คนต้าโจวว่างมงายเรื่องไสยศาสตร์แล้ว คนหนานจ้าวเชื่อมากกว่าคนต้าโจวเสียอีก ไม่เช่นนั้นคงไม่เชื่อเรื่องเหล่านี้หรอก
“ในเมื่อเล่ากันว่าสวนป่านี้เป็นสถานที่อัปมงคล พ่อค้ายังกล้าซื้ออีกหรือ?” อวี๋หวั่นถาม
ชิงเหยียนหัวเราะ “ในใต้หล้าก็ยังมีคนกล้าไม่กลัวตาย”
จะว่าไปก็ถูก นอกจากนั้นแล้วสถานที่แห่งนี้ก็ยังเคยเป็นสวนป่าของราชวงศ์ เมื่อได้มาอยู่ในครอบครองก็นับว่าเป็นหน้าเป็นตามากแล้ว
“หลังจากขายไปแล้วมีเรื่องเกิดร้ายเกิดขึ้นไหม?” อวี๋หวั่นถามด้วยความสงสัย
ชิงเหยียนหัวเราะอีกครั้ง “ว่ากันว่ามี แต่จริงหรือเท็จข้าก็ไม่รู้ อีกทั้งยังมีเหล่าคนใจกล้าที่มาเพราะชื่อเสียงของที่นี่ หากกล้าพักอยู่ที่ที่หนึ่งวัน กลับออกไปก็จะได้ชื่อว่าเป็นผู้กล้า”
อวี๋หวั่นคิดในใจว่า ที่จริงแล้วราชวงศ์ตั้งใจสร้างให้สถานที่นี้เป็นบ้านผีสิงหรือเปล่านะ? คนโบราณหัวการค้าขนาดนี้เชียวหรือ?
ศีรษะของเยี่ยนจิ่วเฉาหนุนอยู่บนตักของอวี๋หวั่น ใบหน้าของเขาหันเข้าหาท้องของอวี๋หวั่น แขนโอบเอวเธอเอาไว้ แล้วหลับไป
มือของอวี๋หวั่นพาดไว้บนไหล่ของเยี่ยนจิ่วเฉา เธอชอบความใกล้ชิดเช่นนี้ แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกเจ็บปวดที่เขาได้รับความทรมาน ถ้าหากไม่ทรมานจนแทบทนไม่ไหว เขาคงไม่แนบชิดกับเธอในตอนกลางวันแสกๆ เช่นนี้
ครั้งนี้เดินทางไกล อวี๋หวั่นอยากงีบสักพัก แต่กลับพบว่าตนเองนอนไม่กลับ ดังนั้นจึงสนทนากับชิงเหยียนต่อ
เมื่อครู่พูดถึงเรื่องอะไรนะ?
ใช่แล้ว นี่เป็นสวนป่าที่อวิ๋นเฟยเคยมาพำนัก
อวิ๋นเฟยเป็นพระมารดาของตี้จีองค์โต เยี่ยนจิ่วเฉาก็เคยกล่าวถึงนาง ทว่าเขาไม่ได้เล่าละเอียด อวี๋หวั่นจึงรู้เพียงว่านางไม่ได้รับความรักความเอ็นดู ไม่ใช่เพราะนางเป็นกาลกิณี แต่เป็นเพราะนางถูกองค์ประมุขเกลียดชังตั้งแต่เด็ก
ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นละ?
