จวนตะวันออกเกิดความสับสนอลหม่านขึ้นกลางดึก ตอนแรกแสงเทียนในเรือนของเห้อเหลียนเป่ยหมิงสว่างขึ้น จากนั้นเงาสีขาวเล็กๆ ก็แวบเข้าไปในเรือนสวนอู๋ถง และมาที่ประตูห้องของเยี่ยนจิ่วเฉากับอวี๋หวั่น อุ้งเท้าน้อยๆ ตะกุยประตูไม่หยุด
ทั้งคู่ตื่นขึ้น เยี่ยนจิ่วเฉายกผ้าห่มออก ทว่าอวี๋หวั่นรั้งเขาไว้ “ข้าไปดูเอง ท่านนอนเถิด”
อวี๋หวั่นลุกจากเตียงไปเปิดประตู จิ้งจอกหิมะน้อยรีบเข้ามากัดชายกางเกงของอวี๋หวั่น เพื่อลากอวี๋หวั่นออกไป
จิ้งจอกหิมะน้อยไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน หลังจากถูกเห้อเหลียนเป่ยหมิง ‘เก็บมาเลี้ยง’ มันก็กลายเป็นสัตว์เลี้ยงของเห้อเหลียนเป่ยหมิง อวี๋หวั่นเห็นว่าลุงใหญ่ชอบมัน และจิ้งจอกหิมะน้อยก็ไม่ได้เป็นของเยี่ยนจิ่วเฉา จึงให้ลุงใหญ่เลี้ยง เจ้าตัวน้อยวิ่งหนีครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ทุกครั้งก็ถูกเห้อเหลียนเป่ยหมิงจับกลับมา แต่เมื่อมีบางอย่างเกิดขึ้นกับเห้อเหลียนเป่ยหมิง จิ้งจอกหิมะน้อยก็ไม่อาจอยู่เฉยๆ ได้
อวี๋หวั่นเปลี่ยนเสื้อผ้าที่สามารถพบปะผู้คนและกล่าวกับเยี่ยนจิ่วเฉา “อาจเป็นไปได้ว่าท่านลุงเกิดเรื่อง ข้าจะไปดูสักหน่อย”
เยี่ยนจิ่วเฉามองความมืดมิดภายนอกหน้าต่าง พลันเรียกจื่อซูกับฝูหลิงให้อยู่ดูแลเด็กๆ เขาสวมเสื้อผ้าแล้วไปที่เรือนของเห้อเหลียนเป่ยหมิง
เห้อเหลียนเป่ยหมิงถูกหน่วยกล้าตายอุ้มกลับมา ตอนนี้เขานอนอยู่บนเตียงซึ่งเต็มไปด้วยเลือด อวี๋กังรู้ว่าชุยเฒ่ากับอวี๋หวั่นเป็นหมอ และกำลังจะไปเชิญพวกเขามา แต่อวี๋หวั่นกลับมาด้วยตัวเองโดยไม่คาดคิด…
อวี๋หวั่นคิดว่าเห้อเหลียนเป่ยหมิงตามเธอด้วยเรื่องบางอย่าง แต่ไม่เคยคิดว่าจะเป็นเขาเองที่เกิดเรื่อง
เมื่อเห็นมีดที่ปักอยู่กลางหน้าอกของเห้อเหลียนเป่ยหมิง อวี๋หวั่นพลันรู้สึกสับสนงงงวย
เยี่ยนจิ่วเฉากล่าวกับหญิงรับใช้ที่หน้าซีดอยู่ด้านข้างอย่างใจเย็น “เจ้าไปต้มน้ำ เจ้าไปหยิบล่วมยาของคุณหนูมาจากเรือนอู๋ถง และตามหมอชุยมาด้วย”
“เจ้าค่ะ!” หญิงรับใช้ทั้งสองรับคำสั่งทันที
เยี่ยนจิ่วเฉาตบไหล่อวี๋หวั่นเบาๆ อวี๋หวั่นเข้าใจความหมาย ตั้งสติและหากรรไกรในห้องมาตัดเสื้อของเห้อเหลียนเป่ยหมิง
อาการบาดเจ็บของเห้อเหลียนเป่ยหมิงไม่สู้ดีนัก เขาเสียเลือดมากเกินไป เขาหมดสติไปแล้ว นี่เป็นสถานการณ์ที่อันตรายมาก ความประมาทเพียงเล็กน้อยอาจทำให้เขาไม่อาจตื่นขึ้นมาอีกเลย
“รีบปิดข่าวก่อน อย่าบอกให้ฮูหยินผู้เฒ่าทราบ” เยี่ยนจิ่วเฉากล่าวกับอวี๋กัง
อวี๋กังผงะก่อนจะพยักหน้าราวกับโขลกกระเทียม “ได้ๆๆ! ข้าจะไปจัดการ!”
ขณะที่อวี๋หวั่นตรวจอาการบาดเจ็บของเห้อเหลียนเป่ยหมิง ก็ได้ยินเยี่ยนจิ่วเฉาสั่งการต่างๆ อย่างสงบและใจเย็น หัวใจของอวี๋หวั่นพลันสงบลง เขาเป็นคนบ้าที่สามารถทำให้คนโกรธแทบสิ้นใจผู้นั้นไม่ผิด ทว่าในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ เขากลับกลายเป็นบุรุษที่สามารถไว้วางใจได้
อวี๋กังออกคำสั่งให้ผู้ดูแลจวนตะวันออก รวมถึงผู้คุมและข้ารับใช้ในเรือน มิให้นำเรื่องที่เห้อเหลียนเป่ยหมิงได้รับบาดเจ็บสาหัสไปถึงหูของฮูหยินผู้เฒ่า เมื่อเขากลับมาถึงห้อง ชุยเฒ่าก็ถือล่วมยาเดินมา
ยามนี้ชุยเฒ่าไม่สนใจคำสาบานใดๆ อีกแล้ว เพราะอย่างไรเสียเขาก็ไม่ได้อยู่ในต้าโจว เทพแห่งต้าโจวไม่อาจควบคุมเขาได้จริงหรือไม่?
