อวี๋เซ่าชิงไปถึงสำนักคุ้มภัยเช้าเกินไป เขารอหนึ่งชั่วยามเต็มกว่าประตูสำนักจะเปิดออก ทว่าโชคยังไม่ดีนัก วันนี้ไม่มีคนจากสำนักคุ้มภัยเดินทางไปซีเฉิง แต่มีภารกิจที่ต้องไปอำเภอหลิวที่อยู่ใกล้ๆ คือไปรับปรมาจารย์พิษท่านหนึ่งที่เพิ่งได้รับการเลื่อนตำแหน่ง ค่าตอบแทนคือเงินห้าตำลึง
อำเภอหลิวอยู่ไม่ไกลนัก หากเดินทางไปอย่างเร็วที่สุดภายในหนึ่งวันก็สามารถกลับมาได้ ข้อตกลงเช่นนี้นับว่าดีไม่น้อย ทว่าอวี๋เซ่าชิงต้องบอกภรรยาก่อนสักหน่อย ให้ภรรยาไปกับเขา แม้ว่าจะลำบากบ้าง แต่การทิ้งภรรยาที่อ่อนแอให้อยู่คนเดียวในโรงเตี๊ยมตลอดทั้งวัน เขาไม่อาจวางใจได้
ระหว่างทางอวี๋เซ่าชิงซื้อหมั่นโถวกุหลาบสองลูกกลับไปที่โรงเตี๊ยม อาซูชอบกินของที่ละเอียดอ่อนและสวยงามแบบนี้
เมื่ออวี๋เซ่าชิงกลับมาถึงโรงเตี๊ยมพร้อมกับหมั่นโถว ก็เห็นนางเจียงนั่งอยู่กลางห้องโถงและกำลังสนทนากับเจ้าของร้าน รอบด้านรายล้อมไปด้วยเด็กๆ ในร้าน ทุกคนต่างให้ความเคารพนบนอบราวกับกำลังปกป้องพี่ใหญ่
อวี๋เซ่าชิงย่นคิ้ว กลุ่มบุรุษมาดโฉดมากมายเช่นนี้จะไม่ทำให้อาซูของเขาตกใจกลัวหรอกหรือ?
เขารู้อยู่แล้วว่าไม่ควรทิ้งอาซูไว้ที่นี่คนเดียว
“อาซู” อวี๋เซ่าชิงก้าวไปบดบังร่างภรรยาไว้ด้านหลังอย่างรวดเร็ว พลางมองกลุ่มคนที่มีใบหน้าปูดบวมเล็กน้อย “พวกเจ้าจะทำอะไร?”
เจ้าของร้านมีรอยม่วงช้ำที่ดวงตาขนาดใหญ่กล่าวอย่างละอาย “เรากำลังนำอาหารเช้ามาให้ฮูหยิน”
อวี๋เซ่าชิงมองโต๊ะอาหารขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยอาหารกลิ่นหอมเย้ายวน สีหน้าพลันบึ้งตึงเล็กน้อย จากนั้นสายตาก็ตกกระทบกับหัวหอมสีเขียวและกลีบกระเทียมที่วางอยู่ด้านข้าง คิ้วพลันขมวดมุ่น “ไม่ได้บอกพวกเจ้าไปแล้วหรือว่าภรรยาข้าไม่กินของพวกนี้?”
เจ้าของร้าน : แล้วสตรีที่กินหมดไปถาดใหญ่เมื่อครู่เป็นใครละ?!
“แล้วก็พวกนี้อีก อาซูไม่กินของที่มันเกินไป” อวี๋เซ่าชิงคีบหมูสามชั้นมันเงาขึ้นจากชาม “แล้วก็ไม่กินเครื่องในหมูด้วย”
อวี๋เซ่าชิงหยิบไส้หมูทอดและฟูชีเฟ่ยเพี่ยน[1]ออกมา
“แล้วก็ยังมีตีนไก่”
การเคี้ยวตีนไก่เป็นอันตรายต่อภาพลักษณ์ อาซูเป็นสตรีที่มีชื่อเสียง นางไม่เคยกัดกินมันมาก่อนแม้แต่ครั้งเดียว
เจ้าของร้านมุมปากกระตุก สงสัยยิ่งนักว่าสตรีที่เพิ่งนั่งไขว้ขากินราวกับเป็นโจรหญิงไม่ใช่นางเรอะ
“ใช่ ข้าก็บอกแล้วว่าข้าไม่กินของพวกนี้” นางเจียงกล่าวเสียงเล็กเสียงน้อย
เจ้าของร้านแทบเข่าทรุด แล้วเสียงเรอดังราวสิงห์คำรามนั่นละ? ถูกท่านกินไปแล้วรึ?!
