สาวน้อยผู้นี้ จะไม่แทะโลมเธอสักครั้งที่พบกันได้หรือไม่? แม้ว่าจะเป็นสตรีเช่นเดียวกัน เกี้ยวพาราสีสักหน่อยก็ไม่เป็นไร แต่คนบ้าของเธอเป็นเจ้านายที่ไม่ยอมให้แม้แต่ยุงตัวเมียเข้าใกล้ หากร่างกายของเธอแปดเปื้อนกลิ่นแป้งของสตรีอื่นกลับไปก็คงไม่อาจทนได้
“แค่ก” อวี๋หวั่นเอามือของต่งเซียนเอ๋อร์ออกไปอย่างแยบยล “ไม่ได้พบกันนาน แม่นางต่งสบายดีหรือ?”
“เอามือสกปรกของท่านออกไป อย่ามาแตะต้องข้า!” ต่งเซียนเอ๋อร์จ้องอวี๋หวั่น
เอ่อ…ใครเป็นคนจับก่อนกันแน่?
ต่งเซียนเอ๋อร์ยิ้มร่ามองอวี๋หวั่น ดวงตาแย้มยิ้มโค้งราวกับจันทร์เสี้ยวที่งดงาม
คำพูดหนึ่งแวบขึ้นมาในใจของอวี๋หวั่นอย่างอธิบายไม่ได้ – ก่อนหน้านี้ทำทีชื่นชอบการเห็นชายชั่วถูกตี
“ว่าไปแล้ว เหตุใดแม่นางต่งถึงมาที่วัดพิษได้?” อวี๋หวั่นรวบรวมความคิดกลับไปที่หัวข้อ
ต่งเซียนเอ๋อร์ฮึดฮัด “ท่านมาได้ ข้ามาไม่ได้รึ?”
“ได้สิ ได้แน่นอน” อวี๋หวั่นตามน้ำ
ต่งเซียนเอ๋อร์ราวกับถูกเธอทำให้เสียอารมณ์ พลันโบกพัดในมือและกล่าวว่า “ข้ามาหาคนที่วัดพิษ แต่เพื่อช่วยท่าน ข้าก็เลยพลาดเวลาที่นัดหมายกับเขา ท่านพูดมา จะชดใช้ข้าอย่างไร?”
“อา เรื่องนี้…” อวี๋หวั่นไม่รู้จะทำอย่างไร
ต่งเซียนเอ๋อร์กุมท้องหัวเราะฮ่าๆๆ
อวี๋หวั่นมองเธออย่างว่างเปล่า ตลกมากเลยหรือ? เรื่องแค่นี้ เส้นตื้นเกินไปหรือไม่?
ต่งเซียนเอ๋อร์หัวเราะจนน้ำตาไหล นางยกมือขึ้นเช็ดและหยุดเสียงหัวเราะ “โง่นัก!”
“…” โง่ก็โง่ เจ้ามีความสุขก็นับว่าดี
โดยพื้นฐานแล้ว อวี๋หวั่นไม่ได้ชอบคนพูดเร็ว แต่อีกฝ่ายไม่มีความคิดมุ่งร้าย อย่างน้อยก็เห็นจากการติดต่อไม่กี่ครั้งที่ผ่านมา
นางจะมีนัดจริงๆ หรือไม่ อวี๋หวั่นไม่รู้ แต่ที่นางช่วยเธอไว้เป็นความจริง ดังนั้นหากนางรักที่จะล้อเลียนก็ให้ล้อเลียนแล้วกัน อย่างไรก็ไม่ได้เสียหายอะไร
ต่งเซียนเอ๋อร์ยิ้มพลางมองอวี๋หวั่น “ข้าทำให้ท่านโกรธเสมอเลย ท่านคงเกลียดข้ามากใช่หรือไม่?”
อวี๋หวั่นผู้ซึ่งมีจิตใจเข้มแข็งจากการถูกทำให้หงุดหงิดกับจอมประสาทมานาน กล่าวอย่างใจเย็น “เกรงว่าท่านจะเข้าใจผิดบางอย่างเกี่ยวกับการทำให้คนโกรธ”
มีคนที่ชวนให้โมโหอยู่ในบ้าน ทักษะเจ้าเพียงเท่านี้ไม่อาจเทียบได้เลย
ต่งเซียนเอ๋อร์รู้สึกขบขันกับท่าทางจริงจังของอวี๋หวั่นอีกครั้ง พลันหัวเราะตัวโยนเดินหน้าถอยหลัง จับไม้ไผ่ไว้ ไม่สามารถหยุดหัวเราะได้
อวี๋หวั่นสงสัยว่านางไม่เคยหัวเราะมาก่อนในชีวิต
ไม่รู้ว่านางหัวเราะมานานเพียงใด อวี๋หวั่นไม่ได้นับเวลา
ในที่สุดนางก็หัวเราะจนพอ พลันยิ้มให้อวี๋หวั่น “ถึงเวลาที่ข้าจะถามท่านแล้ว ท่านมาทำอะไรที่นี่อีก?”
