หลังจากกลับมายังเรือน ฮูหยินผู้เฒ่ารีบเชิญหมอมาทันที เพื่อให้ตรวจร่างกายของหลานชายสุดที่รัก และดูว่ามีส่วนใดที่ถูกพวกเด็กนั่นทำร้ายจนบาดเจ็บภายในหรือไม่
แม้แต่บาดเจ็บภายในนางก็ยังรู้ อวี๋หวั่นรู้สึกว่าอาการป่วยของนางยังไม่นับว่าแย่สักทีเดียว แต่เมื่อคิดเช่นนี้ น่าจะแย่จริงๆ ไม่เช่นนั้นคงไม่ใช้เพียงใบหน้างามล่มเมืองของเยี่ยนจิ่วเฉามาตัดสินว่าเขาเป็นหลานสุดที่รักของตน
การแสดงออกของคนบ้าและคนปกตินั้นไม่เหมือนกัน ตัวอย่างเช่น อวี๋หวั่นสังเกตเห็นอาการบาดเจ็บของเห้อเหลียนอวี่และเห้อเหลียนเฉิง แต่ฮูหยินผู้เฒ่ากลับสามารถเลือกที่จะไม่มองและไม่ฟัง จิตใจของนางจดจำเพียงสิ่งที่นางจดจำ
หมอมาถึงแล้ว
นั่นก็คือชุยเฒ่า
คุณชายผู้นี้ไปที่ใด ไหนเลยจะไม่ลงไม้ลงมือกับคนอื่นจนยับเยิน ตัวเองเคยโดนอะไรที่ไหนกันเล่า?
ชุยเฒ่าทำท่าทำทางเป็นจับชีพจร เมื่อตรวจเรียบร้อยแล้ว ก็บอกกับฮูหยินผู้เฒ่าว่า “คุณชายไม่เป็นอะไรมากขอรับ”
ฮูหยินหน้าเปลี่ยนสี “แล้วที่เป็นน้อยเล่า?”
ชุยเฒ่า “…ที่เป็นน้อยก็ไม่มีขอรับ ฮูหยินผู้เฒ่าโปรดวางใจ”
เขาเพียงแต่โดนพิษไป๋หลี่เซียง จะตายเมื่อไรก็ไม่รู้
ฮูหยินผู้เฒ่ายังไม่อาจวางไว้ จึงให้คนไปหยิบจินซวงที่ดีที่สุดมา แล้วทาไปทามาบนมือของเยี่ยนจิ่วเฉาอยู่สองรอบ สำหรับนางแล้ว เจ้าเด็กสองคนนั้นถูกหลานชายของนางเล่นงานจนยับเยิน เช่นนั้นก็ต้องจัดการให้หนัก ก็อยากมาทำร้ายหลานชายสุดที่รักของนางเองนี่นา
อวี๋หวั่น “…”
ตอนนี้ท่านจำได้แล้วใช่ไหมว่าเห้อเหลียนเฉิงและเห้อเหลียนอวี่ก็บาดเจ็บ?
ฮูหยินผู้เฒ่าไม่เพียงทายาให้หลานชาย ยังพันผ้าพันแผลให้อีกด้วย นางบอกกับอวี๋หวั่นด้วยความภาคภูมิใจว่า “ตอนที่ท่านปู่กับลุงใหญ่ของพวกเจ้าได้รับบาดเจ็บมาจากสนามรบ ข้าก็เป็นคนพันแผลให้”
อวี๋หวั่นมองไปยังมือของเยี่ยนจิ่วเฉาซึ่งบัดนี้ได้ถูกพันจนดูเหมือนบะจ่างลูกโต เอ…แน่ใจหรือว่าพวกเขาได้รับบาดเจ็บแล้วท่านทำแผลให้ หรือว่าเป็นเพราะท่านพันแผล พวกเขาถึงบาดเจ็บกันแน่?
