อวี๋หวั่นมองเขาด้วยความประหลาดใจ “สีหน้าของเจ้าดูไม่ปกติ มีเรื่องอะไรหรือ? ท่านลุงทราบเรื่องของนายท่านรองใหญ่แล้วหรือ?”
อวี๋กังส่ายหัว
อวี๋หวั่นคิดอยู่พักหนึ่ง “จิ้งจอกหิมะป่วยหรือ?”
อวี๋กังส่ายหัวอีกครั้ง
อวี๋หวั่นเลิกคิ้วเบิกตา “เช่นนั้นเพราะอะไร?”
อวี๋กังถอนหายใจ “ไอ้หยา คุณหนูใหญ่เข้าไปดูด้วยตัวเองเถิดขอรับ”
ในความเป็นจริงเรื่องเช่นนี้ ตามคุณชายใหญ่จะปกติสมเหตุสมผลมากกว่า ทว่าอวี๋กังไม่อาจเข้ากับนิสัยของคุณชายใหญ่ได้ และหากคุณชายใหญ่ทำตัวเป็นจอมปีศาจขึ้นมาก็รู้สึกว่าจะควบคุมไม่ได้
ทั้งสองคุยกันพลางเดินเข้าไปที่เรือนของเห้อเหลียนเป่ยหมิง
อวี๋กังเดินไปที่ระเบียงทางเดินและหยุดลง จากนั้นทำมือเชื้อเชิญอวี๋หวั่น อวี๋หวั่นสูดหายใจก้าวเข้าไปในห้องราวกับเห็นความตายดั่งคืนสู่มาตุภูมิ!
อาการปัจจุบันของเห้อเหลียนเป่ยหมิงไม่เหมาะแก่การพบแขก แต่กลับมีบุรุษแปลกหน้านั่งอยู่หน้าเตียงของเขา
บุรุษผู้นี้อายุราวๆ ยี่สิบ มีใบหน้าหล่อเหลาคมคาย ผิวแทน รูปร่างสูงใหญ่กำยำ หัวจรดเท้าเผยกลิ่นอายทวนทองอาชาเหล็ก[1] ใบหน้าของเขาคล้ายคลึงกับสองพี่น้องเห้อเหลียนที่อวี๋หวั่นเคยพบเจอมาก่อน อวี๋หวั่นพอจะเดาตัวตนของเขาออก เขาก็คือหลานชายคนโตของจวนตะวันตก เห้อเหลียนเฟิง
เห้อเหลียนเฟิงประจำการอยู่ที่ซีเฉิงมิใช่หรือ? เหตุใดถึงกลับเมืองหลวงมากะทันหันเช่นนี้?
เห้อเหลียนเป่ยหมิงเอนหลังพิงเบาะหนาอยู่บนเตียง ใบหน้าที่มีสีเลือดขึ้นมาอย่างยากลำบาก ได้กลายเป็นสีขาวซีดอีกครั้งเพราะต้อนรับแขก
อวี๋หวั่นรู้สึกปวดใจกับท่านลุงที่ไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดใดๆ ผู้นี้ และก็เป็นทุกข์กับเห็ดหลินจือแดงที่เยี่ยนจิ่วเฉามอบให้ วัตถุดิบยาพิเศษก็ยังไม่อาจต้านทานความพลิกผันไปมาเช่นนี้ได้
“ท่านลุง” อวี๋หวั่นเดินเข้ามาในห้อง
บุรุษทั้งสองที่อยู่ในห้องหันมองเธอตามๆ กัน
อวี๋หวั่นเปลี่ยนกลับมาสวมเสื้อผ้าของสตรีจากด้านในรถม้าแล้ว ยามนี้เธอสวมชุดกระโปรงยาวรัดเอวสีน้ำเงินทะเลสาบที่ไม่นับว่าหรูหราทว่าสุภาพดูดี พร้อมกับเสื้อคลุมผ้าโปร่งสีขาว ดูนุ่มนวลงดงาม ให้ความรู้สึกสงบเยือกเย็น หากไม่ใช่เพราะมวยผมสตรีที่มีครอบครัว ผู้คนก็คงคิดว่าเธอเป็นดรุณีน้อยที่ยังไม่แต่งงาน
เมื่อสายตาของเห้อเหลียนเฟิงตกกระทบตัวเธอ ดวงตาพลันฉายความประหลาดใจ
ดวงตาของเห้อเหลียนเป่ยหมิงอ่อนลงโดยที่เขาก็ไม่ทันสังเกต “อาหวั่นมาแล้ว นี่คือน้องรองของเจ้า เห้อเหลียนเฟิง เฟิงเอ๋อร์นี่คือพี่สะใภ้ของเจ้า”
ในแง่อายุ อวี๋หวั่นอ่อนกว่าเห้อเหลียนเฟิงถึงสองสามปี คำเรียกนี้นับเป็นการเรียกตามเยี่ยนจิ่วเฉา
อวี๋หวั่นกล่าวทักทายเห้อเหลียนเฟิง “น้องรอง”
เห้อเหลียนเฟิงลุกขึ้นคำนับอวี๋หวั่น “พี่สะใภ้”
“มานั่งเถิด” เห้อเหลียนเป่ยหมิงกล่าว
อวี๋หวั่นนั่งเก้าอี้ตัวเล็กอีกตัวซึ่งวางอยู่ข้างเตียง โดยไม่รีบกล่าวทักทายเห้อเหลียนเฟิง หากแต่หันไปเอ่ยกับเห้อเหลียนเป่ยหมิงก่อน “ท่านลุงรู้สึกอย่างไรบ้าง?”
