ธุรกิจที่ดี ก็ต้องทำเช่นนี้แหละ!

เมื่อตัดสินใจลงมือแล้ว พวกเขาก็แยกย้ายไปเตรียมการ ไหนเลยจะรู้ว่าทันทีที่หันหลังกลับไป ก็เห็นเด็กน้อยหน้าตาน่ารักสามคนยืนอยู่ นี่มันน่ากลัวยิ่งกว่าเห็นผู้ใหญ่เสียอีก มารดามันเถอะ เด็กผีพวกนี้โผล่มาจากไหนกัน?! พวกเขาแทบจะร้องออกมาด้วยความตกใจ!

มาคิดดูแล้ว นี่ไม่ใช่ผี แต่เป็นแพะตัวอวบอ้วนที่พวกเขาเตรียมจับขึ้นเขียงเชือดดีๆ นี่เอง

“ผู้จัดการ พวกเขาได้ยินแล้ว ทำอย่างไรดี?” เสี่ยวเอ้อร์คนหนึ่งเอ่ยถาม

“ฆ่าทิ้งซะ” เสี่ยวเอ้อร์อีกคนหนึ่งบอก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]