หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3] นิยาย บท 225

อวี๋เซ่าชิงไปถึงสำนักคุ้มภัยเช้าเกินไป เขารอหนึ่งชั่วยามเต็มกว่าประตูสำนักจะเปิดออก ทว่าโชคยังไม่ดีนัก วันนี้ไม่มีคนจากสำนักคุ้มภัยเดินทางไปซีเฉิง แต่มีภารกิจที่ต้องไปอำเภอหลิวที่อยู่ใกล้ๆ คือไปรับปรมาจารย์พิษท่านหนึ่งที่เพิ่งได้รับการเลื่อนตำแหน่ง ค่าตอบแทนคือเงินห้าตำลึง

อำเภอหลิวอยู่ไม่ไกลนัก หากเดินทางไปอย่างเร็วที่สุดภายในหนึ่งวันก็สามารถกลับมาได้ ข้อตกลงเช่นนี้นับว่าดีไม่น้อย ทว่าอวี๋เซ่าชิงต้องบอกภรรยาก่อนสักหน่อย ให้ภรรยาไปกับเขา แม้ว่าจะลำบากบ้าง แต่การทิ้งภรรยาที่อ่อนแอให้อยู่คนเดียวในโรงเตี๊ยมตลอดทั้งวัน เขาไม่อาจวางใจได้

ระหว่างทางอวี๋เซ่าชิงซื้อหมั่นโถวกุหลาบสองลูกกลับไปที่โรงเตี๊ยม อาซูชอบกินของที่ละเอียดอ่อนและสวยงามแบบนี้

เมื่ออวี๋เซ่าชิงกลับมาถึงโรงเตี๊ยมพร้อมกับหมั่นโถว ก็เห็นนางเจียงนั่งอยู่กลางห้องโถงและกำลังสนทนากับเจ้าของร้าน รอบด้านรายล้อมไปด้วยเด็กๆ ในร้าน ทุกคนต่างให้ความเคารพนบนอบราวกับกำลังปกป้องพี่ใหญ่

อวี๋เซ่าชิงย่นคิ้ว กลุ่มบุรุษมาดโฉดมากมายเช่นนี้จะไม่ทำให้อาซูของเขาตกใจกลัวหรอกหรือ?

เขารู้อยู่แล้วว่าไม่ควรทิ้งอาซูไว้ที่นี่คนเดียว

“อาซู” อวี๋เซ่าชิงก้าวไปบดบังร่างภรรยาไว้ด้านหลังอย่างรวดเร็ว พลางมองกลุ่มคนที่มีใบหน้าปูดบวมเล็กน้อย “พวกเจ้าจะทำอะไร?”

เจ้าของร้านมีรอยม่วงช้ำที่ดวงตาขนาดใหญ่กล่าวอย่างละอาย “เรากำลังนำอาหารเช้ามาให้ฮูหยิน”

อวี๋เซ่าชิงมองโต๊ะอาหารขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยอาหารกลิ่นหอมเย้ายวน สีหน้าพลันบึ้งตึงเล็กน้อย จากนั้นสายตาก็ตกกระทบกับหัวหอมสีเขียวและกลีบกระเทียมที่วางอยู่ด้านข้าง คิ้วพลันขมวดมุ่น “ไม่ได้บอกพวกเจ้าไปแล้วหรือว่าภรรยาข้าไม่กินของพวกนี้?”

เจ้าของร้าน : แล้วสตรีที่กินหมดไปถาดใหญ่เมื่อครู่เป็นใครละ?!

“แล้วก็พวกนี้อีก อาซูไม่กินของที่มันเกินไป” อวี๋เซ่าชิงคีบหมูสามชั้นมันเงาขึ้นจากชาม “แล้วก็ไม่กินเครื่องในหมูด้วย”

อวี๋เซ่าชิงหยิบไส้หมูทอดและฟูชีเฟ่ยเพี่ยน[1]ออกมา

“แล้วก็ยังมีตีนไก่”

การเคี้ยวตีนไก่เป็นอันตรายต่อภาพลักษณ์ อาซูเป็นสตรีที่มีชื่อเสียง นางไม่เคยกัดกินมันมาก่อนแม้แต่ครั้งเดียว

เจ้าของร้านมุมปากกระตุก สงสัยยิ่งนักว่าสตรีที่เพิ่งนั่งไขว้ขากินราวกับเป็นโจรหญิงไม่ใช่นางเรอะ

“ใช่ ข้าก็บอกแล้วว่าข้าไม่กินของพวกนี้” นางเจียงกล่าวเสียงเล็กเสียงน้อย

เจ้าของร้านแทบเข่าทรุด แล้วเสียงเรอดังราวสิงห์คำรามนั่นละ? ถูกท่านกินไปแล้วรึ?!