อวี๋หวั่นบอกความสงสัยในใจให้ชิงเหยียนฟัง
เขาตอบว่า “เรื่องเล่าเกี่ยวกับอวิ๋นเฟยจำนวนมาก บ้างก็ว่านางเป็นแม่มด บ้างก็ว่าเป็นนางพญาจิ้งจอก เป็นกาลกิณี แต่เท่าที่ข้ารู้ ก่อนที่อวิ๋นเฟยจะเข้าวัง นางเป็นสตรีที่มีความรู้ความสามารถ แต่ด้วย…”
“แต่ด้วยอะไร?” อวี๋หวั่นถาม
ชิงเหยียนถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “จะว่าไป อวิ๋นเฟยผู้นี้เป็นคนน่าสงสาร นางเคยได้รับการหมั้นหมายแล้วครั้งหนึ่ง แต่ว่าที่เจ้าบ่าวกลับไปหลงรักลูกพี่ลูกน้องของนาง จึงยกเลิกงานแต่งงาน นางเป็นบุตรสาวของอนุภรรยา ฐานะต้อยต่ำ ไม่มีปากมีเสียง เรื่องการแต่งงานจึงไม่อาจแย่งชิงกับบุตรสาวของภรรยาเอกได้ ท่านแม่ของนางไม่ได้ให้กำเนิดพี่น้องผู้ชาย ทำให้ครอบครัวไร้ที่พึ่ง นับวันยิ่งถูกคนรังแก ตัวนางเองก็นับว่ากระเสือกกระสน ได้รับเลือกให้เป็นพระสหายร่วมชั้นเรียนกับฮองเฮา ในตอนนั้นฮองเฮายังไม่ใช่ฮองเฮา แต่เป็นเพราะหมั้นหมายกับองค์ประมุขมาตั้งแต่ยังเล็ก ฮองเฮาองค์ก่อนจึงให้ความสำคัญกับว่าที่ลูกสะใภ้มาก และอนุญาตให้นางเข้าไปศึกษาในห้องหนังสือ
สหายร่วมชั้นเรียนไม่ได้มีเพียงอวิ๋นเฟย แต่อวิ๋นเฟยได้รับความโปรดปรานจากฮองเฮามากที่สุด หลังจากที่ฮองเฮาอภิเษกกับองค์ประมุข เมื่อรู้ว่าอวิ๋นเฟยถูกว่าที่สามีถอนหมั้น ฮองเฮาก็โมโหและด่าทอชายหนุ่มคนนั้นอย่างรุนแรง สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่ได้ครอบครองสาวงาม แต่กลับถูกส่งไปปล่อยยังเมืองเล็กๆ เมืองหนึ่ง ไม่อาจกลับเมืองหลวงไปตลอดชีวิต”
นี่มัน…โชคร้ายสองชั้น
อวี๋หวั่นจินตนาการได้ไม่ยากว่าในตอนนั้นฮองเฮาออกหน้าแทนอวิ๋นเฟยด้วยเหตุใด อวี๋หวั่นไม่รู้สึกเห็นใจผู้ชายคนนั้นแม้แต่น้อย เขาก็เป็นผู้ชายเฮงซวยคนหนึ่ง ต้องถูกจัดการให้สาสม แต่ว่าเกิดเรื่องอะไรกับอวิ๋นเฟยคนนี้กัน ทำไมนางถึงไปเป็นพระสนมได้?
ชิงเหยียนพูดต่อ “ถึงเรื่องนี้จะลงเอยที่ว่าที่เจ้าบ่าวของอวิ๋นเฟยถูกนำไปปล่อย แต่ก็ทำให้อวิ๋นเฟยเจ็บปวดไม่น้อยถึงกับล้มหมอนนอนเสื่ออยู่นาน เมื่อฮองเฮารู้ข่าวจึงเชิญอวิ๋นเฟยเข้าวัง แล้วเรียกเหล่าบุรุษที่ดีและอายุเหมาะสมมาเพื่อให้อวิ๋นเฟยเลือก เพียงแต่ไม่คิดว่าอวิ๋นเฟยจะเข้าไปพัวพันกับองค์ประมุข”
ถ้าเป็นอย่างนั้นก็น่าโมโหเหลือเกิน
เห็นว่าเจ้าเป็นพี่น้อง แต่เจ้ากลับแย่งสามีข้า!
อวี๋หวั่นส่ายหน้า แล้วถามว่า “แต่ข้าก็ยังไม่เข้าใจว่าเรื่องนี้ไปเกี่ยวข้องกับองค์ประมุขไม่ชอบนางได้อย่างไร?”
ชิงเหยียนบอกว่า “ช่วงนั้นพระองค์ดื่มสุรามาก จึงไม่รู้ว่าอวิ๋นเฟยอยู่ในห้องของฮองเฮา คิดว่าอวิ๋นเฟยคือฮองเฮา
เมื่อได้สติจึงรู้ว่านางเป็นหญิงอื่น ในตอนนั้นฮองเฮารู้เรื่องแล้ว จึงเดินหนีออกไปด้วยความโกรธ องค์ประมุขนึกอยากปิดเรื่องนี้ก็ไม่อาจปิดได้อีกต่อไป พระองค์ให้ความสำคัญกับฮองเฮามาก หากไม่ใช่เพราะเมาสุรา จะไปทำความผิดครั้งใหญ่เช่นนี้ได้อย่างไร? องค์ประมุขจึงเคียดแค้นอวิ๋นเฟย จากนั้นจึงพาลรังเกียจนางไปด้วย”
อวี๋หวั่นพูดว่า “เช่นนั้นประหารนางก็สิ้นเรื่อง ทำไมยังให้นางอยู่ในวังอีก?”
