สกุลเห้อเหลียนเป็นผู้พิทักษ์ที่ซื่อสัตย์ของกษัตริย์แห่งหนานจ้าวมาช้านาน พวกเขาไม่อาจสนิทสนมกับราชวงศ์ได้อย่างเปิดเผย แต่ช่วยไม่ได้ที่เด็กเหล่านี้ล้วนเป็นเพื่อนร่วมชั้นขององค์หญิงและองค์ชาย เติบโตมาด้วยกัน มิตรภาพแน่นแฟ้นกว่าปกติ เพราะฉะนั้นเมื่อพวกเขาเติบโตขึ้นและถูกเห้อเหลียนเป่ยหมิงสั่งห้ามติดต่อกับจวนประมุขหญิง พวกเขาจึงต้องลอบติดต่อกับองค์หญิงน้อย
ทั้งสามคนนัดหมายกันที่โรงน้ำชาซึ่งอยู่ระหว่างจวนสกุลเห้อเหลียนและจวนประมุขหญิง
องค์หญิงน้อยไปรออยู่ก่อนแล้ว
นี่เป็นเรื่องที่แต่ไหนแต่ไรมาไม่มีทางเกิดขึ้น
ทั้งสองเคาะประตูเป็นรหัสลับ สาวใช้ขององค์หญิงน้อยจึงมาเปิดประตูให้
ในตอนแรกสาวใช้ขององค์หญิงน้อยจำไม่ได้ว่าพวกเขาเป็นใคร นางยืนอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง ทั้งสองจึงเดินเรียงเข้าไปด้านใน
องค์หญิงน้อยเดาได้ว่าเป็นทั้งสอง นางหันไปบ่นว่า “ข้ารอพวกเจ้าตั้งนานกว่าจะ…เอ๊ะ…”
เมื่อองค์หญิงน้อยเห็นสภาพของทั้งสองชัดๆ ก็ชะงักไปทันที “พะ…พวกเจ้าไปทำอะไรมาถึงเป็นเช่นนี้?”
ทั้งสองกระแอมด้วยความกระดากใจ
เห้อเหลียนอวี่ไม่รู้ว่าควรตอบว่าอย่างไร เห้อเหลียนเฉิงแค่นเสียงขึ้นจมูก แล้วบ่นว่า “ที่บ้านมีแขกไม่ได้รับเชิญคนหนึ่ง บอกว่าเป็นหลานของท่านลุงพวกข้าที่ล่วงลับไปแล้ว เขามาก็กร่างใส่ข้ากับพี่รอง! แล้วเขายังทำเห็ดหลินจืออูซานตาย เดิมทีพวกข้าจะนำเห็ดหลินจือนั่นมาให้องค์หญิง!”
เมื่อฟังประโยคแรก องค์หญิงน้อยก็มิได้รู้สึกอะไร แต่เมื่อได้ฟังจนถึงประโยคสุดท้าย คิ้วโก่งบนใบหน้างามล่มเมืองของนางก็ขมวดเข้าหากัน “เจ้าหมายความว่าอย่างไร? ไม่มีเห็ดหลินจืออูซานแล้วหรือ?”
“ใช่แล้วขอรับ!” เห้อเหลียนเฉิงเห็นว่าองค์หญิงน้อยเริ่มคล้อยตาม จึงมีแรงจูงใจจะเล่ามากขึ้น เรื่องซึ่งถูกใส่สีตีไข่และเล่าให้นายท่านรองฟังไปรอบหนึ่ง บัดนี้ได้ถูกเสริมเติมแต่งมากกว่าเดิมแล้วจึงถ่ายทอดให้องค์หญิงน้อยฟัง จากเดิมที่เยี่ยนจิ่วเฉาเป็นคนบ้านนอก ไม่รู้คุณค่าราคาของเห็ดหลินจืออูซาน ได้กลายเป็นเยี่ยนจิ่วเฉารู้ว่าเขาเป็นหลานรัก จึงจงใจฉวยโอกาสปลุกปั่น
องค์หญิงน้อยขมวดคิ้วแน่น “…ไฉนจึงมีคนพูดไม่รู้ความเช่นนี้?”
เห้อเหลียนเฉิงพูดด้วยสีหน้าสร้อยเศร้า “ใช่ไหมเล่าขอรับ? ข้ากับพี่รองอุตส่าห์ปกป้องเห็ดหลินจืออูซานต้นนั้น แต่กลับถูกเขารังแกจนเป็นเช่นนี้!”
