หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3] นิยาย บท 201

อีกฝ่ายสวมชุดยาว แต่ชุดของเขาขาดหลุดรุ่ยอยู่บ้าง ท่าทางของเขาสะบักสะบอม ใบหน้าเปรอะเปื้อน ผมเผ้ายุ่งเหยิง ริมฝีปากแห้งแตก หนวดเคราขึ้นเต็มใบหน้า

มองคราแรกเยี่ยนจิ่วเฉาไม่รู้ว่าเจ้าอัปลักษณ์นี่คือใคร แต่เจ้าอัปลักษณ์กลับจำเยี่ยนจิ่วเฉาได้

เยี่ยนจิ่วเฉาหล่อเหลาเกินคนทั่วไปจนรู้สึกตราตรึงไม่อาจลืมได้ ได้พบครั้งแรกก็จดจำรูปร่างหน้าตาของเขาได้อย่างแม่นยำ

“เป็นเจ้า!” อีกฝ่ายขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

เยี่ยนจิ่วเฉาเลิกคิ้ว “พวกเรารู้จักกัน?”

อีกฝ่ายเลิกผมเผ้ารุงรัง แล้วชี้ไปยังใบหน้าซึ่งดูชราลงดว่าเดิมไม่ต่ำกว่าสิบปี “เจ้าแหกตาดูให้ชัดๆ ว่าข้าเป็นใคร!”

เยี่ยนจิ่วเฉา: ข้าดูชัดแล้ว ไม่รู้จัก

อีกฝ่าย “!!!”

อีกฝ่ายระเบิดโทสะในทันใด “ซีเฉิง! สถานีคุ้มกันสินค้าหลงเหมิน! ปรมาจารย์พิษอวี๋! ยังกล้าบอกว่าเจ้าลืมอีกหรือ?!”

ปรมาจารย์พิษอวี๋แทบกระอักเลือด

เคยเจอคนที่ยั่วโมโห แต่ไม่เคยพบเคยเห็นคนที่ยั่วโมโหถึงเพียงนี้มาก่อน ลืมไปแล้วจริงๆ หรือว่าเจ้าสารเลวพวกนั้นทำอะไรกับเขาเอาไว้บ้าง? ถึงได้ถามขึ้นมาหน้าตาเฉยเช่นนี้!

ใช่สิ เขามันก็เป็นเพียงปรมาจารย์พิษที่อ่อนแอ ถูกทิ้งเอาไว้นอกเมืองหลิ่วกลางดึก ร้องเรียกก็ไม่มีใครช่วย ไม่ตายก็นับว่าสวรรค์เมตตาแล้ว!

ที่น่าเวทนายิ่งกว่าก็คือเขาทำป้ายหยกของปรมาจารย์พิษหายไป ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเขาเข้ามาเมืองหลวงได้อย่างไร เขาไม่ได้เพียงต้องการพึ่งพาสกุลใหญ่ในเมืองหลวง! แต่เขายังต้องการแก้แค้น! เขาต้องล้างความอัปยศอดสูนี้ให้ได้!

“เจ้าพวกจอมหลอกลวง พวกเจ้าหลอกลวงคนอื่นได้แต่หลอกข้าไม่ได้ พวกเจ้าไม่ใช่คนสกุลเห้อเหลียน! แม่ทัพใหญ่เห้อเหลียนถูกพวกเจ้าหลอก! ข้าจะเปิดโปงพวกเจ้า!”

ในตอนที่อวี๋หวั่นพุ่งออกไปบอกว่าตนเองเป็นหลานของสกุลเห้อเหลียน ปรมาจารย์พิษอวี๋ถูกภาพเหตุการณ์ทำให้ตะลึงงัน แต่เมื่อตั้งสติได้และพิจารณาให้ถ้วนถี่ ก็รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ชอบมาพากล หากพวกเขาเป็นหลานของแม่ทัพใหญ่เห้อเหลียนจริง เหตุใดไม่ไปตามหาเห้อเหลียนเป่ยหมิงตั้งแต่อยู่ในซีเฉิง? พวกเขาทำตัวไม่โดดเด่น เพราะว่ากลัวคนรู้ตัวตนของพวกเขา…นี่เป็นลักษณะของผู้ที่มีคนหนุนหลังอยู่จริงหรือ?

ปรมาจารย์พิษอวี๋ได้ข้อสรุปว่าพวกเขาหลอกลวงแม่ทัพใหญ่

เยี่ยนจิ่วเฉามิได้ยี่หระแต่อย่างใด “โอ้ อย่างนั้นหรือ?”

ปรมาจารย์พิษอวี๋มีสีหน้าดุดัน “เจ้าอย่ามาเสแสร้งว่าไม่สนใจ! ข้าจะไม่เพียงเปิดโปงพวกเจ้าต่อสกุลเห้อเหลียน! ข้าจะบอกจวนประมุขหญิงด้วย! เจ้าคิดว่าข้าหาที่นี่พบได้อย่างไร? ข้าไปจวนประมุขหญิงมาแล้ว! พวกเขาบอกข้าว่าปรมาจารย์พิษขั้นสูงเมิ่งออกเดินทางมาปี้ลั่วซานจวง! ประเดี๋ยวได้พบปรมาจารย์พิษขั้นสูงเมิ่ง ข้าจะบอกเขาว่าพวกเจ้าสังหารศิษย์รักของเขา!”