ชิงเหยียนหัวเราะ “ฮองเฮาอภิเษกมาได้สามปีก็ยังไม่มีโอรสสักที ขุนนางในราชสำนักทั้งบุ๋นทั้งบู๊ต่างก็แนะนำให้องค์ประมุขขยายวังหลัง อวิ๋นเฟยปรากฏตัวได้ประจวบเหมาะพอดี ขุนนางอาวุโสคนหนึ่งจึงขอร้องแทนนาง กษัตริย์ก็คือกษัตริย์ แต่ไม่ใช่ว่าทุกอย่างจะได้ดังใจไปเสียหมด สุดท้ายแล้วอวิ๋นเฟยก็เข้ามาอยู่ในวัง ไม่นานก็ได้รับการวินิจฉัยว่าตั้งครรภ์”
อวี๋หวั่นพยักหน้าแล้วบอกว่า “ข้าได้ยินว่าตี้จีองค์โตและตี้จีองค์เล็กเกิดวันเดียวกัน ถ้าอย่างนั้นฮองเฮาและอวิ๋นเฟยก็ตั้งครรภ์ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน?”
ชิงเหยียนตอบว่า “ถูกต้อง ข่าวว่าอวิ๋นเฟยตั้งครรภ์แพร่สะพัดออกไปได้ไม่กี่วัน ฮองเอาก็ได้รับการวินิจฉัยว่าตั้งครรภ์เช่นกัน”
เรื่องหลังจากนั้นอวี๋หวั่นรู้หมดแล้ว ราชครูทำนายให้องค์ประมุขว่าพระองค์จะไม่มีโอรส ตี้จีของฮองเฮาและตี้จีของอวิ๋นเฟยที่เกิดมา คนหนึ่งจะนำโชคดีมาให้แผ่นดิน อีกคนหนึ่งจะเป็นกาลกิณีของแผ่นดิน
ถ้าหากหนึ่งในพวกนางทั้งสองให้กำเนิดโอรส คำทำนายนี้จะนับว่าเป็นโมฆะ แต่ทั้งสองต่างให้กำเนิดบุตรี ทั้งยังเกิดอาเพศอีกด้วย จึงทำให้ผู้คนเชื่อไปโดยปริยาย
ที่โชคดีก็คือผู้ที่เป็นกาลีบ้านกาลีเมืองก็คือตี้จีองค์โตของอวิ๋นเฟย องค์ประมุขเกลียดอวิ๋นเฟยอยู่เป็นทุนเดิม จึงไม่รอช้าไล่พวกนางออกไป หากเปลี่ยนเป็นตี้จีของฮองเฮา องค์ประมุขคงจะลังเลอยู่บ้าง
“แล้วอวิ๋นเฟยไม่โวยวายหรือ?” อวี๋หวั่นรู้สึกว่าอวิ๋นเฟยผู้นี้ไม่ธรรมดา ทำลายชีวิตอดีตเจ้าบ่าวเสียจนยับเยิน ทั้งยังนอนกับสามีของเพื่อนสนิทได้เช่นนี้ นางต้องมีความสามารถอยู่บ้าง
ชิงเหยียนยักไหล่ “แน่นอนว่านางโวยวาย แต่ยิ่งโวยวายก็ยิ่งถูกองค์ประมุขรังเกียจ ยิ่งพระองค์รังเกียจนาง นางก็ยิ่งไม่สามารถไปรับลูกกลับมาได้”
“น่าสงสารตี้จีองค์โต” อวี๋หวั่นพูด
น่าสงสารเจ้าด้วย ชิงเหยียนคิดในใจ
“หลายปีมานี้ฮองเฮาสุขภาพไม่แข็งแรง อวิ๋นเฟยกินมังสวิรัติและปฏิบัติธรรม และเข้าตำหนักเย็นไปพร้อมกัน
คนเดียวที่ปลอบประโลมใจขององค์ประมุขก็คือตี้จี”
ในตอนที่ชิงเหยียนกล่าวประโยคนี้ เขามีสีหน้าเย็นชา เพียงแต่เขานั่งอยู่ด้านนอก อวี๋หวั่นจึงมองไม่เห็น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]