ทั้งที่จริงแล้วเห็ดหลินจือนั้นตายไปก่อนที่พวกเขาจะมาถึงเรือนเพาะชำแล้ว ทั้งหมดเป็นเพราะอยากประกาศศักดาให้เยี่ยนจิ่วเฉารู้ต่างหาก เรื่องที่เกิดขึ้นนั้นเป็นคนละเรื่องกับที่เขาเล่าโดยสิ้นเชิง
เห้อเหลียนอวี่ไม่ได้โต้แย้ง
องค์หญิงน้อยมิได้สนใจที่ทั้งสองได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด นางสนใจแต่เห็ดหลินจืออูซานต้นนั้น นางกระทืบเท้า
พร้อมกับพูดว่า “วันเกิดของท่านแม่ข้าใกล้เข้ามาแล้ว ข้าอยากจะให้ของขวัญพิเศษแก่นางจึงไหว้วานให้พวกเจ้าซื้อเห็ดหลินจืออูซานต้นนั้นมา! ตอนนี้ไม่มีแล้ว จะทำอย่างไรดี?”
ประมุขหญิงอยู่ใต้องค์ประมุขทว่าอยู่เหนือคนทั้งปวง ครองพื้นที่กว่าครึ่งของแผ่นดิน ทรัพย์สินมหาศาล หาได้ขาดแคลนสิ่งใด ด้วยเหตุนี้จึงทำให้การเลือกของขวัญให้นางนั้นเป็นเรื่องยาก เห็ดหลินจืออูซานนั้นล้ำค่าและมิใช่ของดารดาษ สรรพคุณมาก แต่ก็หายากมากเช่นกัน!
ในหนานจ้าวนั้นยากที่จะหาต้นที่สองได้!
“เป็นความผิดของพวกเจ้านั่นแหละ! แม้แต่เห็ดหลินจือต้นเดียวก็ดูแลให้ดีไม่ได้!” องค์หญิงน้อยเริ่มระเบิดโทสะ “หากพี่ใหญ่เห้อเหลียนอยู่ เขาจะต้องจัดการเจ้านั่นเป็นแน่!”
พี่ใหญ่เห้อเหลียน…
เมื่อได้ยินชื่อนี้ เห้อเหลียนอวี่และเห้อเหลียนเฉิงก็พลันชะงักไป แน่นอนว่า ‘พี่ใหญ่เห้อเหลียน’ ที่องค์หญิงน้อยพูดถึงย่อมไม่ใช่พี่ชายแท้ๆ ของพวกเขาซึ่งประจำการอยู่ในค่ายทหารซีเฉิง หากแต่เป็นเห้อเหลียนเซิง หลานชายคนโตของจวนตะวันออกซึ่งถูกไล่ออกจากบ้านและขับออกจากตระกูลไป
เห้อเหลียนเซิงโตกว่าพวกเขาไม่กี่ปี พวกเขาล้วนเป็นสหายร่วมชั้นเรียนกับองค์หญิงน้อย แต่เห้อเหลียนเซิงเป็นสหายร่วมชั้นเรียนกับองค์ชาย เห็นได้ชัดว่าพวกเขาและองค์หญิงน้อยรู้จักมักคุ้นกันดี ทว่าองค์หญิงน้อยมักจะตามติดลูกพี่ลูกน้องของพวกเขาเสมอ
ลูกพี่ลูกน้องของพวกเขาถูกไล่ออกจากบ้านไปหลายปี องค์หญิงน้อยจากที่เป็นเด็กตัวน้อย บัดนี้ได้เติบโตเป็นเด็กสาวสะพรั่ง แต่ในใจของนางก็ยังถวิลหาแต่เขาเพียงผู้เดียว
ในใจของทั้งสองรู้สึกริษยาอยู่บ้าง
แต่พวกเขาก็ไม่ได้โง่เง่าถึงกับทำให้องค์หญิงน้อยไม่พอใจ เพียงแต่นิ่งเงียบไม่ตอบอะไร
องค์หญิงน้อยตระหนักได้ว่าบรรยากาศดีๆ จะถูกตนทำพังลงเสียแล้ว นางจึงเปลี่ยนจากสีหน้าไม่สบอารมณ์เป็น