เหล่าทวยเทพเบื้องบน ข้ากำลังยื้อชีวิตแม่ทัพใหญ่เทพที่ปกป้องแคว้นพวกท่าน พวกท่านอย่าได้ปล่อยให้ข้าถูกฟ้าผ่าตายเลย
ชุยเฒ่าโอดครวญในใจจบ ก็ถือล่วมยาเดินเข้ามา “เกิดอะไรขึ้น?”
อวี๋หวั่นลุกขึ้นและให้เขานั่ง รายงานผลตามความเป็นจริง “อาการไม่ดี ข้าไม่กล้าดึงมีดออกมา”
ชุยเฒ่าจับชีพจรเห้อเหลียนเป่ยหมิงก่อนจะพยักหน้าครู่หนึ่ง “ไม่ดึงออกมาถูกแล้ว หากเจ้าดึงออกมา เลือดจะไหลไม่หยุดและขาดใจตายในทันที มีดนี้ปักตำแหน่งร้ายแรงเกินไป เกือบปักหัวใจของเขาแล้ว เดาว่าเขาคงจะหลบเล็กน้อย ไม่เช่นนั้น ต่อให้เป็นหมอเทวดาที่ใดก็คงไม่อาจช่วยได้”
ทั้งสองเป็นหมอ ปฏิกิริยาแรกคือต้องช่วยชีวิตคนใกล้ตายและรักษาผู้บาดเจ็บ ส่วนสาเหตุที่เห้อเหลียนเป่ยหมิงได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ ทั้งสองไม่มีเวลาคิด
“จะช่วยได้หรือไม่?” อวี๋หวั่นถาม
“ยังยากจะบอก” ชุยเฒ่ากล่าวอย่างเคร่งขรึม “เส้นเอ็นของเขาบาดเจ็บเมื่อสองสามปีก่อน วรยุทธ์ทั้งหมดสูญเสีย เดิมทีก็อ่อนแอกว่าคนทั่วไป แล้วยังถูกแทงเข้าที่หัวใจอีก…”
ชุยเฒ่าไม่ได้กล่าวประโยคหลัง แต่เปลี่ยนบทสนทนา “ข้าจะใช้ยาห้ามเลือดก่อน เจ้าฝังเข็มทองกดจุดให้เขา”
“ได้” อวี๋หวั่นหยิบเข็มทองออกมา และใช้เปลวเทียนฆ่าเชื้อ โชคดีที่คืนนี้วิชาฝังเข็มของเธอไม่มีสิ่งใดผิดปกติ
ขณะที่ทั้งสองคุยกันเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของเห้อเหลียนเป่ยหมิง เยี่ยนจิ่วเฉาไม่ได้ส่งเสียงดังรบกวน จนกระทั่งทั้งสองเริ่มต้นช่วยเหลือเห้อเหลียนเป่ยหมิงอย่าสุดความสามารถ เยี่ยนจิ่วเฉาจึงเรียกอวี๋กังไปข้างๆ และถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
อวี๋กังนึกถึงฉากในศาลา น่องของเขาก็อ่อนแรง “…แม่ทัพใหญ่ไม่ให้พวกเราตามเข้าไป เขาเข้าไปในศาลาด้วยตัวเอง เราไม่คาดคิดว่าแม่ทัพใหญ่จะถูกคนลอบสังหาร เมื่อหน่วยกล้าตายได้ยินการเคลื่อนไหว รีบตามไปดู แม่ทัพใหญ่ก็ถูกแทงเสียแล้ว…”
เห้อเหลียนเป่ยหมิงเป็นแม่ทัพใหญ่เทพแห่งหนานจ้าว เขาสังหารศัตรูมานับไม่ถ้วนในสนามรบ ไม่อาจกล่าวได้ว่าเขามีศัตรูเพียงไม่กี่คน ทว่ามีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถลอบทำร้ายเขาได้สำเร็จ กุญแจสำคัญของเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ที่คู่ต่อสู้แข็งแกร่งหรือมีวรยุทธ์สูงเพียงใด ทว่าเห้อเหลียนเป่ยหมิงไม่ได้ปกป้องตัวเองเลยแม้แต่น้อย
นี่มันแปลกมากเลยมิใช่หรือ?
เห้อเหลียนเป่ยหมิงไม่ใช่เด็กน้อยที่ไร้ประสบการณ์ เหตุใดถึงไม่ระแวดระวังถึงเพียงนี้?
อวี๋กังกล่าวอย่างขุ่นเคือง “เราจับมือสังหารได้ถึงได้ทราบว่าเขาปลอมรูปลักษณ์เป็นคุณชายใหญ่…”
“รูปลักษณ์ข้า?” เยี่ยนจิ่วเฉาขมวดคิ้ว
“อ้า ไม่ๆๆ!” อวี๋กังรีบโบกมือปฏิเสธ “คุณชายใหญ่คนก่อน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]