หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3] นิยาย บท 202

อวี๋หวั่นเคยเห็นไข่มุกพิษ แต่ไม่เคยเห็นไข่มุกพิษจำนวนมากขนาดนี้มาก่อน ทั้งยังประดับไปทั่วทั้งกล่อง ซื้อไข่มุกพิษมาทั้งใต้หล้าเลยหรืออย่างไร?

ลักษณะของไข่มุกพิษไม่ได้แตกต่างกับไข่มุกธรรมดา ข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวก็คือมันสามารถเรืองแสงได้เมื่ออยู่ในมือของเธอ

ต่งเซียนเอ๋อร์นั้นตกใจยิ่งกว่าเธอเสียอีก สายตาของนางจับจ้องไปยังไข่มุกซึ่งส่องแสงวับวาม กล่องนั้นเป็นของนาง นางรู้จักมันดี สายตาของนางกำลังบอกอวี๋หวั่นว่าแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยมีผู้ใดทำให้ไข่มุกเหล่านี้ ‘ส่องแสง’ มาก่อน

“ท่าน…” ต่งเซียนเอ๋อร์มีสีหน้าเคร่งขรึม

อวี๋หวั่นรีบหยิบเห็ดหลินจือออกมาอย่างรวดเร็ว วางกล่องลงบนโต๊ะ พร้อมกับเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “ท่านไม่เห็นอะไร ท่านตาพร่าไปเองก็เท่านั้น”

ต่งเซียนเอ๋อร์ซึ่งเดิมทีงุนงงอยู่ไม่น้อย เมื่อได้ยินอวี๋หวั่นร้อนตัวเช่นนี้ นางก็หัวเราะออกมา

“ท่านหัวเราะอะไร?” อวี๋หวั่นใช้ผ้าห่อเห็ดหลินจือแดง แล้วยัดเข้าไปในช่องว่างในแขนเสื้อ

ต่งเซียนเอ๋อร์นั่งลงบนเก้าอี้อย่างไม่รีบร้อน ดื่มชาเข้าไปหนึ่งคำ กล่าวว่า “ข้าหัวเราะที่ข้าไปรู้ความลับสุดยอดเข้าแล้ว”

“อ้อ”

“ท่านอยากฟังหรือไม่?”

“ไม่อยาก”

“แต่ข้าก็จะพูดให้ท่านฟังอยู่ดี”

เอ๊ะ!

ต่งเซียนเอ๋อร์หัวเราะอีกครั้งแล้วกล่าวว่า “อันที่จริงมีเรื่องเล่าจำนวนมากในเมืองหลวง หนึ่งในนั้นก็คือบัลลังก์ของประมุขหญิงมีบางอย่างไม่ชอบมาพากล แม้ว่าท่านจะไม่ใช่คนหนานจ้าว…”

เรื่องนี้ก็ดูออกด้วยหรือ?

ผู้หญิงคนนี้น่ากลัวจริงๆ!

อยากกลับบ้านเหลือเกิน!

“แต่คิดว่าท่านคงรู้ว่าประมุขหญิงคือผู้ใด และคงได้ยินมาบ้างว่าตำแหน่งรัชทายาทของนางได้มาอย่างไรกระมัง” ต่งเซียนเอ๋อร์ไม่ทันรอให้อวี๋หวั่นตอบ นางก็พูดต่อในทันใด “นางตามหาราชันหมื่นสัตว์พิษให้กับหนานจ้าว ราชันหมื่นสัตว์พิษเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ของหนานจ้าว และสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ยอมรับนางเป็นเจ้านาย นางกลายเป็นผู้ที่ได้รับการปกปักรักษา องค์ประมุขแห่งหนานจ้าวจึงแต่งตั้งให้นางเป็นรัชทายาท เรื่องนี้ได้รับการยอมรับจากอาณาประชาราษฎร์ นับว่าเหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง แต่กลับมีข่าวว่า…สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ได้หายไป สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ไม่อาจออกจากเจ้านายไปได้ง่ายๆ นอกเสียจากว่า…เรื่องยอมรับประมุขหญิงเป็นเจ้านายนั้นเป็นเรื่องโกหก”

บนใบหน้าของอวี๋หวั่นเต็มไปด้วยประโยคว่า ‘ข้าไม่ได้คิดมากขนาดนั้น’ ‘ข้าแค่อยากได้เห็ดหลินจือ’ ‘ปล่อยข้าไปเถอะ’

เดี๋ยวนะ ทำไมนางต้องบอกเธอด้วยนะ?

