นี่เป็นครั้งแรกที่อวี๋หวั่นได้ยินเห้อเหลียนเป่ยหมิงกล่าวถึงบุตรชายของตัวเอง จากสายตาของเขา อวี๋หวั่นมองเห็นความปลาบปลื้มที่ไม่อาจปิดบังได้ แม้ไม่ใช่บุตรแท้ๆ แต่เขาก็รักมาก…
อวี๋หวั่นนึกถึงเซียวเจิ้นถิง แต่สถานการณ์ของเห้อเหลียนเป่ยหมิงก็แตกต่างจากเซียวเจิ้นถิงเป็นอย่างมาก ซั่งกวนเยี่ยนไม่เคยทรยศเซียวเจิ้นถิง เซียวเจิ้นถิงก็ยอมรับนางกับบุตรของนาง ความสัมพันธ์ของพวกเขาค่อยๆ ก่อตัวขึ้นทีละเล็กทีละน้อยในเวลาหลายปี จากไม่มีจนมี สะสมจากน้อยจนมาก แต่เห้อเหลียนเป่ยหมิงถูกสวมหมวกเขียวในวันแต่งงาน ภายใต้ความโกรธนั้น เขาจะยังรัก ‘สายพันธุ์ชั่ว’ ได้ถึงเพียงนี้เลยหรือ?
หรือว่านางถานไม่เคยทำผิดจริงๆ? เด็กคนนี้เป็นเลือดเนื้อของเขาเองหรือ?
หากเป็นเช่นนี้ เห้อเหลียนเป่ยหมิงจะรู้หรือไม่?
ความรักบิดาและบุตรที่เขามีต่อเห้อเหลียนเซิงถูกสลักลงในกระดูก แม้ว่าเขาจะถูกหลอกแต่ก็ยังไม่อาจเปลี่ยนความตั้งใจเดิม หรือเขารู้ความจริงทั้งหมด และรู้ว่านั่นเป็นลูกชายของเขาเอง?
เมื่อฮูหยินผู้เฒ่ามาที่เรือนของเห้อเหลียนเป่ยหมิงอีกครั้ง เห้อเหลียนเป่ยหมิงก็กินโจ๊กลูกเดือยไปแล้วครึ่งชามภายใต้ ‘การบีบบังคับ’ ของอวี๋หวั่น ความอยากอาหารของเขาไม่ดีนัก แต่อวี๋หวั่นบอกว่าเธอปรุงก๋วยเตี๋ยวไว้ให้แล้ว เห้อเหลียนเป่ยหมิงหวาดกลัวจนรีบถามว่าในครัวมีสิ่งใดให้กินอีกหรือไม่ อวี๋หวั่นก็ตอบว่าพ่อครัวปรุงโจ๊กลูกเดือยของตนเองเอาไว้ เห้อเหลียนเป่ยหมิงจึงรีบบอกว่าเขาอยากกินโจ๊กทันควัน!
เห้อเหลียนเป่ยหมิงกินโจ๊กไปได้ครึ่งหนึ่ง ก็เหลือบไปเห็นเงาร่างหนึ่งที่ประตู นั่นคือฮูหยินผู้เฒ่า
ตนเองสลบไปนานหลายวัน ท่านแม่คงกังวลแย่แล้ว
ทำให้ท่านแม่เป็นห่วง เขาอกตัญญูยิ่งนัก
เห้อเหลียนเป่ยหมิงถอนหายใจอย่างรู้สึกผิด “สองสามวันมานี้ทำให้ท่านแม่…”
“เจ้าดีขึ้นแล้วหรือ?” ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยขัด เมื่อฮูหยินผู้เฒ่าเห็นว่าเขากำลังกินโจ๊ก ยามนี้จึงเชื่อว่าเขาไม่เป็นไรจริงๆ นางกังวลใจมาก ฮูหยินผู้เฒ่าเลื่อนเท้าข้างหนึ่งที่ก้าวเข้ามาในห้องกลับไป “เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน ข้าจะไปหาเหลนน้อยๆ ของข้าละ!”
เห้อเหลียนเป่ยหมิงผงะ “…”
ข้า ข้าไม่ใช่ลูกแท้ๆ หรือ?
