เห้อเหลียนเป่ยหมิงบอกว่า “ข้าไม่กิน”
จิ้งจอกหิมะน้อย “ฮึ่มมม”
แต่ข้ากินนะ!
จิ้งจอกหิมะน้อยตะกุยทั้งสี่ขา น้ำลายสอ
เห้อเหลียนเป่ยหมิงมองไปยังเจ้าตัวน้อยซึ่งอยู่ไม่สุข จึงจำใจรับถังหูลู่ไม้นั้นมา
“ฮึ่ม!” ลูกจิ้งจอกหิมะไม่รีรอพุ่งเข้าไป กอดถังหูลู่ซึ่งยาวกว่าลำตัวของมันเสียอีก แล้วกินเสียงดัง ‘กร้วมๆ’ อย่างเอร็ดอร่อย
อีกด้านหนึ่ง เห้อเหลียนเป่ยหมิงก็ม้วนภาพเขียนและเก็บใส่ไว้ในตระกร้าบนโต๊ะแล้ว เมื่อมองโดยรวมแล้ว ม้วนภาพเหล่านี้ดูเหมือนกันไปหมด แต่ไม่รู้ว่าทำไม อวี๋หวั่นถึงรู้สึกว่าภาพวาดของเด็กหนุ่มคนนั้นจึงดูโดดเด่นเป็นพิเศษ
“มีอะไรอีกไหม?” เห้อเหลียนเป่ยหมิงถาม
“ไม่มีเจ้าค่ะ” อวี๋หวั่นหลุบตา “เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน”
“อืม” เห้อเหลียนเป่ยหมิงพยักหน้าน้อยๆ
อวี๋หวั่นรู้สึกงุนงง แค่นี้หรือ? จะไม่ถามเรื่องที่จวนฝั่งตะวันออกสักหน่อยหรือ? อย่างไรเสียพวกเขาสองสามีภรรยาก็รังแกนางหลี่และลูกๆ จนเป็นเช่นนั้น หากเป็นลูกหลานในไส้ก็ว่าไปอย่าง แต่พวกเขาเป็นตัวปลอม เขาจะไม่โมโห จะไม่ดุด่าว่ากล่าวพวกเขา หรือตักเตือนว่าอย่าได้ไปมีเรื่องกับจวนตะวันออกสักหน่อยหรือ?
แน่นอนว่าอวี๋หวั่นก็ยังงงไม่หาย แต่ก็ไม่ถึงกับหาเรื่องใส่ตัว ไปเตือนความจำเขา
อวี๋หวั่นสัมผัสได้ว่าตนกำลังยืนอยู่บนกฎข้อหนึ่ง นั่นก็คือตราบใดที่ฮูหยินผู้เฒ่ามีความสุข ฟ้าจะถล่มดินจะทลายอย่างไรก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ นอกจากนั้นความสัมพันธ์ระหว่างจวนตะวันตกและตะวันออกก็ไม่ได้ดีอย่างที่เห็นภายนอก
ใครสนละ เธอไม่ใช่สะใภ้ของสกุลเห้อเหลียนจริงๆ สักหน่อย รอให้ได้ตัวยามาก่อน พวกเขาก็จะไปจากหนานจ้าวแล้ว
แม้ในใจจะคิดเช่นนี้ แต่เมื่อกลับไปชีสยาย่วน เธอก็นึกถึงเรื่องของครอบครัวของเห้อเหลียนเป่ยหมิงขึ้นมา
“อาม่า เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับลูกชายของแม่ทัพใหญ่หรือ?”