อวี๋หวั่นสัมผัสได้ถึงลางสังหรณ์ไม่ดี

ต่งเซียนเอ๋อร์ยืนขึ้น แล้วเดินไปตรงหน้าอวี๋หวั่น นางยื่นปลายนิ้วขาวปลอดมาเชยคางของอวี๋หวั่น “ท่านรู้หรือไม่ว่าบนกล่องนี้มีไข่มุกทั้งหมดกี่ลูก? หนึ่งร้อยแปดลูก ราชันสัตว์พิษที่เก่งกาจยังไม่อาจทำให้ไข่มุกสว่างได้ถึงครึ่งหนึ่งด้วยซ้ำ”

อวี๋หวั่นมีสีหน้าราบเรียบ “ไม่ใช่ว่าคนอื่นทำไม่ได้ แต่ท่านอาจไม่รู้”

ต่งเซียนเอ๋อร์ยิ้ม “ท่านรู้หรือไม่ว่าข้าตามหาปรมาจารย์พิษขั้นสูงมาทดลองแล้วกี่คน?”

สรุปแล้วนางไม่ได้ตามหาปรมาจารย์พิษไปเรื่อยเปื่อยสินะ?

“ไข่มุกของท่านอาจจะพังแล้วก็เป็นได้” ทำอย่างไรก็จะไม่ยอมรับว่าเธอมีราชันหมื่นสัตว์พิษหรอก!

ต่งเซียนเอ๋อร์ขยับเข้ามาใกล้อวี๋หวั่น แล้วพูดอย่างมีเลศนัย “หรือว่า ท่านมีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อยู่ในครอบครอง”

“อาหารกินส่งเดชได้ แต่คำพูดไม่อาจพูดส่งเดช สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ของหนานจ้าวเป็นของประมุขหญิง ท่านกล่าววาจา

ใส่ความข้าเช่นนี้ เพราะคิดจะยืมมือประมุขหญิงมาแก้แค้นที่ข้าไม่อาจสนองความต้องการของท่านได้หรือ?” อวี๋หวั่นไม่ชอบลับฝีปากกับใคร แต่เมื่อถึงคราวจำเป็น แต่ละคำของเธอก็รุนแรงราวกับบาดลึกลงไปในเนื้อ

เป็นดังคาด ต่งเซียนเอ๋อร์ตะลึงงันไป ชั่ววินาทีหนึ่งนางไม่รู้ว่าจะตอบว่าอย่างไร

อวี๋หวั่นใช้จังหวะที่นางกำลังยืนงง เดินออกจากห้องไปอย่างสง่างาม

เมื่อต่งเซียนเอ๋อร์ตั้งสติได้ นางได้แต่หรี่ตามองตามหลังอวี๋หวั่น “เป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ของหนานจ้าวหรือไม่ ข้าย่อมมีวิธีพิสูจน์!”

เมื่อออกมาห่างจากเรือนแล้ว อวี๋หวั่นก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ฮวาขุยคนนี้น่ากลัว ไม่เห็นเหมือนหน้าตาเลย! โชคดีที่เธอหนีออกมาได้อย่างว่องไว และไม่ทิ้งหลักฐานเอาไว้ ไม่เช่นนั้นหากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป นอกจากจะหาตัวยาสมุนไพรไม่ได้แล้ว คงจะถูกประมุขหญิงตามมาฆ่าเธอแล้วเอาสัตว์พิษกลับไปด้วย