เยี่ยนจิ่วเฉาขมวดคิ้ว

ปรมาจารย์พิษอวี๋หัวเราะเย็นชา “อย่าบอกนะว่าเจ้าก็ลืมใต้เท้าเฟ่ยหลัว! ฮ่า! เขาก็คือผู้ที่ถูกใจสาวใช้นั่น! พวกเจ้าสังหารเขา! ปรมาจารย์พิษขั้นสูงเมิ่งไม่มีทางปล่อยพวกเจ้าไปแน่! จวนประมุขหญิงก็ไม่มีทางปล่อยพวกเจ้าไปเช่นกัน!”

เยี่ยนจิ่วเฉามีสีหน้าไร้เดียงสา “โอ้ เจ้าแก่นั่นเป็นอาจารย์ของเจ้าขยะนั่นหรือ”

ปรมาจารย์พิษอวี๋หัวเราะลั่น “ฮ่า กลัวใช่ไหมเล่า? กลัวไปก็ไร้ประโยชน์! ต่อให้คุกเข่าอ้อนวอนข้า ข้าก็จะไม่ปล่อยให้เจ้ามีชีวิตรอดกลับไป! พวกเจ้าทั้งหมดไป…”

ไปตายซะ!

เยี่ยนจิ่วเฉาคว้ามือของเขาด้วยมือเดียว แล้วผลักเขาลงไปกับพื้น

ปรมาจารย์พิษอวี๋ตัวผอมแห้งราวกับฟักเหี่ยวๆ ลูกหนึ่ง เขากลิ้งกลุกๆ ลงไป ศีรษะกระแทกกับหิน ตายคาที่

สิ่งที่เรียกว่าเคลื่อนทัพไปยังไม่ทันคว้าชัยก็ตายเสียก่อนก็เป็นเช่นนี้แล

ทุกอย่างเกิดขึ้นราวกับบทละครเกี่ยวกับการตามล้างแค้นด้วยความอาจหาญ บีบบังคับให้คุณชายเยี่ยนรับบทเป็นวายร้าย อวี๋หวั่นซึ่งสังเกตการณ์จากระยะไกลทำได้เพียงหลั่งน้ำตาให้ปรมาจารย์พิษอย่างเวทนา

ขู่ใครไม่ขู่ ต้องมาขู่เยี่ยนจิ่วเฉา โทษใครได้เล่า?

อวี๋หวั่นไม่คิดว่าสามีของตนทำมากเกินไป เสี่ยงตายมาไม่รู้กี่รอบ ตอนนี้เธอไม่พูดว่า ‘โอ้ สวรรค์ ข้าไม่กล้ามอง’ มันก็น่าคลื่นไส้พอๆ กับการบอกว่า ‘กินกระต่ายได้อย่างไร กระต่ายน่ารักขนาดนี้’ ไม่ใช่หรือ?

คนผู้นี้มาเพื่อฆ่าพวกเขา เพียงแต่เขาไร้ความสามารถ และต้องการยืมมือปรมาจารย์พิษเมิ่งและจวนประมุขหญิงก็เท่านั้น

หากเขาไม่ตาย พวกเขาก็ต้องตาย เช่นนั้นเลือกให้เขาตายจะดีกว่า

เยี่ยนจิ่วเฉาหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดมือที่จับปรมาจารย์พิษผู้นั้น

เขารังเกียจความสกปรก

เช็ดเสร็จเขาก็ไม่ต้องการผ้าเช้ดหน้าผืนนั้นแล้ว จึงโยนลงพื้นไปพร้อมกับหั่วเจ๋อจื่อเพื่อเผามัน

เยี่ยนจิ่วเฉาเดินกลับไปยังศาลาริมน้ำด้วยสีหน้าเย็นชา

การแข่งขันยกที่สามเดินทางมาใกล้ถึงจุดจบ ทั้งสองฝ่ายใช้ราชันร้อยสัตว์พิษ สัตว์พิษของปรมาจารย์พิษ

เมิ่งกำลังได้เปรียบ องค์หญิงน้อยตะโกนเสียงแหลมว่า “กัดมันเลย! กัดมันเลย!”

เมื่อเห็นว่ามันกำลังจะกัดราชันสัตว์พิษของผู้อาวุโสเยวี่ยตายจริงๆ ใครจะคิดว่าจะเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น อยู่ๆ ราชันสัตว์พิษของปรมาจารย์พิษเมิ่งก็ไม่ขยับ แม้ว่าจะไม่ขยับเพียงวินาทีเดียว ก็เพียงพอให้อีกฝ่ายโต้กลับได้

กว่าองค์หญิงน้อยจะตั้งสติได้ ราชันร้อยสัตว์พิษฝั่งของนางก็พลาดพลั้ง ถูกอีกฝ่ายกัดตายเสียแล้ว

องค์หญิงน้อยระเบิดโทสะขึ้นทันใด “ปะ…เป็นไปได้อย่างไร? เมื่อครู่เห็นอยู่ว่ากำลังจะชนะแล้ว! พวกเจ้าทำอะไรใช่ไหม?!”