อาม่ากำลังอ่านคัมภีร์ตรีอักษรอยู่ในห้อง ในตอนที่อวี๋หวั่นเข้าไป เขาก็กำลังเก็บบทเรียนซึ่งเตรียมไปได้ครึ่งเดียวกลับเข้าลิ้นชัก
“เกิดอะไรขึ้น?” เขาเอ่ยถามด้วยสีหน้านิ่ง
อวี๋หวั่นไม่เห็นบทเรียนเรื่องคัมภีร์ตรีอักษรที่เขาเตรียมไว้ เธอเข้าไปนั่งข้างเขาแล้วพูดว่า “ลูกชายของแม่ทัพใหญ่เห้อเหลียนถูกไล่ออกจากบ้านไม่ใช่หรือ? เขาทำอะไรผิด?”
ชายชราตอบว่า “ว่ากันว่าเขาทำคนตาย”
อวี๋หวั่นครุ่นคิด “ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าเรื่องนี้เชื่อไม่ได้กันนะ? คนอย่างเห้อเหลียนเป่ยหมิงจะเลี้ยงลูกมาให้ไปฆ่าคนบริสุทธิ์ง่ายๆ หรือ? ถ้าหากไม่ใช่ผู้บริสุทธิ์ เช่นนั้นฆ่าเขาตายก็คงไม่ถึงกับต้องถูกไล่ออกจากบ้านนี่ ฮูหยินผู้เฒ่านี่สิไล่เขาออกจากบ้านไป ต้องมีความแค้นฝังใจเท่าไรกัน”
“ฮ่า เรื่องนี้พวกเจ้าคงไม่รู้กระมัง” ชุยเฒ่าเดินเข้ามาพลางกัดหัวผัดกาด
ชิงเหยียนและเยว่โกวกำลังเก็บของ เมื่อได้ยินก็อดไม่ได้ที่จะรีบมาฟังด้วย
อวี๋หวั่นทอดถอนใจ ดูแล้วคนที่สงสัยในตัวเห้อเหลียนเป่ยหมิงคงไม่ได้มีแค่เธอสินะ
ชุยเฒ่าตามเยี่ยนจิ่วเฉาไปพักที่เรือนของฮูหยินผู้เฒ่า เห็นว่าเขาเป็นบุรุษมีอายุเช่นนี้ แต่เขาชื่นชอบฟังเรื่องซุบซิบนินทาเป็นที่สุด ไปๆ มาๆ ก็ฟังได้ข้อมูลอะไรมาบ้าง
สิ่งที่อวี๋หวั่นคาดเดานั้นถูกต้อง เห้อเหลียนเซิงลูกชายของเห้อเหลียนเป่ยหมิงไม่ได้ถูกไล่ออกจากบ้านเพราะไปฆ่าคนตาย แต่เขาถูกสืบได้ว่าไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของเห้อเหลียนเป่ยหมิง
ชุยเฒ่ากล่าวว่า “เรื่องนี้นางถานยอมรับด้วยตนเอง นางบอกว่าไม่ใช่ลูกของเห้อเหลียนเป่ยหมิง ฮูหยินผู้เฒ่าโกรธเสียจนเกือบฆ่าสองแม่ลูกเชียวละ”
อวี๋หวั่นเข้าใจทันที “ข้าว่า ฮูหยินผู้เฒ่ารักลูกรักหลานมาก จะไปทำเรื่องโหดร้ายอย่างนั้นกับหลานในไส้ได้อย่างไร?” ดูตัวอย่างเยี่ยนจิ่วเฉาก็รู้แล้ว ขอเพียงนางยอมรับว่าเป็นหลาน ต่อให้โผล่มาจากหลุมไหนก็ไม่รู้ นางก็ยังดูแลอีกฝ่ายเป็นอย่างดี
อวี๋หวั่นพูดต่อ “หลังจากนั้นละ? ประกาศออกไปว่าเห้อเหลียนเซิงฆ่าคนตายเพราะกลัวคนจะรู้ความจริงหรือ?”
