อวี๋หวั่นพูดจบก็กอดเขาเอาไว้แน่น เธอสามารถสัมผัสได้ถึงจิตสังหารรุนแรงของเขา มิใช่ว่าอวี๋หวั่นไม่เคยคิดว่าถ้าเขาทรมานจนเสียสติไปอาจจะลงไม้ลงมือกับเธอ แต่จะให้ปล่อยเขาไว้เช่นนั้น เธอทำไม่ได้หรอก
อวี๋หวั่นกอดเขาอยู่อย่างนั้น ไม่รู้ว่ากอดนานอยู่นานเท่าไร จิตสังหารและความบ้าคลั่งในกายของเขาจึงค่อยๆ ลดลง
“กะ…กลับเรือนไหม?” อวี๋หวั่นลองถามหยั่งเชิง เธอไม่ได้รอให้เยี่ยนจิ่วเฉาตอบ ก็พูดเอ่ยขึ้นอีกครั้งว่า “ไม่กลับก็ไม่เป็นไร ข้าจะกอดท่านไว้อีกสักพัก”
“แค่กๆ!”
ไม่ไกลออกไป มีเสียงไอของชิงเหยียนดังมา
อันที่จริง เป็นชุยเฒ่ากับพวกเขาที่ศึกษาพิษของไป๋หลี่เซียง พวกเขากังวลว่าเยี่ยนจิ่วเฉาจะทรมานจนคลุ้มคลั่งและทำร้ายอวี๋หวั่น จึงรีบตามมา พวกเขาแบ่งกันไปตามหา ชิงเหยียนเป็นคนเดียวที่ตามหาจนเจอ
ชิงเหยียนตามมาถึงตั้งแต่ตอนที่อวี๋หวั่นถูกเจ้าเปี๊ยกสกุลเห้อเหลียนทั้งสองคนเข้ามาหาเรื่องแล้ว เขากำลังจะลงมือ ไหนเลยจะรู้ว่าเยี่ยนจิ่วเฉาเร็วกว่าเขาก้าวหนึ่ง เข้ามาถึงก็จับทั้งสองกดลงน้ำทันที
ท่าทางโหดเหี้ยมถึงเพียงนั้น หากไม่ใช่เพราะชิงเหยียนสัมผัสไม่ได้ถึงวิทยายุทธ์จากร่างของเยี่ยนจิ่วเฉา เขาก็คงคิดว่าคนผู้นี้ธาตุไฟเข้าแทรกเสียแล้ว
อย่างไรก็ตาม ความทรมานที่เขากำลังแบกรับอยู่นั้นก็ไม่ได้เบาไปกว่าธาตุไฟเข้าแทรกเลย
ท่าทางการกอดจากด้านหลังนั้นถูกชิงเหยียนเห็นเข้าแล้ว อวี๋หวั่นมีสีหน้าไม่สู้ดีเท่าไรนัก เธอรีบคลายอ้อมแขนออกจากเอวของเยี่ยนจิ่วเฉา คิ้วโก่งงามของเยี่ยนจิ่วเฉาขมวดเล็กน้อย
อวี๋หวั่นคว้ามือของเขาเอาไว้ทันที
ท่านเป็นคุณชาย ท่านยิ่งใหญ่ ยิ่งใหญ่ที่สุด!
เยี่ยนจิ่วเฉามีสีหน้าผ่อนคลายลง เขาค่อยๆ หันหลังไปมองชิงเหยียน ความบ้าคลั่งในดวงตาของเขาได้หายไปเกือบทั้งหมดราวกับบุรุษที่จัดการกับสองพี่น้องเห้อเหลียนเมื่อครู่ไม่ใช่คนเดียวกับเขา
เยี่ยนจิ่วเฉาเหลือบมองชิงเหยียน แล้วเอ่ยขึ้นอย่างไม่รีบร้อนว่า “มองอะไร?”
ชิงเหยียนสัมผัสได้ว่าประโยคต่อไปที่คุณชายผู้นี้จะพูดก็คือ ‘ถ้ายังมองอีก ข้าจะควักลูกตาเจ้าออกมา’ เขาจึงกระแอม แล้วบอกว่า “ยาต้มเสร็จแล้ว ท่านหมอชุยให้ข้ามาตาม”
เหตุผลดี อวี๋หวั่นให้ชิงเหยียนเต็มสิบคะแนนไปเลย
อวี๋หวั่นหันไปมองเยี่ยนจิ่วเฉาซึ่งสูงกว่าเธอหนึ่งศีรษะ แล้วพูดเสียงค่อยว่า “กลับไปกินยาเถอะ”
เยี่ยนจิ่วเฉาตอบว่า ‘อืม’ เบาๆ จากนั้นก็จูงมืออวี๋หวั่นเดินไป
อวี๋หวั่นถามด้วยความงุนงงว่า “ท่านไม่ให้ข้าจับมือท่านข้างนอกไม่ใช่หรือ?”
เยี่ยนจิ่วเฉาตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ข้าจับมือเจ้าไม่ใช่หรือ?”
ไม่ใช่หรอกหรือ?
อวี๋หวั่นมองไปยังมือของทั้งสองที่เกี่ยวพันกัน แล้วเย้าหยอกว่า “เอาเถอะ เป็นข้าเอง ข้าเป็นคนจับมือสามีข้าเอง จะสะบัดก็สะบัดไม่ออก”
เยี่ยนจิ่วเฉาแค่นเสียงขึ้นจมูก “เจ้าเพิ่งรู้หรือ!”