อวี๋เซ่าชิงกล่าวเสียงเบา “อาซู ข้ามาเพราะมีเรื่องหารือกับเจ้า ข้าพบงานทำที่สำนักคุ้มภัยแล้ว ไปรับผู้คุ้มกันคนหนึ่งจากอำเภอหลิว”

“ท่านไม่ต้องไปหางานทำข้างนอกหรอก พวกเขาก็ต้องการส่งของเช่นกัน” นางเจียงกล่าวพลางมองไปยังเจ้าของร้านและคนอื่นๆ

“โอ้? จริงหรือ?” อวี๋เซ่าชิงมองเจ้าของร้านด้วยความสงสัย

จริงกับผีน่ะสิ!

เจ้าของร้านเดินกะโผลกกะเผลกกลับไปที่โต๊ะต้อนรับและหยิบกล่องผ้าขนาดเท่าอิฐสีน้ำเงินสองก้อนออกมา “นี่เป็นของที่เราต้องการส่ง โปรดส่งไปที่เมืองหลวง นี่เป็นค่าตอบแทน”

เช่นนี้เขาจึงมอบทรัพย์สินทั้งหมดที่มีให้ด้วยความเจ็บปวด

อวี๋เซ่าชิงมองเงินตำลึงขาวโพลนกองใหญ่บนโต๊ะ กล่าวด้วยความสงสัยว่าพวกเขาเข้าใจอะไรผิดไป “นี่ไม่มากเกินไปหรือ?”

“ไม่มาก ไม่มาก สิ่งของนั้นล้ำค่า” เจ้าของร้านขมขื่น แต่ไม่กล้าพูด

จ่ายค่าตอบแทนให้มากขนาดนี้ ด้านในคงเป็นสมบัติล้ำค่าเป็นแน่ อวี๋เซ่าชิงรับกล่องใบใหญ่ที่บรรจุก้อนหินมาอย่างเคร่งขรึม “เจ้าวางใจเถิด ข้าจะไปส่งให้! ว่าแต่ เจ้าต้องการส่งมันไปที่ใดนะ?”

“เมืองหลวง” เจ้าของร้านกล่าวด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย

“อ้า ทางผ่านพอดี! เยี่ยมจริงๆ!” อวี๋เซ่าชิงยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อคิดว่าจะได้พบบุตรสาวและเด็กๆ ในไม่ช้า

เมื่อเห็นเขายิ้ม ริมฝีปากของนางเจียงก็พลันโค้งขึ้นอย่างอ่อนโยน

เจ้าของร้านและกลุ่มน้องเล็ก…เอ่อไม่สิ เสี่ยวเอ้อร์อำลาอย่างเคร่งขรึม ส่งสองสามีภรรยาขึ้นรถม้าเดินทางไปยังเมืองหลวง

……………

ณ จวนเห้อเหลียน เด็กชายตัวน้อยสามคนนั่งแช่น้ำอยู่ในเรือน

วันนี้อากาศดี ไม่ต้องกังวลว่าจะเป็นหวัด ฮูหยินผู้เฒ่ามองเหลนน้อยอย่างสนุกสนาน ให้คนนำเก้าอี้มาตั้งไว้ข้างๆ

ฮูหยินผู้เฒ่าชื่นชอบเด็กๆ แม้จะเฝ้ามองพวกเขาทั้งวันเช่นนี้ก็ไม่รู้สึกเบื่อ อย่างไรก็ตามวันนี้เด็กน้อยไม่ค่อยมีพลังมากนัก

ไม่มีเหตุผลอื่นใด ต้าเป่าเกิดอาการแพ้อย่างหนัก บนหัวมีรอยปูดโน อวี๋หวั่นอยากตัดผมให้เขา…ตัดชนิดที่ว่าให้หัวโล้นโล่งเตียน

ต้าเป่ายังเด็ก แต่เขาก็รู้ว่ามันน่าเกลียด เขาบังหัวไว้ ไม่ให้ท่านแม่ตัด

แต่ไม่ตัดก็ไม่ได้ หัวเขาไม่เพียงแต่แพ้ ยังมีผดขึ้นอีกด้วย หากจะโทษก็ต้องโทษที่เขาอายุน้อย แต่กลับมีเส้นผมดกหนาเงางามเช่นนี้

แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด อวี๋หวั่นนึกถึงเส้นผมของฮ่องเต้ต้าโจว ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ยีนของสกุลเยี่ยนนั้นดีจริงๆ

อวี๋หวั่นปลอบโยนเบาๆ “โอ๋ แม่จะทำเบาๆ และไม่มีทางทำให้ต้าเป่าเจ็บแน่”

ทว่ายามนี้ บ้านใหญ่กลับพบเห้อเหลียนเฉาที่พลัดพรากกันมานานหลายปี!