“ข้า…”
อวี๋หวั่นยังไม่ทันตอบ รอยยิ้มของต่งเซียนเอ๋อร์ก็จางหายไป “ข้าแนะนำว่าท่านอย่าได้โกหกข้า ราชครูยังไม่ได้ไปจากวัดพิษ ข้าสามารถส่งท่านไปได้ทุกเมื่อ”
อวี๋หวั่นมองนางอย่างขมขื่น นางไม่น่ารักอีกแล้ว
“ว่ามาสิ” ต่งเซียนเอ๋อร์กอดอก
อวี๋หวั่นถอนหายใจและบอกความจริงเพียงครึ่งหนึ่ง “ข้ามาเพื่อตรวจสอบคดี ในปีนั้นตระกูลเห้อเหลียนมีคดีที่ยังไม่สิ้นสุด เมื่อได้ยินเรื่องนี้ข้าก็อยากรู้ จึงมาที่นี่เพื่อหาข่าว”
ต่งเซียนเอ๋อร์มองเธอขึ้นลง “ความสัมพันธ์ของท่านกับตระกูลเห้อเหลียนเป็นอย่างไร?”
อวี๋หวั่นใช้มือที่ถือพัดยกคำนับ “เรื่องนี้ ขออภัยที่ข้ายังไม่สะดวกบอก”
ต่งเซียนเอ๋อร์โบกมือ “เอาละ ท่านไม่อยากบอก ข้าก็ไม่ถนัดบีบบังคับคน แต่ปัญหาคือท่านบอกว่าคุณชายใหญ่ของตระกูลเห้อเหลียนถูกไล่ออกจากบ้านหรือ?”
“แม่นางต่งก็ได้ยินเรื่องนี้ด้วยหรือ?” อวี๋หวั่นประหลาดใจ
ต่งเซียนเอ๋อร์หัวเราะกับตัวเอง “เหตุการณ์นี้โกลาหลไปทั้งเมือง มีผู้ใดในเมืองหลวงไม่รู้หรือ? ว่ากันว่าคุณชายใหญ่ของตระกูลเห้อเหลียนได้ฆ่าสามัญชน หลังจากนั้นก็ยังไม่กลับใจ ทั้งยังขู่ว่าจะทำลายทั้งตระกูล จวนตะวันออกจึงทนไม่ได้ และขับไล่บุตรชายอกตัญญูผู้นี้ออกไป”
อวี๋หวั่นมองต่งเซียนเอ๋อร์อย่างครุ่นคิด “เมื่อฟังน้ำเสียงของแม่นางต่ง ดูเหมือนว่าจะไม่เชื่อเรื่องนี้”
“แน่นอนว่าไม่เชื่อ ท่านละเชื่อหรือไม่?”
“หากข้าเชื่อ ก็คงไม่มาหาข่าวถึงที่นี่”
ต่งเซียนเอ๋อร์มองไปยังทิศของอาราม “ท่านมาถามคนที่อาศัยอยู่ที่นั่นหรือ?”
เมื่อเห็นสีหน้านางดูไม่เห็นด้วย อวี๋หวั่นจึงกล่าวว่า “ทำไมหรือ? ถามไม่ได้รึ?”
ต่งเซียนเอ๋อร์กล่าวว่า “ไม่ใช่ว่าทำไม่ได้ แต่ไม่ถามจะดีกว่า”
อวี๋หวั่นกล่าวว่า “ท่านหมายความว่าอย่างไร?”
ต่งเซียนเอ๋อร์ชี้ไปที่แม่ชีบนเนินเขาพร้อมกับโบกพัด “ท่านคิดว่านางอาศัยอยู่ในสำนักแม่ชีคนเดียวหรือ? หากข้าเป็นท่าน ข้าจะไม่ไปสร้างความรำคาญที่นั่นเด็ดขาด”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]