หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3] นิยาย บท 187

อวี๋หวั่นยังไม่รู้ว่าลูกชายของตนกำลังเดินทางมาเมืองหลวง และมิได้เผชิญกับความลำบากยากเข็ญ ล้มลุกคลุกคลานเฉกเช่นพวกเขา เด็กน้อยทั้งสามกินอิ่มนอนหลับ มีคนปรนนิบัติพัดวีไปตลอดทาง มีคนให้เงิน ใช้ชีวิตอย่างสุขสำราญประหนึ่งเด็กเสเพลซึ่งกำลังถลุงทรัพย์ศฤงคารไปจนหมดสิ้น

เจียงไห่ไปแล้ว คนผู้ที่บังคับรถม้าคือชิงเหยียน

อวี๋หวั่นนั่งอยู่บนรถม้า มองไปยังถนนซึ่งมีผู้คนขวักไขว่ไปมา ร้านรวงเรียงรายแน่นขนัด เธอรู้สึกที่ไม่คุ้นเคย แต่ก็รู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก คล้ายกับว่า…ที่นี่คือที่ของเธอ

แต่ความรู้สึกนี้ประหลาดใช่ไหมละ? เธอเกิดและโตในต้าโจว ทำไมถึงเกิดความรู้สึกเช่นนี้กับเมืองหลวงของหนานจ้าวได้?

ต้องเป็นเพราะตามหาตัวยาจนเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ

“หลีกไปๆ! ”

ด้านหน้ามีความโกลาหลเกิดขึ้น ไม่รู้ว่าใครตะโกนขึ้นมา ฝูงชนซึ่งเดิมทีแน่นแน่นขนัดก็แยกเป็นสองฝั่ง พ่อค้าแม่ขายก็ดันแผงขายของของตนเองไปจนติดกำแพง แต่ดูเหมือนว่าเจ้าของร้านค้าจะเห็นเรื่องนี้เป็นปกติ ไม่ได้บ่นหรือด่าทอแต่อย่างใด ในทางกลับกันก็โยกย้ายเก้าอี้และโต๊ะจากปากประตู เพื่อให้พวกเขามีพื้นที่มากขึ้น

“หมายถึงพวกเจ้านั่นแหละ! เข้าไปจอดในตรอกนู่น!”

เจ้าของเสียงดังโหวกเหวกนั้นตรงเข้ามาหารถม้าของอวี๋หวั่นและชิงเหยียน เขาขี่ม้าตัวสูงสง่าน่าเกรงขาม สวมชุดเกราะเป็นประกาย ในมือถือทวนยาวปลายแหลม ผู้คนโดยรอบรีบเปิดทางให้เขา

แต่เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ใช่ตัวละครหลักของความโกลาหลในครั้งนี้ ด้านหลังของเขามีองครักษ์ท่าทางองอาจน่าเกรงขามเดินมา องครักษ์ประมาณสิบคนกำลังคุ้มกันเกี้ยวทองคำ ยอดฝีมือร่างกายกำยำสูงใหญ่อีกสิบคนกำลังยกเกี้ยว บนตัวเกี้ยวคลุมด้วยผ้าไหมทองคำ ด้านในสามารถมองเห็นดรุณีน้อยสวมอาภรณ์สีทองนั่งขัดสมาธิ

ด้านข้างของดรุณีน้อยมีสาวใช้สองคนคุกเข่าอยู่

ผู้คนที่สัญจรไปมาต่างคุกเข่าลง

ชิงเหยียนแค่นเสียง ‘หึ’

“ชิงเหยียน” อวี๋หวั่นเอ่ยปาก

ชิงเหยียนบังคับรถม้าเข้าไปในตรอก

ขบวนยาวเหยียดเคลื่อนเข้ามา ใช้เวลาไปหนึ่งเค่อเต็มๆ กว่าคนสุดท้ายจะเดินไป ขบวนมีช้าบ้างเร็วบ้าง แต่อวี๋หวั่นนับคร่าวๆ ได้ว่าขบวนนี้มาองครักษ์ถึงหนึ่งร้อยคน

“คุณหนูบ้านไหนหรือ?” ขณะที่เกี้ยวเคลื่อนผ่านตรอกไป อวี๋หวั่นก็มองเห็นเงาอรชรอ้อนแอ้น มองเห็นได้เลือนรางว่าเป็นดรุณีน้อย

ผู้ที่ตอบมากลับไม่ใช่ชิงเหยียน แต่เป็นบัณฑิตคนหนึ่งซึ่งโดนเบียดเข้ามาในตรอกด้วยเช่นกัน

บัณฑิตตอบว่า “น้องชายท่านนี้คงไม่ใช่คนเมืองหลวงกระมัง?”