หลังจากที่ฮูหยินจัดการ ‘บาดแผล’ ของเยี่ยนจิ่วเฉาเรียบร้อย ก็สั่งสอนสาวใช้ซึ่งเฝ้าอยู่ และหนีไม่พ้นเรื่องที่หลานชายของนางตื่นแล้วไม่ยอมเรียกนาง เขาเพิ่งมาถึง คนในจวนยังไม่ค่อยรู้จักเขา จึงทำให้เขาต้องเจ็บช้ำน้ำใจ
สาวใช้คิดในใจว่า ท่านไม่รู้หรืออย่างไรว่าท่านอารมณ์ร้ายขนาดไหนหลังจากตื่นนอน?
ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นเสียงขึ้นจมูก “ต่อไปถ้าหลานข้าตื่นแล้ว พวกเจ้าต้องเรียกข้า!”
“…เจ้าค่ะ” สาวใช้ฝืนใจตอบ
คิ้วของฮูหยินผู้เฒ่าซึ่งขมวดเป็นปมจึงค่อยๆ คลายลง นางคว้าแขนของเยี่ยนจิ้วเฉา “นี่ก็ดึกมากแล้ว เจ้าพักผ่อนเถิด เจ้าชอบอะไร พรุ่งนี้ย่าจะทำมาให้เจ้า!”
อวี๋หวั่นยังคิดเสียอีกว่าประโยคสุดท้ายคือประโยคคำถาม เช้าวันต่อมา เธอเดินออกมาจากชีสยาย่วน ก็เห็นเรือนเพาะชำดอกไม้ที่ฮูหยินผู้เฒ่าสร้างขึ้นในชั่วข้ามคืน จึงได้รู้ว่าสิ่งที่ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวคือประโยคบอกเล่า
สถานที่แรกในจวนที่เยี่ยนจิ่วเฉาไปก็คือเรือนเพาะชำ ฮูหยินผู้เฒ่าจึงคิดว่าเขาชอบดอกไม้ จึงให้คนสร้างเรือนเพาะชำภายในคืนเดียว ทั้งยังสวยงามและโอ่โถงกว่าเรือนเพาะชำที่จวนตะวันตกและตะวันออกใช้ร่วมกันเสียอีก
“เมื่อคืนข้าหมดสติไปหรืออย่างไร?” อวี๋หวั่นถามด้วยความงุนงง ชีสยาย่วนอยู่ไม่ไกล เสียงดังขนาดนั้น ทำไมเธอไม่ได้ยินแม้แต่นิดเดียว?
ชิงเหยียนเดินมา ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันแล้วตอบว่า “ฮูหยินผู้เฒ่าให้เห้อเหลียนเป่ยหมิงสร้าง ห้ามมีเสียงดังแม้แต่น้อย หากมีเสียงดังจนหลานรักของนางตื่น นางจะโกรธ”
เพราะฉะนั้น เห้อเหลียนเป่ยหมิงจึงเรียกหน่วยกล้าตายหน้ากากทองในสังกัดมาสร้างเรือนเพาะชำแห่งนี้ อย่างไรเสียก็มีเพียงยอดฝีมือระดับนี้ที่สามารถทำได้
อวี๋หวั่นจินตนาการภาพหน่วยกล้าตายที่เก่งกาจต้องมาใช้แรงงาน ทำงานไม้ ปูกระเบื้อง มุมปากเธอก็กระตุกและรู้สึกอยากจะเป็นลม…
ในอดีตมีโยวโจวอ๋องจุดคบไฟหยอกล้อเจ้าครองแคว้น ตอนนี้มีฮูหยินผู้เฒ่าเอาใจหลานจนเกินเหตุ
อวี๋หวั่นต้มยาเสร็จก็จะนำไปให้สามีของตนดื่ม เขาตื่นพอดี มือซึ่งถูกพันเป็นบะจ่างนั้นทำอะไรก็ไม่สะดวก อวี๋
หวั่นจึงวางชามลง หยิบเสื้อผ้ามาให้เขาใส่ คาดเข็มขัดให้เขาแล้วพูดว่า “ให้แกะออกไหม? อย่างนี้ไม่สะดวกเอาเสียเลย”
“ไม่แกะ” เยี่ยนจิ่วเฉาตอบ
มือของอวี๋หวั่นซึ่งกำลังคาดเข็มขัดชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วมองเขาด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม “ชอบฮูหยินผู้เฒ่าสินะ?”