ในตอนที่อวี๋หวั่นนำเห็ดหลินจือกลับมายังศาลาริมน้ำ พวกองค์หญิงน้อยก็กลับไปแล้ว ผู้อาวุโสเยวี่ยมีธุระ ก็ขอตัวกลับไปแล้วเช่นกัน โดยมีเจียงไห่เดินทางไปส่ง ชิงเหยียนนำคำพูดของผู้อาวุโสเยวี่ยบอกกับอวี๋หวั่น

อวี๋หวั่นรู้สึกตกใจ ไม่คิดว่าปรมาจารย์พิษเมิ่งท่าทางขึงขังคนนั้นจะเก่งกาจปานนั้น โชคดีที่เยี่ยนจิ่วเฉาจัดการคนแซ่อวี๋นั่นแล้ว ไม่เช่นนั้นหากคนแซ่อวี๋ไปบอกเขาว่าพวกเขาฆ่าเฟ่ยหลัวตาย เกรงว่าวันนี้พวกเขาคงไม่มีทางได้เห็ดหลินจือมาเป็นแน่

อวี๋หวั่นบอกเรื่องของคนแซ่อวี๋กับชิงเหยียนและเจียงไห่ ทั้งสองอึ้งไปชั่วขณะหนึ่ง เกือบไปแล้ว เฟ่ยหลัวเป็ยลูกศิษย์ของปรมาจารย์พิษขั้นสูงเมิ่ง

อวี๋หวั่นบอกว่า “ไม่เป็นไร เรื่องของคนแซ่อวี๋นั่นจัดการเรียบร้อยแล้ว”

ชิงเหยียนชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะจัดการกับร่างของคนแซ่อวี๋ จากนั้นจึงบังคับรถม้าตามอวี๋หวั่นและเยี่ยนจิ่วเฉากลับจวนไป

วันเวลาชวนอกสั่นขวัญแขวนได้จบลง พวกเขาได้เห็ดหลินจือมาครอบครอง เรื่องแรกที่อวี๋หวั่นทำหลังจากกลับจวนก็คือไปหาชุยเฒ่า ให้เขาดูว่าเห็ดหลินจือแดงนี้เป็นของจริงหรือไม่

ชุยเฒ่าวางหัวผัดกาดซึ่งกัดไปได้เพียงครึ่งเดียวลง จากนั้นก็หยิบเห็ดหลินจือขึ้นมาพลิกไปพลิกมา พินิจพิจารณาอยู่พักใหญ่

เขาทำให้อวี๋หวั่นใจเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ “อย่าบอกนะว่าเป็นของปลอม!”

ชุยเฒ่าขมวดคิ้ว พึมพำว่า “บนโลกนี้มีเห็ดหลินจือแดงต้นที่สองจริงด้วย…”

อวี๋หวั่นหรี่ตาด้วยความหวาดระแวง “หมายความว่าอย่างไร? ท่านรู้หรือว่าเห็ดหลินจือแดงอยู่ที่ไหน?”

“แค่ก!” ชุยเฒ่าอยากจะตีปากตนเองเหลือเกิน ทำไมในช่วงเวลาสำคัญ เขาถึงปากไม่มีหูรูดขึ้นมาได้นะ?

เขาตอบว่า “จิ้งอ๋องมีเห็ดหลินจือแดงอยู่ต้นหนึ่ง”

ไม่ได้นึกถึงคนคนนั้นมานานแล้ว เมื่อได้ยินชื่อแล้วอวี๋หวั่นถึงกับชะงักไปชั่วประเดี๋ยวหนึ่ง จากนั้นเธอก็ตระหนักได้ว่าคนที่ชุยเฒ่ากล่าวถึงก็คือเยี่ยนไหวจิ่ง เมื่อสงบจิตสงบใจได้แล้ว ลำพังความรู้สึกที่เยี่ยนไหวจิ่งมีต่ออวี๋หวั่น ให้เธอไปหยิบลูกเกาลัดออกมาจากกองไฟ ไปหาต่งเซียนเอ๋อร์ยังจะดีกว่า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]