อวี๋หวั่น “…”
อวี๋หวั่นและเยี่ยนจิ่วเฉากลับไปยังเรือนของฮูหยินผู้เฒ่า ฮููหยินผู้เฒ่ารอหลานชายจนผล็อยหลับไป อวี๋หวั่นไม่ได้ส่งเสียงดังจนนางตื่น เธอเพียงยกยาให้เยี่ยนจิ่วเฉาดื่ม ให้เยี่ยนจิ่วเฉาล้างหน้าบ้วนปากจากนั้นค่อยพักผ่อน
เห็นเยี่ยนจิ่วเฉาขวางโลกเช่นนี้ แต่เขาเป็นคนที่รักษากฎระเบียบมากกว่าอวี๋หวั่นเสียอีก ไม่ต้องเอ่ยถึงกฎทั่วไปในบ้าน แต่เวลาพักผ่อนก็ยังมีกฎ กระนั้นในตอนกลางคืนกลับต่างออกไป เขากอดอวี๋หวั่นเอาไว้ในอ้อมอก
อวี๋หวั่นหันหลังให้เขา เธอรู้สึกว่าตนเองถูกแขนของเขาโอบรัดเสียแน่น
เขาฝังใบหน้าลงที่ลำคอของเธอ จากนั้นก็หายใจเข้าลึกๆ
อวี๋หวั่น: คิดว่ากำลังหอมหัวลูกแมวอยู่หรืออย่างไร?
เยี่ยนจิ่วเฉาหอมจนพอใจ
อวี๋หวั่นคิดว่าท่วงท่าเช่นนี้ไม่ได้เมื่อยอะไร ในทางกลับกันนับว่าสบายทีเดียว จึงปล่อยให้เขาหอมหัวลูกแมวต่อไป
ไม่รู้ว่าใครหลับไปก่อน อวี๋หวั่นตื่นขึ้นกลางดึกและพบว่าลมหายใจของผู้ชายคนที่กอดเธอเอาไว้นั้นสม่ำเสมอ
อวี๋หวั่นค่อยๆ หันมา เดิมทีเธอกังวลว่าจะทำให้แขนของเขาเจ็บ จึงจะยกแขนของเขาขึ้น ไหนเลยจะรู้ว่าเพียงขยับตัวก็ถูกเขากอดจนจมอกยิ่งกว่าเดิม
อวี๋หวั่นฟังเสียงหายใจของเขา เธอมั่นใจว่าเขากำลังหลับอยู่ เพราะฉะนั้นนี่คือปฏิกิริยาตอบสนองโดยไม่รู้ตัวของเขา?
นี่มันความรักของเทพเซียนหรืออย่างไร เขาจะรักอะไรเธอปานนั้น?
อวี๋-หลงตัวเอง-หวั่น ก็ยกยิ้มมุมปาก แล้วจับมือที่กอดเธอเอาไว้ให้แน่นกว่าเดิม จุมพิตลงบนมือของเขา แล้วเข้าสู่ห้วงนิทราไป
แน่นอนว่าเช้าวันต่อมา อวี๋-หลงตัวเอง-หวั่น ก็ถูกปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย
“อวี๋อาหวั่น!” เยี่ยนจิ่วเฉาถึงกับโทสะพลุ่งพล่านเพราะท่านอนที่ไม่ค่อยน่ามองของทั้งสอง “เจ้าทำอะไรกับข้า!!”
“ข้าทำอะไร? รู้อยู่แล้วว่าท่านไม่ยอมรับ ทั้งที่เมื่อวานท่าน…” อวี๋หวั่นพูดไปได้เพียงครึ่งเดียว ก็ก้มหน้ามอง และตกใจกับสิ่งที่เห็น
เดิมทีเขากอดเธอจากด้านหลัง ไม่รู้ว่าหันกลับมาถอดเสื้อผ้าของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ แถมมือของเธอก็ยังไปอยู่ในที่ที่ไม่ควรจะอยู่ด้วย
เธอจึงค่อยๆ ดึงมือออก
เธอได้ยินเสียงปริแตกบนเข็มขัด
เยี่ยนจิ่วเฉามีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที
อวี๋หวั่นเบือนหน้าหนีอย่างรู้สึกผิด เฮ่อ จะโทษเธอไม่ได้นะ ยังไม่ชิน…อีกหรือ?
หลายวันต่อจากนั้น เรื่องต่างๆ ในจวนก็ราบรื่นดี ชิงเหยียนไปหาเจียงไห่ที่โรงเตี๊ยมครั้งหนึ่ง เขาได้ข้อมูลอย่างหนึ่งมากจากเจียงไห่ว่านอกจากเจียงไห่แล้ว ยังมีคนอื่นที่คอยจับตาดูการเคลื่อนไหวของหอตี้อีอยู่เช่นกัน
“คนสกุลเห้อเหลียน?” อวี๋หวั่นมองหน้าชิงเหยียน “เจียงไห่ไม่ได้จำคนผิดใช่ไหม?”
ชิงเหยียนส่ายหน้า “ไม่ผิด พวกเขามีป้ายห้อยเอวของสกุลเห้อเหลียน”
“น่าจะไม่ใช่คนของจวนตะวันออก” ในจวนตะวันออก นอกจากพวกเขาแล้วก็มีฮูหยินผู้เฒ่าและเห้อเหลียนเป่ยหมิง ฮูหยินผู้เฒ่าไม่มีทางทำเรื่องนี้ ส่วนเห้อเหลียนเป่ยหมิงก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ เขาจะไปคอยจับตาดูหอคณิกาทำไมกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]