อวี๋หวั่นตอบด้วยความเกรงใจว่า “ข้ามาเยี่ยมญาติ เพิ่งมาถึงเมื่อวาน”

บัณฑิตร้องเข้าใจในทันที “ไม่แปลกใจที่เจ้าไม่รู้จัก เมื่อครู่คือองค์หญิงน้อยแห่งจวนประมุขหญิง นามพระราชทานว่าเยวี่ยหวา”

อวี๋หวั่นชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วถามอย่างไม่เข้าใจว่า “ประมุขหญิงไม่ได้มีลูกชายหรือ? หรือว่ามีลูกสาวด้วย?”

บัณฑิตยิ้ม “ลูกแท้ๆ เป็นผู้ชาย องค์หญิงเยวี่ยหวาเป็นลูกบุญธรรมของประมุขหญิงและราชบุตรเขย ประมุขหญิงและราชบุตรเขยรักนางมาก องค์ประมุขก็ทรงรักและเอ็นดูนาง องครักษ์เหล่านี้เป็นองครักษ์ที่องค์ประมุขพระราชทานให้ในพิธีบรรลุนิติภาวะ ว่ากันว่าเป็นองครักษ์ของพระองค์เอง เก่งกาจยิ่งนัก สามารถรับมือกับศัตรูได้หนึ่งต่อสิบ”

ดูแล้ว บุตรบุญธรรมของจวนประมุขหญิงได้รับการเลี้ยงดูที่ดีเช่นนี้ ก็พอจะเดาได้ว่าฐานะของประมุขหญิงในหนานจ้าวเป็นอย่างไร

ประมุขหญิงเป็นคนหนานจ้าว แต่สถานะนั้นเหมือนกับรัชทายาทแห่งต้าโจว เมื่อได้รับพระราชทานตำแหน่ง ก็นับว่าเป็นตำแหน่งประมุขแห่งราชนิกุล ไม่น่าแปลกใจที่องค์ประมุขถึงให้ความสำคัญกับจวนประมุขหญิง

“หึ” ชิงเหยียนแค่นเสียงขึ้นจมูกอีกครั้ง

บัณฑิตมองเขาพลางเอ่ยถามว่า “พี่ชายท่านนี้ ท่านมีอะไรไม่พอใจองค์หญิงน้อยหรือ?”

ชิงเหยียนเหลือบไปมองตัวรถม้าด้านหลัง “จะมีอะไรได้? องค์หญิงน้อยน่ารักถึงเพียงนั้น”

อวี๋หวั่นไม่รู้จะพูดว่าอย่างไร “เห็นแค่แวบเดียวมิใช่หรือ รู้ได้อย่างไรว่านางน่ารัก?”

ชิงเหยียนมองอวี๋หวั่น “เห็นมามาก มองแวบเดียวก็รู้”

“ท่านเคยพบองค์หญิงน้อย?” ครั้งนี้บัณฑิตนึกสงสัย

ชิงเหยียนหัวเราะ ‘เหอะๆ ’ พร้อมกับตอบว่า “ไม่ใช่แค่เคยเจอ แต่ยังรู้จักมักคุ้นกันด้วย!”

พูดจบก็ตวัดแส้ แล้วบังคับรถม้าออกไป

บัณฑิตส่ายหน้า กล่าวแดกดันว่า “ก็เห็นอยู่ว่าเพิ่งจะเข้าเมืองหลวงมาเมื่อวาน ยังกล้าบอกอีกว่าเคยเจอองค์หญิงน้อย เจ้าโง่หรือว่าข้าโง่กันแน่นะ!”

อวี๋หวั่นก็คิดว่าชิงเหยียนล้อเล่น จึงไม่ได้นำมาใส่ใจ

รถม้าเคลื่อนมายังประตูฝั่งตะวันออกของจวนสกุลเห้อเหลียน คนทั่วไปไม่สามารถเดินเข้าประตูใหญ่ แต่ในฐานะที่อวี๋หวั่นเป็นภรรยาของหลานชายคนเก่งของฮูหยินผู้เฒ่า ย่อมได้รับสิทธิพิเศษ

สกุลเห้อเหลียนขยายทางเข้าให้กว้างกว่าเดิม สามารถนำรถม้าเข้าไปจอดในซีสยาย่วน อวี๋หวั่นลงจากรถม้า เดินกลับไปยังห้องของตน ชิงเหยียนก็นำม้าไปผูกที่คอกม้า หลังจากนั้นจึงไปยังห้องของอาม่า

“อาม่า เยว่โกว”

เยว่โกวก็อยู่ เขา…จึงกล่าวทักทาย

เมื่ออาม่าเห็นสีหน้าเศร้าสร้อยของเขา จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? ไม่ได้ข่าวเรื่องยามาหรือ?”

ชิงเหยียนไม่มีแรงจะตอบ “ได้ข่าวมาแล้ว อยู่ที่ฮวาขุยคนหนึ่ง รออีกสองสามวันค่อยไปเอามาจากนาง”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]