เห้อเหลียนเป่ยหมิงไม่ได้ตื่นอยู่นานนัก ไม่นานเขาก็รู้สึกอ่อนล้าและหลับสนิทลงอีกครั้ง
ชีพจรของเขาดีขึ้นมาก ทว่าพลังชี่ของเขาสูญเสียไปมาก เขาต้องพักฟื้นอย่างระมัดระวัง
อวี๋หวั่นเรียกผู้ติดตามของเห้อเหลียนเป่ยหมิง “แม้ว่าลุงใหญ่จะผ่านพ้นช่วงวิกฤตไปแล้ว ทว่าเขาต้องการพักผ่อน พยายามอย่าให้เขาได้รับความกระทบกระเทือนในระยะนี้ เรื่องมือสังหารและนายท่านรองใหญ่ อย่าได้พูดกับท่านลุง”
คนอื่นไม่อาจเดาได้ว่ามือสังหารคือเยี่ยนจิ่วเฉา แต่มีหรืออวี๋กังจะเดาไม่ได้? เขาเห็นเยี่ยนจิ่วเฉาหยิบกริชนั้นไปกับตาตัวเอง และท้ายที่สุดกริชนั้นก็ไปอยู่ที่ท้องของนายท่านรองใหญ่ แม้แต่คนโง่ก็ยังเข้าใจว่ามันหมายความว่าอย่างไร
สำหรับสาเหตุที่เยี่ยนจิ่วเฉาลอบสังหารนายท่านรองใหญ่ อวี๋หวั่นไม่ได้อธิบายกับอวี๋กัง เธอเชื่อว่าเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องอธิบาย หนามยอกเอาหนามบ่ง หลักการนี้ อวี๋กังก็คงเข้าใจ
อวี๋กังไม่ได้เปิดโปงเยี่ยนจิ่วเฉา ซึ่งหมายความว่า เขาเข้าใจแล้วว่านายท่านรองใหญ่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการลอบสังหารเห้อเหลียนเป่ยหมิง
แม้แต่อวี๋กังยังคิดได้อย่างง่ายดาย เห้อเหลียนเป่ยหมิงก็คงไม่จำเป็น
นั่นเป็นอารองของเขา เขาจะรับแรงระเบิดนี้ได้หรือ?
นายท่านรองใหญ่ทำเรื่องชั่วร้ายนี้เรื่องเดียวก็เกินพอแล้ว แต่หากไม่ใช่เท่านี้ละ? เรื่องของนางถานกับเห้อเหลียนเซิง เรื่องบุตรชายคนเล็กของฮูหยินผู้เฒ่า อาจจะมีความเกี่ยวข้องกับนายท่านรองใหญ่หรือไม่?
สิ่งที่เธอคิดได้ ก็เชื่อว่าอวี๋กังคิดได้เช่นกัน ทว่าตอนนี้ไม่มีหลักฐาน ทุกอย่างเป็นเพียงการคาดเดา
อวี๋กังพยักหน้า “อวี๋กังเข้าใจ อวี๋กังจะไม่พูดอะไร”
อวี๋หวั่นมองเห้อเหลียนเป่ยหมิงที่กำลังหลับใหลและกล่าวว่า “ไม่ใช่ว่าต้องปิดบังเขาตลอดไป ทว่ารอให้แผลดีขึ้น และไม่มีเลือดไหลซึมออกมา บอกเขาเมื่อนั้นก็ยังไม่สาย”
“ขอรับ” อวี๋กังตอบรับ
อวี๋หวั่นลุกขึ้นยืน “ข้าจะกลับไปที่สวนอู๋ถงก่อน หากมีเรื่องอะไรก็เรียกข้า”
“คุณหนูใหญ่!” อวี๋กังเรียกอวี๋หวั่น
อวี๋หวั่นหันไปมองเขา “มีอะไรหรือ?”
ดวงตาของอวี๋กังสั่นไหว “ขอบ ขอบคุณมากขอรับ”
ขอบคุณที่ปกป้องแม่ทัพใหญ่
ต่อไป อวี๋กังก็จะปกป้องพวกท่านเช่นกัน
อวี๋หวั่นกลับไปที่สวนอู๋ถง
เด็กน้อยทั้งสามคนไปที่ห้องของฮูหยินผู้เฒ่า เยี่ยนจิ่วเฉาก็นั่งชมทิวทัศน์ข้างหน้าต่างคนเดียวอย่างมีความสุข
อวี๋หวั่นเดินไปหา “ท่านลุงตื่นแล้ว”
“อื้อ” เยี่ยนจิ่วเฉาตอบอย่างสบายๆ ราวกับว่าไม่ได้สนใจความเป็นความตายของเห้อเหลียนเป่ยหมิง และไม่รู้ว่าคนที่ฆ่านายท่านรองใหญ่ให้ตายไปครึ่งหนึ่งเพื่อเห้อเหลียนเป่ยหมิงผู้นั้นเป็นใคร
เขาก็เป็นแบบนี้ละ ไม่มีทางพูด ทำแล้วก็ทำเหมือนไม่ได้ทำ
อวี๋หวั่นอมยิ้มพร้อมกับนั่งลงข้างๆ เขา “มองสิ่งใดอยู่หรือ?”
“ทิวทัศน์” เขากล่าว
“สวยหรือไม่?” อวี๋หวั่นถาม
ลานด้านหน้าของเขา อวี๋หวั่นก็มองเห็นได้เช่นกัน แต่สิ่งที่มองเห็นในสายตาของแต่ละคนล้วนเป็นทิวทัศน์ที่แตกต่าง
“ไม่งดงามเท่าข้า” เยี่ยนจิ่วเฉากล่าว
อวี๋หวั่นสำลัก
นี่พูดกลับกันหรือไม่?
มิใช่ควรพูดว่า ‘ไม่สวยเท่าเจ้า’ หรอกหรือ?
สตรีที่งดงามถึงเพียงนี้อยู่ตรงหน้า แต่เขากลับหลงตัวเองหรือ?
“มาสิ มาสิ! จับข้าสิ! แบร่ แบร่ แบร่!”
เสียงน่าตีหาใดเปรียบของเสี่ยวเป่าดังมาจากห้องของฮูหยินผู้เฒ่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]