“ดีขึ้นมากแล้วละ” เห้อเหลียนเป่ยหมิงกล่าว
ดีขึ้นมากก็แปลกแล้ว ใบหน้าขาวซีดถึงเพียงนี้ เมื่อคิดเช่นนี้ อวี๋หวั่นก็อดไม่ได้ที่จะส่งสายตาเชือดเฉือนให้เห้อเหลียนเฟิง ไม่เห็นรึว่าเขาป่วยจนเป็นเช่นนี้แล้ว? ยังให้มานั่งต้อนรับเขาอีก ไม่รู้จักละอายใจ!
“อะแฮ่ม!” เห้อเหลียนเฟิงกระแอมในลำคอแก้ความอึดอัด
อวี๋หวั่นถาม “ไม่ทราบว่าน้องรองมาถึงจวนเมื่อใดหรือ?”
เห้อเหลียนเฟิงกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ข้าเพิ่งมาถึงวันนี้ ได้ยินว่าลุงใหญ่ได้รับบาดเจ็บ ข้าก็เลยมาดูลุงใหญ่”
อวี๋หวั่นยิ้มจางๆ “ทำให้น้องรองไม่สบายใจแล้ว น้องรองได้พบฮูหยินผู้เฒ่าแล้วหรือ?”
“กำลังจะไปพอดี” เห้อเหลียนเฟิงกล่าว
อวี๋หวั่นยิ้ม “ข้าก็อยากไปทักทายฮูหยินผู้เฒ่าพอดี เราไปพร้อมกันเถิด ให้ท่านลุงได้พักผ่อนสักหน่อย”
เห้อเหลียนเฟิงลังเลจะเอ่ย
เห้อเหลียนเป่ยหมิงเอ่ยกับอวี๋หวั่น “ข้ากับเฟิงเอ๋อร์กำลังพูดถึงการไหว้บรรพชน”
“ไหว้บรรพชน?” อวี๋หวั่นชะงัก
อวี๋หวั่นเพิ่งมาอยู่ที่จวนเห้อเหลียนได้ไม่นาน จึงไม่ทราบว่าครอบครัวเห้อเหลียนมีกฎไหว้บรรพชนเช่นกัน ที่หมู่บ้านเหลียนฮวา สุสานของชาวบ้านจะตั้งอยู่ด้านหลังเนินเขา ในช่วงเทศกาลหรือปีใหม่ จะไปรำลึกถึงบรรพชน จุดธูปหน้าหลุมฝังศพ แต่ไม่เคยพูดถึงการไหว้บรรพชน หลังจากแต่งงานเข้าจวนคุณชาย บรรพบุรุษของพวกเขาถูกฝังอยู่ในสุสานจักรพรรดิ นั่นยิ่งทำให้เธอไม่ต้องคิดถึงมันอีก
ดังนั้นเมื่อได้ยินเรื่องนี้ อวี๋หวั่นจึงรู้สึกแปลกใหม่
การเซ่นไหว้บรรพบุรุษถูกจัดการโดยผู้อาวุโสในครอบครัว ไม่จำเป็นต้องให้จวนแม่ทัพใหญ่เทพเสียแรงคิด ด้วยเหตุนี้ เห้อเหลียนเป่ยหมิงซึ่งทำได้เพียงชี้นิ้วสั่งจึงไม่ได้คิดเรื่องนี้ในทันที
ปีก่อนๆ คนในครอบครัวต้องไปทั้งหมด เห้อเหลียนเป่ยหมิงขึ้นไปจุดธูปคนแรก ยามที่เห้อเหลียนเซิงยังเป็นคุณชายใหญ่ของจวน เขาเป็นคนขึ้นจุดธูปคนที่สอง หลังจากเขาถูกไล่ออกจากบ้าน ก็มีเห้อเหลียนฉีเข้ามาแทนที่
ยามนี้เห้อเหลียนฉีไม่อยู่แล้ว แผนเดิมคือให้เห้อเหลียนเฟิงขึ้นแทน
ทว่าหลังจากเห้อเหลียนเป่ยหมิงถูกลอบสังหาร แผนการนี้ก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง เห้อเหลียนเป่ยหมิงได้รับบาดเจ็บสาหัส ไม่เหมาะจะเดินทาง เขาไม่สามารถไปได้
“ให้อารองไปขึ้นจุดธูปคนแรก เจ้าก็ตามอารองไป ส่วนเฉาเอ๋อร์ให้อยู่จวนกับข้า” เห้อเหลียนเป่ยหมิงกล่าว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]