ในแง่ตัวตน เห้อเหลียนเฉาเป็นสายเลือดโดยตรงมากกว่าบุตรชายของนาง เขาเป็นหลานชายของฮูหยินผู้เฒ่าและเป็นบุตรน้องชายเห้อเหลียนเป่ยหมิง อีกทั้งเขายังมีเหลนอีกสามคนให้ฮูหยินผู้เฒ่าได้ในคราวเดียว ดังนั้นโชคชะตามากบุตรชายมากโชคลาภของเขา ย่อมเหมาะเป็นผู้สืบทอดกว่าบุตรชายของนาง

คงดีหากไม่ได้วาดฝันถึงผู้สืบทอดตั้งแต่เริ่มแรก ทว่านับตั้งแต่นางถานและบุตรชายถูกไล่ออกจากบ้าน ตัวตนของนางหลี่จึงกลายเป็นนายหญิงของสกุลเห้อเหลียน ยามนี้จะให้ยอมมอบสิ่งที่นางได้รับมาอยู่ในมือ มิสู้เฉือนเนื้อจากร่างกายนางง่ายกว่าหรือ

นางหลี่นั่งเก้าอี้ไม้ไผ่หามไปยังห้องตำราของพ่อสามี

นายท่านรองใหญ่กำลังตรวจการบ้านของหลานชายทั้งสอง เมื่อมีคนมารายงานว่านางหลี่ขอพบ จึงให้พวกเขาเรียนหนังสือต่อ ส่วนเขาก็ไปพบนางหลี่ที่ห้องโถง

นายท่านรองใหญ่ไม่ชอบสะใภ้คนนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้มีสีหน้าที่ดีกับนาง “เจ้าไม่นอนพักฟื้นอยู่บนเตียง จะวิ่งโร่ออกมาเพื่อเหตุใด?”

นางหลี่กล่าวอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ “ท่านพ่อ ท่านทราบเรื่องที่ประมุขหญิงมาเสด็จมาเยือนจวนตะวันออกหรือไม่?”

“นี่เป็นสิ่งที่เจ้าไม่สบายใจหรือ?” นายท่านรองใหญ่กล่าวอย่างเย็นชา

นางหลี่ถูกตอกกลับมาจนหงายหลัง พลันอึดอัดคัดแน่นในหัวใจ “ข้าได้ยินมาว่า ฝ่าบาทมาหาเห้อเหลียนเฉา”

“แล้วอย่างไร?” นายท่านรองใหญ่ถาม

นางหลี่หงุดหงิดกับน้ำเสียงของพ่อสามี หากไม่ใช่เพื่อบุตรชาย เขาคิดว่านางอยากมาที่นี่หรือ!

นางหลี่ระงับโทสะพลางกล่าวอย่างช้าๆ “ท่านพ่อ! ข้ารู้ว่าท่านไม่อยากเห็นหน้าข้า หากไม่ใช่เรื่องสำคัญ ข้าก็คงไม่มาขอร้องท่าน ท่านเคยคิดหรือไม่ว่า ฝ่าบาทมาพบเห้อเหลียนเฉาถึงจวน นั่นก็แปลว่าฝ่าบาททราบเรื่องของเห้อเหลียนเฉาแล้ว และอีกไม่นานทั้งใต้หล้าก็จะรู้ว่าจวนตะวันออกมีคุณชายใหญ่ผู้สืบทอดจวนแม่ทัพใหญ่เทพแล้ว เช่นนั้นเฟิงเอ๋อร์จะทำอย่างไร? ท่านอบรมเขาในฐานะผู้สืบทอดมาตลอด!”

เห้อเหลียนเฟิง บุตรชายคนโตของนางหลี่กับเห้อเหลียนฉี ประจำการอยู่ที่ซีเฉิงเป็นเวลาหลายปีแล้ว เมื่อเทียบกับบุตรชายที่ไม่ทำเรื่องใดเป็นชิ้นเป็นอัน นายท่านรองใหญ่ชื่นชอบหลานชายที่มีแนวโน้มดีตั้งแต่อายุน้อยคนนี้มากกว่า

เห้อเหลียนอวี่ เห้อเหลียนเฉิง นายท่านรองใหญ่ก็รักพวกเขาเช่นกัน ทว่าเป็นเพียงความรักต่อหลานธรรมดาๆ หากแต่กับเห้อเหลียนเฟิงนั้นต่างออกไป นายท่านรองใหญ่ส่งเขาไปยังที่ที่ไกลที่สุดและมอบประสบการณ์ที่ยากที่สุดให้เขา ก็เพื่อวันหนึ่งเขาอาจได้เป็นผู้สืบทอดสกุลเห้อเหลียนอย่างมีความหวัง

คนบางคนเกิดมาพร้อมกับโชค ไม่ว่าเห้อเหลียนเฟิงจะทุ่มเทเพียงใด เขาก็เทียบไม่ได้กับพี่ชายที่กลับชาติมาเกิดอีกครั้ง

เห้อเหลียนเฉาเกิดในท้องของฮูหยินรองแห่งจวนตะวันออก เขาก็คือผู้สืบทอดของสกุลเห้อเหลียน

อย่างไรก็ตาม นายท่านรองใหญ่ไม่เคยเป็นคนที่ยอมรับในโชคชะตา

…………………………………………

[1] ฟูชีเฟ่ยเพี่ยน เป็นอาหารขึ้นชื่อของเสฉวน ทำจากเครื่องในสัตว์ราดน้ำพริกตามแบบฉบับเสฉวน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]