เถี่ยตั้นยักไหล่ “ได้อะไรกัน? ท่านพี่พาบุรุษกลับบ้านแบบนี้ ระวังโดนท่านแม่ตีนะ!”
อวี๋หวั่นเคาะหน้าผากเขาหนึ่งที
อวี๋เซ่าชิงมีม้าของตนเอง อวี๋หวั่นเช่ารถม้า และถามเถี่ยตั้นว่าจะนั่งไปด้วยกันไหม
“ข้าก็ต้องนั่งกับท่านพี่อยู่แล้ว!” เถี่ยตั้นน้อยตอบอย่างไม่ลังเล
รถม้าเคลื่อนออกไปแล้ว แต่เขาก็ยังอดจะเหลือบมองอาชาศึกตัวสูงใหญ่ไม่ได้
อวี๋เซ่าชิงสวมชุดเกราะสีน้ำเงินเข้มอยู่บนม้าศึก แสงเย็นๆ เรืองรองที่เส้นขอบฟ้า ร่างสูงกำยำ สายตาเด็ดเดี่ยว ม้าตัวนั้นไม่ใช่ม้าใช้งานหรือโดยสารซึ่งเถี่ยตั้นน้อยเคยพบเห็นทั่วไป หากแต่เป็นม้าศึกซึ่งผ่านสนามรบอันนองเลือดมาแล้ว รอบกายแผ่รัศมีของความยิ่งใหญ่น่าเกรงขาม
อวี๋เซ่าชิงสัมผัสได้ถึงสายตาที่มองมา จึงมองไปยังเด็กน้อยในรถม้า
เถี่ยตั้นน้อยรีบหันหน้ากลับแล้วมองตรงไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
เขารอจนอวี๋เซ่าชิงหันกลับไปมองทาง เขาจึงจับจ้องไปที่ม้าศึกของอวี๋เซ่าชิงอีกครั้ง
อวี๋เซ่าชิงอดขำไม่ได้ เมื่อเถี่ยตั้นน้อยมองม้าศึกเป็นครั้งที่สาม ฝ่ามือใหญ่ก็จับเด็กน้อยออกมาจากหน้าต่างรถม้า
“โอ๊ยๆๆ! ท่านทำอะไร?” เถี่ยตั้นน้อยซึ่งห้อยต่องแต่งอยู่กลางอากาศก็ดิ้นดุกดิก
อวี๋เซ่าชิงวางลูกชายลงบนหลังม้า ให้เถี่ยตั้นน้อยนั่งในอ้อมแขนของเขา และจับมือน้อยๆ ของเขาวางลงที่ขอบของอานม้า
เถี่ยตั้นน้อยจับอานม้า ดวงตาเป็นประกาย
หกปีที่ผ่านมา อวี๋เซ่าชิงปกป้องชายแดนและประชาชนต้าโจวมาตลอด ในที่สุดก็มีโอกาสได้ปกป้องลูกทั้งสองของตน ในใจของอวี๋เซ่าชิงพลันท่วมท้นไปด้วยความสบายใจและปีติยินดี
เถี่ยตั้นซึ่งอยู่ในหว่างแขนของเขาขยับก้นไปมาอย่างอยู่ไม่สุข อวี๋เซ่าชิงหลุดหัวเราะ มือข้างหนึ่งดึงบังเหียนแน่น มืออีกข้างหนึ่งกอดพุงอ้วนๆ ของเถี่ยตั้นน้อยเอาไว้แน่น “จับให้มั่น”
เถี่ยตั้นน้อย “หา?”
อวี๋เซ่าชิง “ไป!”
ม้าศึกและอวี๋เซ่าชิงเข้าใจกันได้เป็นอย่างดี ไม่ต้องสะบัดสายบังเหียน มันก็พุ่งทะยานออกไปอย่างรวดเร็วประหนึ่งศรธนู
“จ๊ากก” เถี่ยตั้นน้อยร้องลั่นเพราะตกใจกลัว สายลมแล่นปราดปะทะใบหน้าจนปากของเขาเปลี่ยนรูป
“ท่านหยุดได้แล้วววว หยุดได้แล้วววว ท่านนิสัยไม่ดีเลยยยยย”
เถี่ยตั้นน้อยร้องลั่นอย่างน่าสงสารไปตลอดทาง
เมื่ออวี๋เซ่าชิงพาเถี่ยตั้นน้อยกลับไปนั่งกับอวี๋หวั่นในรถม้า เส้นผมของเถี่ยตั้นน้อยก็ตั้งโด่เด่ราวกับพญาราชสีห์ผู้น่าเวทนา
เถี่ยตั้นน้อยพุ่งเข้าหาอ้อมอกของอวี๋หวั่นอย่างไร้เรี่ยวแรง “ฮืออ…เขานิสัยไม่ดีเลย…”
อวี๋หวั่นยิ้มมุมปาก “เช่นนั้นครั้งหน้าเจ้าจะนั่งบนหลังม้ากับท่านพ่ออีกไหม?”
