อาม่าเป็นผู้เก็บรักษาเห็ดหลินจือและราชินีสัตว์พิษ เมื่อรู้ว่าต้องเอาเห็ดหลินจือแดงที่หามาอย่างยากลำบากไปช่วยเห้อเหลียนเป่ยหมิง อาม่าก็ไม่ได้พูดอะไรและมอบเห็ดหลินจือแดงให้กับอวี๋หวั่น
ภายในห้อง ชุยเฒ่าดึงมีดออกมา ห้ามเลือดและเย็บแผลให้เห้อเหลียนเป่ยหมิงในคราวเดียว ด้านนอกห้อง อวี๋หวั่นปรุงยาบำรุงเลือดและแกงเห็ดหลินจือตามสูตรยาของชุยเฒ่า นอกจากรสชาติยังไม่อร่อยก็ไม่มีอะไร
อวี๋หวั่นป้อนยาให้เห้อเหลียนเป่ยหมิง จริงๆ แล้ว เห้อเหลียนเป่ยหมิงมีสติอยู่เลือนราง ทว่าเขาไม่สามารถตื่นขึ้นมาได้อย่างเต็มที่ ยานั้นมีฤทธิ์กล่อมประสาทเล็กน้อย เขาจึงผล็อยหลับไปอีกครั้ง
“ท่านกลับไปพักผ่อนที่ห้องก่อนเถิด ข้ากับชุยเฒ่าจะดูแลท่านลุงเอง” อวี๋หวั่นกล่าวกับเยี่ยนจิ่วเฉาที่อยู่ข้างหลังเธอ
เยี่ยนจิ่วเฉาอยู่ที่นี่ก็ไม่อาจช่วยอะไรได้มากนัก เขาจึงกลับไปที่เรือนของฮูหยินผู้เฒ่า
อวี๋หวั่นถอนหายใจด้วยความโล่งอก เธอกังวลว่าเยี่ยนจิ่วเฉาจะไม่ไป ดูเหมือนเธอจะประเมินความสามารถในการแก้ปัญหาของเยี่ยนจิ่วเฉาต่ำเกินไป คนผู้นี้ในเวลาปกติคาดเดายากเพียงใด ทว่ากลับสงบในช่วงเวลาวิกฤตได้ หากอยู่ในห้องนี้ต่อไปก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากจ้องมอง มิสู้กลับไปพักผ่อนที่เรือนให้สบาย อย่างน้อยก็มีคนหนึ่งที่ยังเหลือแรงไปดูแลฮูหยินผู้เฒ่ากับเด็กๆ
อวี๋หวั่นและชุยเฒ่าเฝ้าดูอาการบาดเจ็บของเห้อเหลียนเป่ยหมิง ในช่วงฟ้าสาง อาการบาดเจ็บของเห้อเหลียนเป่ยหมิงยังนับว่าควบคุมได้ ขั้นต่อไปคือป้องกันการติดเชื้อหลังผ่าตัด สำหรับชุยเฒ่า ทักษะทางการแพทย์ของเขายอดเยี่ยม ปัญหาไม่ร้ายแรง ทว่าร่างกายของเห้อเหลียนเป่ยหมิงเสียหายไปนานแล้ว ดังนั้นเขาจะรอดจากช่วงเวลาอันตรายนี้หรือไม่จึงยังไม่อาจบอกได้
ทั้งสองไม่กล้าออกจากห้องของเห้อเหลียนเป่ยหมิง ชุยเฒ่านอนลงบนเก้าอี้ม้ายาวสองตัว ส่วนอวี๋หวั่นฟุบอยู่ข้างเตียง จิ้งจอกหิมะก็กระโดดขึ้นไปบนหมอนและนอนขดตัว
ยามที่เห้อเหลียนเป่ยหมิงลืมตาขึ้นอย่างอ่อนแรง เขาเห็นศีรษะเล็กๆ นอนอยู่ที่ขอบเตียง เขาค่อยๆ ยกมือขึ้นลูบมัน
อวี๋หวั่นตื่นขึ้นในทันที พลันเงยหน้ามองเห้อเหลียนเป่ยหมิง และกล่าวอย่างตกตะลึง “ลุงใหญ่ ท่านตื่นแล้วหรือ? รู้สึกอย่างไรบ้าง?”