ใบหน้ายิ้มแย้ม “เอาเถอะๆ ไม่มีเห็ดหลินจือแล้ว ข้ามอบอย่างอื่นให้ท่านแม่ก็ได้ ท่านแม่ข้ารักข้ามาก ข้าให้อะไรนางก็ชอบ”
นี่เป็นความจริง แม้ว่าองค์หญิงน้อยจะเป็นบุตรบุญธรรม แต่ประมุขหญิงและราชบุตรเขยก็รักนางประหนึ่งบุตรแท้ๆ หนึ่งในเหตุผลก็คือหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูของนางด้วย อีกเหตุผลหนึ่งก็คือประมุขหญิงได้รับบาดเจ็บในตอนที่ให้กำเนิดโอรส จึงทำให้นางตั้งครรภ์ได้ยาก
องค์หญิงน้อยใจกว้างมิได้คิดแค้น แต่สองพี่น้องก็ยังขจัดปมในใจออกไปไม่ได้
“ใช่สิ” เมื่อนึกบางอย่างออก เห้อเหลียนอวี่ซึ่งสงวนคำพูดมาตลอดก็เอ่ยปากขึ้นว่า “หากองค์หญิงชอบเห็ดหลินจือ ข้ารู้ว่าในเมืองหลวงมีเห็ดหลินจือที่ดีกว่าเห็ดหลินจืออูซานต้นนี้”
“จริงหรือ?” องค์หญิงน้อยมีท่าทางสนอกสนใจ อันที่จริงไม่ใช่เพราะท่านแม่ชอบเห็ดหลินจือ แต่เป็นเพราะนางตัดสินใจจะให้เห็ดหลินจือ จึงไม่คิดจะอธิบาย และขี้เกียจจะอธิบาย
เห้อเหลียนอวี่พูดต่อ “เห็ดหลินจือแดงขอรับ”
องค์หญิงน้อยมีสีหน้าผิดหวังในฉับพลัน “เห็ดหลินจือแดงมีอะไรพิเศษ ในจวนข้ามีตั้งหลายต้น”
เห้อเหลียนอวี่ตอบว่า “ไม่ใช่เห็ดหลินจือแดงทั่วไปขอรับ แต่เป็นเห็ดหลินจือแดงชั้นดี คนจงหยวนเรียกว่าเห็ดหลินจือเพลิงขอรับ”
“มาจากจงหยวนอย่างนั้นหรือ?” องค์หญิงน้อยถามอย่างสนใจ
เห้อเหลียนอวี่พักหน้า “มิผิด ข้าได้ยินว่าฮวาขุยแห่งหอตี้อีมีอยู่หนึ่งต้น”
องค์หญิงน้อยลุกพรวด “เช่นนั้นรีรออะไรอยู่ ยังไม่ไปรีบเอามาจากนาง?”
เห้อเหลียนอวี่ยิ้ม พูดว่า “องค์หญิงน้อยนั่งลงก่อนขอรับ ฟังข้าพูดให้จบก่อน ฮวาขุยผู้นี้ออกรับแขกเฉพาะวันที่หนึ่งและวันที่สิบห้าของเดือน พวกเราไปตอนนี้ก็เสียเที่ยวเปล่าๆ”
“ข้าเป็นองค์หญิงนะ!” องค์หญิงน้อยบอก
เห้อเหลียนอวี่มีสีหน้าหนักใจ “แต่ว่า…ท่านไม่อาจเปิดเผยตัวตนได้”
นั่นสิ องค์หญิงแห่งอาณาจักรหนานจ้าวไม่ควรไปในสถานเริงรมณ์เช่นนี้ หากรู้ไปถึงหูท่านแม่ ต้องโมโหที่นางไม่รู้ความ ไม่รู้กฎของราชวงศ์เป็นแน่
องค์หญิงน้อยรู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง
เห้อเหลียนอวี่ครุ่นคิดแล้วบอกว่า “แต่ข้าได้ยินมาว่านางให้ปรมาจารย์พิษขั้นสูงเป็นข้อยกเว้น องค์หญิงน้อย ที่จวนประมุขหญิงมีปรมาจารย์พิษขั้นสูงหรือไม่? ท่านลองดูว่าให้เขาลอบออกมาจัดการเรื่องนี้ให้ท่าน…”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]