อวี๋เซ่าชิงกล่าวเสียงเบา “อาซู ข้ามาเพราะมีเรื่องหารือกับเจ้า ข้าพบงานทำที่สำนักคุ้มภัยแล้ว ไปรับผู้คุ้มกันคนหนึ่งจากอำเภอหลิว”
“ท่านไม่ต้องไปหางานทำข้างนอกหรอก พวกเขาก็ต้องการส่งของเช่นกัน” นางเจียงกล่าวพลางมองไปยังเจ้าของร้านและคนอื่นๆ
“โอ้? จริงหรือ?” อวี๋เซ่าชิงมองเจ้าของร้านด้วยความสงสัย
จริงกับผีน่ะสิ!
เจ้าของร้านเดินกะโผลกกะเผลกกลับไปที่โต๊ะต้อนรับและหยิบกล่องผ้าขนาดเท่าอิฐสีน้ำเงินสองก้อนออกมา “นี่เป็นของที่เราต้องการส่ง โปรดส่งไปที่เมืองหลวง นี่เป็นค่าตอบแทน”
เช่นนี้เขาจึงมอบทรัพย์สินทั้งหมดที่มีให้ด้วยความเจ็บปวด
อวี๋เซ่าชิงมองเงินตำลึงขาวโพลนกองใหญ่บนโต๊ะ กล่าวด้วยความสงสัยว่าพวกเขาเข้าใจอะไรผิดไป “นี่ไม่มากเกินไปหรือ?”
“ไม่มาก ไม่มาก สิ่งของนั้นล้ำค่า” เจ้าของร้านขมขื่น แต่ไม่กล้าพูด
จ่ายค่าตอบแทนให้มากขนาดนี้ ด้านในคงเป็นสมบัติล้ำค่าเป็นแน่ อวี๋เซ่าชิงรับกล่องใบใหญ่ที่บรรจุก้อนหินมาอย่างเคร่งขรึม “เจ้าวางใจเถิด ข้าจะไปส่งให้! ว่าแต่ เจ้าต้องการส่งมันไปที่ใดนะ?”
“เมืองหลวง” เจ้าของร้านกล่าวด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย
“อ้า ทางผ่านพอดี! เยี่ยมจริงๆ!” อวี๋เซ่าชิงยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อคิดว่าจะได้พบบุตรสาวและเด็กๆ ในไม่ช้า
เมื่อเห็นเขายิ้ม ริมฝีปากของนางเจียงก็พลันโค้งขึ้นอย่างอ่อนโยน
เจ้าของร้านและกลุ่มน้องเล็ก…เอ่อไม่สิ เสี่ยวเอ้อร์อำลาอย่างเคร่งขรึม ส่งสองสามีภรรยาขึ้นรถม้าเดินทางไปยังเมืองหลวง
……………
ณ จวนเห้อเหลียน เด็กชายตัวน้อยสามคนนั่งแช่น้ำอยู่ในเรือน
วันนี้อากาศดี ไม่ต้องกังวลว่าจะเป็นหวัด ฮูหยินผู้เฒ่ามองเหลนน้อยอย่างสนุกสนาน ให้คนนำเก้าอี้มาตั้งไว้ข้างๆ
ฮูหยินผู้เฒ่าชื่นชอบเด็กๆ แม้จะเฝ้ามองพวกเขาทั้งวันเช่นนี้ก็ไม่รู้สึกเบื่อ อย่างไรก็ตามวันนี้เด็กน้อยไม่ค่อยมีพลังมากนัก
ไม่มีเหตุผลอื่นใด ต้าเป่าเกิดอาการแพ้อย่างหนัก บนหัวมีรอยปูดโน อวี๋หวั่นอยากตัดผมให้เขา…ตัดชนิดที่ว่าให้หัวโล้นโล่งเตียน
ต้าเป่ายังเด็ก แต่เขาก็รู้ว่ามันน่าเกลียด เขาบังหัวไว้ ไม่ให้ท่านแม่ตัด
แต่ไม่ตัดก็ไม่ได้ หัวเขาไม่เพียงแต่แพ้ ยังมีผดขึ้นอีกด้วย หากจะโทษก็ต้องโทษที่เขาอายุน้อย แต่กลับมีเส้นผมดกหนาเงางามเช่นนี้
แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด อวี๋หวั่นนึกถึงเส้นผมของฮ่องเต้ต้าโจว ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ยีนของสกุลเยี่ยนนั้นดีจริงๆ
อวี๋หวั่นปลอบโยนเบาๆ “โอ๋ แม่จะทำเบาๆ และไม่มีทางทำให้ต้าเป่าเจ็บแน่”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]