ชุยเฒ่ากัดหัวผักกาดต่อ “ใช่แล้ว ไม่เช่นนั้นจะทำอย่างไร? บอกไปว่าเห้อเหลียนเป่ยหมิงถูกสวมเขาหรือ? สกุลเห้อเหลียนได้ถูกคนทั้งใต้หล้าหัวเราะเยาะน่ะสิไม่ว่า”
อวี๋หวั่นพึมพำว่า “นางถานปลงผมออกบวชไม่ใช่เพราะโมโหที่สกุลเห้อเหลียนไล่เห้อเหลียนเซิงออกไป แต่เป็นเพราะฮูหยินผู้เฒ่าส่งนางไปสำนักแม่ชี?”
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้” ชุยเฒ่าเดาะลิ้น
“จวนตะวันตกรู้ไหม?” อวี๋หวั่นถาม
ชุยเฒ่ายักไหล่ “เรื่องนี้ข้าเองก็ไม่แน่ใจ”
อวี๋หวั่นลูบคาง “ข้ารู้สึกว่าความสัมพันธ์ของจวนตะวันตกกับตะวันออกไม่ได้ดีอย่างที่คนอื่นคิด นายท่านจวนตะวันตกนั่น สายตาดูน่ากลัวอย่างกับงูพิษ”
ชุยเฒ่าเคาะโต๊ะ “เอาเถอะ อย่าเพิ่งใส่ใจเรื่องยุ่งยากของสกุลเห้อเหลียนเลย ไปหาตัวยาสำคัญกว่า สามีของเจ้าไม่ได้สบายดีอย่างที่เห็นภายนอกหรอกนะ”
อวี๋หวั่นนัยน์ตากระตุกวูบหนึ่ง “เขา…”
ชุยเฒ่าถอนหายใจ “เขากำลังทรมาน เพียงแต่เขาไม่ได้พูดออกมา”
โดนพิษไป๋หลี่เซียงเข้าไป จะไม่รู้สึกอะไรเลยก็คงเป็นไปไม่ได้ ก่อนหน้านี้เขาถูกคำสาปกดเอาไว้ ไม่ได้แสดงอาการมากนัก ทุกวันนี้ร่างกายของเขาเปรียบประหนึ่งสนามรบของพิษไป๋หลี่เซียง เยี่ยนจิ่วเฉากำลังทุกข์ทนกับพิษของมัน ที่เขาคันไม้คันมือไปดึงดอกไม้ ก็เป็นเพราะเขาทรมานจนนั่งไม่ติด ไม่พลั้งมือฆ่าคนก็นับว่าเป็นความอดทนขั้นสูงของเขาแล้ว
“เจ้าคงไม่รู้ แต่ไหนแต่ไรมาผู้ที่โดนไป๋หลี่เซียงเข้าไปจะเป็นอย่างไร?” ชุยเฒ่าถาม
“เป็นอย่างไรหรือ?” อวี๋หวั่นถาม
“เป็นบ้า” ชุยเฒ่าตอบ
พวกเขาถูกพิษทำให้ไร้สติยั้งคิด ยังไม่ทันได้รับยาถอนพิษ ก็เสียสติไปโดยสมบูรณ์ คนที่เป็นอย่างเยี่ยนจิ่วเฉานั้น ไม่เคยปรากฏมาก่อน
แม้ว่าชุยเฒ่าจะไม่ชอบหน้าเยี่ยนจิ่วเฉา ก็ยังต้องรู้สึกยกย่องจิตใจของเขา
เขาดูเหมือนเด็กที่ถูกตามใจ แต่ความเจ็บปวดที่เขากำลังแบกรับอยู่นั้น ไม่มีผู้ใดทนได้
อวี๋หวั่นขมวดคิ้ว “ทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?”
ชุยเฒ่ากระแอมเบาๆ “เจ้าคิดว่าข้ากล้าพูดรึ? ถะ…ถะ…ถ้าเมื่อครู่ข้าไม่ได้หลุดปากออกไป ขะ…ข้าจะบอกเจ้าได้รึ?”
คิดว่าข้าไม่กลัวถูกเจ้านั่นฆ่าตายหรือ?
ทันทีที่พูดจบ อวี๋หวั่นก็สาวเท้าเดินออกไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]