เยี่ยนจิ่วเฉา “…เช่นนั้นก็แกะออกเถอะ”
อวี๋หวั่นหลุดหัวเราะ
เดิมทีอวี๋หวั่นก็นึกสงสัยว่าเพราะเหตุใดเห้อเหลียนเป่ยหมิงจึงต้องหาคนมาปลอมเป็นหลานเพื่อปลอบฮูหยินผู้เฒ่า ในตอนนี้เธอเริ่มจะเข้าใจแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าดูมีความสุขเหลือเกิน ราวกับมีแสงสว่างในชีวิตอีกครั้งหนึ่ง เยี่ยนจิ่วเฉาแม้จะไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองมากเท่าฮูหยินผู้เฒ่า แต่การได้รับความรักความเอ็นดูจากผู้ใหญ่ ก็ไม่นับว่าแย่เสียทีเดียว
เขาและฮูหยินผู้เฒ่าล้วนแต่อับโชค แต่พวกเขาโชคดีที่ได้พบกัน
อาหารเช้าถูกจัดไว้ในห้องของฮูหยินผู้เฒ่า
เยี่ยนจิ่วเฉาแกะผ้าพันแผลออกเพราะความรำคาญ แต่สุดท้ายฮูหยินผู้เฒ่าก็หยิบผ้าพันแผลมาพันให้เขาใหม่
เยี่ยนจิ่วเฉามักจะระเบิดโทสะเมื่อไรก็ได้ราวกับลูกสิงโตงอแง แต่เขาไม่ได้ระเบิดโทสะเลยแม้แต่น้อย
อวี๋หวั่นยิ้มพลางมองไปยังสองย่าหลาน “ท่านย่า ข้าจะออกไปข้างนอกสักหน่อย ฝากท่านย่าดูสามีข้าหน่อยนะเจ้าคะ”
ปล่อยให้เยี่ยนจิ่วเฉาอยู่กับนาง เธอก็วางใจ
“เจ้าไปเถอะ หลานข้าข้าก็ต้องดูแลอยู่แล้ว!” ฮูหยินผู้เฒ่าไม่ได้รั้งอวี๋หวั่นให้อยู่ที่จวน และไม่ได้ละลาบละล้วงเรื่องของเธอ เรื่องนี้นับว่านางค่อนข้างเปิดกว้างเมื่อเทียบกับผู้เฒ่าผู้แก่ทั่วไป
อวี๋หวั่นยกยิ้มมุมปาก “เช่นนั้นข้ากลับมาเมื่อไหร่จะซื้อถังหูลู่มาฝากท่านด้วย”
ฮูหยินผู้เฒ่านัยน์ตาเป็นประกายวูบหนึ่ง นางตอบด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ขะ…ขะ…ข้าไม่กินหรอก!”
ซู้ด~
กลืนน้ำลาย
อวี๋หวั่นเดินยิ้มร่าออกไป
เยว่โกวอยู่ในจวน ส่วนชิงเหยียนลากรถม้าออกมา และเดินทางไปยังโรงเตี๊ยมวั่งเจียงซึ่งอยู่ตรงข้ามกับหอตี้อี
ค่าครองชีพในเมืองหลวงแห่งหนานจ้าวสูงกว่าในต้าโจวเสียอีก ห้องธรรมดาในโรงเตี๊ยมห้องหนึ่งมีถึงสามตำลึง แต่เพื่อที่จะสังเกตจับตาดูการเคลื่อนไหวของหอตี้อี เจียงไห่จำต้องเช่าห้องซึ่งมีทัศนียภาพดีที่สุด ราคาสิบตำลึงต่อคืน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]