เห้อเหลียนเป่ยหมิงเจ็บปวดทรวงอกอย่างยิ่ง เพียงหายใจเข้าออกก็รู้สึกราวกับจะฉีกออกจากกัน ทว่าเขากลับยังฝืนยิ้มออกมาช้าๆ “ดีมาก”
“ดีอะไรกันละ? ต้องเจ็บเจียนตายแล้วเป็นแน่” อวี๋หวั่นรีบคว้าข้อมือเขามาตรวจชีพจร ชีพจรไม่ต่างจากก่อนหน้านี้มากนัก ไม่ดีขึ้น แต่ก็ไม่ได้แย่ลง มันคือความโชคดีในความโชคร้าย “ท่านลุงไม่ต้องกังวล แผลได้รับการรักษาอย่างถูกต้องแล้ว อีกไม่นานก็หาย”
ไม่อาจกล่าวถึงระยะอันตรายได้ อย่างไรเสียการต่อสู้กับอาการบาดเจ็บก็ต้องอาศัยความมุ่งมั่นและความปรารถนาที่จะมีชีวิตรอด ช่วงเวลาเช่นนี้ไม่ควรทำสิ่งใดกระทบจิตใจ
เห้อเหลียนเป่ยหมิงหาใช่เด็กน้อยไร้เดียงสา ยามออกรบจับศึกเขาได้รับบาดเจ็บมาไม่รู้กี่ครั้ง เขาจะไม่เข้าใจสถานการณ์ของตนเองได้อย่างไร? แต่หากเด็กหญิงตัวเล็กๆ ไม่ให้เขากังวล เขาก็ไม่ต้องกังวลแล้ว
“ขอโทษนะ” จู่ๆ เขาก็เอ่ยขึ้น
เสียงนั้นช่างแผ่วเบายิ่งนัก ไม่เหมือนกล่าวกับอวี๋หวั่น แต่เหมือนพึมพำกับตัวเองเสียมากกว่า
ทว่าหูของอวี๋หวั่นนั้นแตกต่างจากคนทั่วไป เธอยังได้ยินอยู่
อวี๋หวั่นตะลึงไปชั่วขณะ ก่อนจะตระหนักได้ว่าเขาขอโทษเรื่องใด เขารู้เรื่องที่พวกเธอจำเป็นต้องใช้เห็ดหลินจือแดง เขารู้สึกขอโทษเยี่ยนจิ่วเฉา ในตอนนั้นเขาควรจะมีสติ หยุดยั้งตัวเอง แต่เขาก็ตื่นขึ้นมาไม่ได้
อวี๋หวั่นจับมือของเขาราวกับเด็กหญิงตัวเล็กๆ ที่ได้รับความเอ็นดูจากผู้ใหญ่ พลางกล่าวด้วยสายตาชื่นชม “อย่ากล่าวเช่นนั้นเลย หากไม่ใช่เพราะท่านลุง พวกเราคงไม่อาจมีชีวิตอยู่ในหนานจ้าวไปนานแล้ว เราคงไม่มีโอกาสที่จะได้รับเห็ดหลินจือแดงเลยด้วยซ้ำ”
ริมฝีปากแห้งของเห้อเหลียนเป่ยหมิงขยับราวกับว่าเขาต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง ทว่าทันใดนั้นก็ผล็อยหลับสนิทปลุกไม่ตื่น
เรื่องที่เห้อเหลียนเป่ยหมิงได้รับบาดเจ็บไม่อาจปิดบังฮูหยินผู้เฒ่าได้อีกต่อไป ช่วงนี้เห้อเหลียนเป่ยหมิงทานอาหารที่เรือนของฮูหยินผู้เฒ่าทุกวัน จู่ๆ ก็ไม่ไปกะทันหัน ฮูหยินผู้เฒ่าต้องถามอย่างแน่นอน ครั้งที่หนึ่ง ครั้งที่สองยังพอกล่อมได้ ทว่าหากนานไปความย่อมแตก
อย่างไรก็ตาม ยามนี้อาการบาดเจ็บของเห้อเหลียนเป่ยหมิงได้รับการจัดการเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงรอให้อาการดีขึ้น
“เมื่อวานนี้ท่านลุงเดินทาง และได้พบกับมือสังหาร จึงได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย” เยี่ยนจิ่วเฉากล่าว
“ร้ายแรงหรือไม่?” ฮูหยินผู้เฒ่าถามอย่างเป็นห่วง
เยี่ยนจิ่วเฉากล่าว “ไม่ร้ายแรง เพียงแต่ต้องอยู่บนเตียง”
ฮูหยินผู้เฒ่าขมวดคิ้ว “มือสังหารนั่นเป็นใคร?”
เยี่ยนจิ่วเฉาถอนหายใจ “ไม่แน่ชัด เขาหนีไปได้”
อย่างไรก็เป็นบุตรชายแท้ๆ ฮูหยินผู้เฒ่าจะไม่รักเขาได้อย่างไร? นางใช้ไม้เท้าพยุงตัวเองไปที่เรือนของเห้อเหลียนเป่ยหมิงพร้อมกับเยี่ยนจิ่วเฉาด้วยความร้อนใจ
เห้อเหลียนเป่ยหมิงดื่มยาและเพิ่งหลับไป เมื่อรู้ว่าฮูหยินผู้เฒ่ากำลังมาหา อวี๋หวั่นจึงขอให้จื่อซูและฝูหลิงทำความสะอาดเลือดในห้อง และใช้ธูปสมุนไพรกับธูปหอมกลบกลิ่นคาวเลือดที่หลงเหลืออยู่ในอากาศ
เห้อเหลียนเป่ยหมิงนอนอยู่บนเตียงสะอาดโดยมีผ้าพันแผลพันรอบร่างกายส่วนบน สีหน้าของเขาย่ำแย่เกินไป ทว่าคนชรามักสายตาฟ่าฟาง ยามเข้าใกล้จึงเห็นไม่ชัด
อวี๋หวั่นและชุยเฒ่าอยู่ที่นั่น เมื่อเห็นฮูหยินผู้เฒ่าเข้ามา พวกเขาก็ลุกขึ้นและหลีกทางให้นาง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]