เถี่ยตั้นน้อยแทบจะมุดหน้าลงในท้องของอวี๋หวั่น
“…นั่ง”
เขาตอบเสียงเบาราวกับเสียงของยุง
ชาวบ้านในหมู่บ้านเหลียนฮวาอาจไม่สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลง ทว่าอวี๋เซ่าชิงจากไปนานถึงหกปี เขามองเพียงปราดเดียวก็รู้ว่าบัดนี้หมู่บ้านได้เปลี่ยนไปแล้ว
“สถานีส่งสารย้ายมาอยู่ที่นี่แล้ว” ขณะที่เดินทางผ่านสถานีส่งสาร อวี๋เซ่าชิงก็มองไปยังสถานีส่งสารที่เพิ่งสร้างใหม่เมื่อปีก่อน “ก่อนหน้านี้อยู่ทางตอนเหนือของเมืองหลวง”
อวี๋หวั่นกล่าวว่า “ของที่ส่งไปให้ท่านพ่อก็ส่งไปจากที่นี่ ใช่สิ ท่านพ่อได้รับหรือไม่?”
อวี๋เซ่าชิงพยักหน้า “ได้รับทั้งหมด ทั้งแผ่นแป้ง ลูกชิ้นแล้วก็ผักดองจากที่บ้านล้วนได้รับทั้งหมด”
“ของพวกนั้นข้าทำเอง” อวี๋หวั่นยิ้มจนตาหยี
อวี๋เซ่าชิง “…”
เขาควรฝืนใจเอ่ยชมบุตรสาวหรืออย่างไร?
“ทำ..ทำได้ดี”
ในที่สุดอวี๋หวั่นก็ได้รับคำชมเชย สายตาของเธอเป็นประกายขึ้นมาทันที “จริงหรือ? เช่นนั้นข้าจะกลับไปทำให้ท่านพ่อกินอีก! ”
อวี๋เซ่าชิงรีบลงจากหลังม้าด้วยสีหน้าร้อนรน
เถี่ยตั้นน้อยเหลือบไปมองอวี๋หวั่นด้วยสายตาเย็นชา ‘ฝีมือทำอาหารของท่านเป็นอย่างไร ไม่รู้เลยหรือ?’
เถี่ยตั้นน้อยยืดอกเท้าเอว ลูกมีพ่อ โอหังเป็นพิเศษ ไม่ไว้หน้าผู้ใด!
รถม้าเคลื่อนมาถึงตำบลเหลียนฮวา ตำบลนี้ใหญ่ขึ้นมาก ถนนสายเล็กบัดนี้กว้างขวางขึ้นแล้ว ร้านรวงที่เคยมีผู้คนบางตา บัดนี้กลับมีลูกค้าแวะเวียนมาอย่างไม่ขาดสาย แม้ว่าจะไม่หนาตาเท่าเมืองหลวง แต่บนถนนหนทางก็ยังนับว่าคึกคัก
อวี๋หวั่นชี้ไปยังภัตตาคารแห่งหนึ่ง “นี่คือหอหยกขาว ข้าจะบอกท่านพ่อให้ว่าพี่ใหญ่แอบชื่นชมคุณหนูลูกสาวเจ้าของที่นี่อยู่”
“อ่อ…” อวี๋เซ่าชิงประหลาดใจ
เถี่ยตั้นน้อยทำสีหน้าเย่อหยิ่ง เรื่องแบบนี้พูดต่อหน้าเขาได้อย่างไรกัน? เขายังเป็นเด็กอยู่นะ!
“ท่านพ่อกลับมา เจ้าดูตื่นเต้นเป็นพิเศษเชียวนะ?”
“ข้าเปล่า!”
“ยอมรับแล้วเหรอว่าเขาคือท่านพ่อ?”
“อ่า…เปล่าสักหน่อย! ”
สองพี่น้องถกเถียงกัน จนอวี๋เซ่าชิงต้องลอบยิ้ม
เส้นทางนี้เดินทางได้ไม่เร็วนัก กว่าพวกเขาจะมาถึงเชิงเขาใกล้หมู่บ้าน ก็ย่างเข้าช่วงตะวันตกดินเสียแล้ว
ยิ่งเข้าใกล้หมู่บ้านมากเท่าไร อวี๋เซ่าชิงก็ยิ่งรู้สึกกังวล
เขาฝันซ้ำแล้วซ้ำเล่า รอคอยวันนี้มาถึง วันที่เขาได้กลับมาที่บ้านอีกครั้งหนึ่ง
“ท่านพ่อ ข้ากับท่านแม่ซื้อบ้านเก่าสกุลติงเอาไว้” อวี๋หวั่นชี้ไปยังบ้านใหม่ของพวกเขาด้านหลังบ่อปลา แม้จะบอกว่าเป็นบ้านใหม่ แต่แท้จริงแล้วบ้านหลังนั้นเก่าคร่ำคร่า ทว่าเมื่อเทียบกับบ้านเดิมของสกุลอวี๋แล้ว บ้านหลังนี้ก็เป็นเพียงบ้านที่อวี๋เซ่าชิงไม่เคยเข้าไปอยู่มาก่อน
อวี๋เซ่าชิงไม่ได้ถามว่าเหตุใดพวกเขาจึงซื้อบ้าน สายตาของเขาจับจ้องไปยังบ้านใหม่ด้านหลังบ่อปลา ลำคอของเขารู้สึกประหนึ่งมีบางอย่างมาอุดเอาไว้ “ทะ…ท่านแม่เจ้าอยู่บ้านหรือไม่?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]