นางเอ่ยขึ้นพลางตวัดสายตาไปมองผู้อาวุโสเยวี่ยและคนอื่นๆ

เจียงไห่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบว่า “เจ้าก็มองอยู่ตลอดไม่ใช่หรือ? พวกข้าทำอะไรเจ้าไม่รู้เชียวหรือ?”

ทางด้านอวี๋หวั่นนั้น เธอเดินไปยังเรือนหรูหราแห่งหนึ่ง

ก่อนหน้านี้ในสมองของเธอล้วนมีแต่เรื่องการต่อสู้ ไม่มีกะจิตกะใจชมบรรยากาศโดยรอบ ระหว่างทางมาที่นี่ เธอก็พบว่า มีโขดหินและน้ำใส ทิวทัศน์งดงาม กลิ่นหอมของดอกไม้ระคนในอากาศ ทำให้รู้สึกสดชื่นอย่างไม่อาจพรรณนาได้

“คุณชายได้ยินเรื่องที่ที่นี่เคยมีคนโชคร้ายพำนักอยู่หรือไม่?”

อวี๋หวั่นถูกขัดจังหวะการชื่นชมธรรมชาติ เธอหันมามองหน้านาง “หืม? อ่า แม่นางต่งหมายถึงเรื่องนี้ ทำไมหรือ แม่นางเชื่อเรื่องนี้หรือ?”

“คุณชายเชื่อหรือไม่?” ต่งเซียนเอ๋อร์ยิ้มแล้วถามกลับ

อวี๋หวั่นส่ายหน้า “ไม่เชื่อ”

สายตาของต่งเซียนเอ๋อร์แฝงไปด้วยความชื่นชม “สมแล้วที่เป็นคนที่ข้าต่งเซียนเอ๋อร์ถูกใจ”

อวี๋หวั่นยกมือขึ้นถูจมูกด้วยความขุ่นเคือง

คำพูดนี้แม้ว่าจะกล่าวออกมาเล่นๆ แต่ถ้ารู้ไปถึงหูสามีของข้า จะต้องเป็นเรื่องแน่

บทสนทนานี้จบลงครึ่งๆ กลางๆ ก็เพราะคำว่า ‘ไม่เชื่อ’ อันไร้เยื่อไยของอวี๋หวั่น ต่งเซียนเอ๋อร์ก็มิได้ใคร่อยากต่อบทสนทนาอีก นางพาอวี๋หวั่นเดินอ้อมระเบียงทางเดินเข้าไปยังห้องปีกหรูหราห้องหนึ่ง “เห็ดหลินจืออยู่ในนี้”

ในที่สุดก็ได้ตัวยามา อวี๋หวั่นรู้สึกตื่นเต้นเหลือเกิน

ต่งเซียนเอ๋อร์หันหลังให้อวี๋หวั่น นางค้อมกายเปิดหีบ บั้นท้ายงดงามของนางขยับเล็กน้อย อวี๋หวั่นมั่นใจว่านางกำลังยั่วยวนเธออยู่

“อะแฮ่ม!” อวี๋หวั่นหยิบพัดขึ้นมาพัด

“น่าเบื่อ” ต่งเซียนเอ๋อร์ถอนหายใจ พร้อมกับยกกล่องใบเล็กซึ่งประดับตกแต่งอย่างวิจิตรมาตรงหน้าอวี๋หวั่น “เห็ดหลินจือแดงอยู่ในนี้ ท่านเปิดดูด้วยตัวเองเถิด”

อวี๋หวั่นมองนาง “กล่องใบนี้คงไม่มีกลไกซ่อนอยู่ใช่ไหม?”

ต่งเซียนเอ๋อร์มองค้อนใส่เธอ นางถือกล่องด้วยมือเดียว แล้วเปิดกล่องต่อหน้าอวี๋หวั่น จากนั้นก็เอ่ยถามอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “มีกลไกหรือไม่?”

อวี๋หวั่นยิ้ม แล้วยกมือขึ้นประสานกัน “เป็นข้าที่เอานิสัยคนโฉดมาตัดสินวิญญูชน ต้องขอโทษด้วย”

“คนงี่เง่า!” ต่งเซียนเอ๋อร์กลอกตา จากนั้นก็ยัดกล่องใส่มืออวี๋หวั่น

สิ่งที่อวี๋หวั่นมิได้คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นแม้แต่ในฝันก็คือ ภาพเหตุการณ์เหลือเชื่อได้เกิดขึ้นจริงๆ ไข่มุกซึ่งประดับอยู่ด้านนอกกล่องได้สว่างวาบขึ้นพร้อมกัน!

สมองของอวี๋หวั่นมึนงงไปชั่วขณะหนึ่ง เธอหลุดปากพูดออกไปว่า “ไข่มุกพิษ!”

…………………………….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]