หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3] นิยาย บท 236

เฉกเช่นเหล่าบัญฑิตที่เลื่อมใสในปรมาจารย์ลัทธิขงจื่อ นักรบก็มีบุคคลที่ตนเลื่อมใสและชื่นชมเช่นกัน อวี๋เซ่าชิงอยู่ในค่ายซีเป่ยมาหกปี ได้ฟังเรื่องราวของเทพสงครามซึ่งเลื่องชื่อที่สุดสองคน คนแรกคือเซียวเจิ้นถิง อีกคนหนึ่งก็คือเห้อเหลียนเป่ยหมิง

นอกจากการได้กลับไปพบกับครอบครัวอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาแล้ว การได้พบกับเทพสงครามในตำนานก็เป็นอีกหนึ่งความปรารถนาในชีวิตของเขาเช่นกัน

เขาเคยพบกับเซียวเจิ้นถิงแล้ว ไม่เพียงได้พบ แต่ยังได้เกี่ยวดองเป็นญาติกับเขาอีกด้วย

แม้อวี๋เซ่าชิงจะไม่พูดออกมา แต่ในใจของเขากลับรู้สึกเป็นเกียรติเหลือเกิน

ทว่าหนานจ้าวนั้นอยู่แสนไกล แม้ว่าจะเข้ามาในจวนสกุลเห้อเหลียนแล้ว เขาก็ไม่คาดคิดว่าจะได้พบกับอีกฝ่าย

บัดนี้เห้อเหลียนเป่ยหมิงตัวจริงเสียงจริงได้มาปรากฏตัวต่อหน้าเขา อย่าได้ถามว่าเขารู้ได้อย่างไร สรุปก็คือความรู้สึกบอก เขารู้ว่าใต้หล้านี้ไม่มีใครเหมือนคนผู้นี้

เขามองไปยังเทพสงครามซึ่งนั่งอยู่บนรถเข็นอย่างเหลือเชื่อ หัวใจของเขาพลันรู้สึกร้อนผ่าว

เป็นความรู้สึกที่แปลกจริงๆ ตอนที่พบกับเซียวเจิ้นถิงก็ไม่ยักใจเต้นแรงถึงเพียงนี้

ช้าก่อน ไฉนจึงรู้สึกว่าสายตาที่เทพสงครามมองมาที่ข้าถึงดูตื่นเต้นเช่นนั้นเล่า?

ข้าตื่นเต้นก็เพราะได้พบเทพสงคราม แต่เขาจะตื่นเต้นทำไมกัน?

อวี๋เซ่าชิงสับสนเล็กน้อย

ที่บอกว่าเห้อเหลียนเป่ยหมิงรู้สึกตื่นเต้นนั้นเป็นเรื่องจริง เขาตื่นเต้นกว่าอวี๋เซ่าชิงด้วยซ้ำไป หลังจากที่เข้ามาก็ตกตะลึงถึงเพียงนั้น เขานึกว่าเขาเห็นท่านพ่อ เกือบจะลุกขึ้นมาจากรถเข็นเสียแล้ว ความคิดแรกของเขาก็คือคนคนนั้นอาจเป็นท่านพ่อที่ปีนออกมาจากหลุมศพก็เป็นได้ ความคิดต่อมาก็คือ ในตอนที่ท่านพ่อลาจากโลกนี้ไป เขาไม่ได้อายุประมาณนี้ ร่างที่กึ่งนั่งกึ่งยืนเก้ๆ กังๆ ของเขาจึงค่อยๆ นั่งลง

อย่างไรเสียก็เคยผิดหวังกับเห้อเหลียนเซิงมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่เมื่อมองใบหน้าที่คลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็นตัวปลอม ความตื่นเต้นและดีใจครั้นเห้อเหลียนเป่ยหมิงเห็นอวี๋เซ่าชิงครั้งแรกก็เหือดหายไป และแปรเปลี่ยนเป็นความตกใจซึ่งดูเย็นชาแทน

อวี๋เซ่าชิงตัวสั่น

เดี๋ยวก่อน เหตุใดเทพสงครามไม่ตื่นเต้นแล้วเล่า?

แต่กลับดูเหมือนจะเข้ามาหักคอเขาอย่างไรอย่างนั้น?!

“หนิวตั้น!” ฮูหยินผู้เฒ่ากอดขาของอวี๋เซ่าชิง พยายามดึงเขาเข้าหาตัว

อวี๋เซ่าชิงต้านแรงดึงของฮูหยินผู้เฒ่า พลางกอดเสาเอาไว้แน่น ในใจร่ำร้องว่าใครก็ได้บอกเขาทีว่าเกิดอะไรขึ้น

อวี๋เซ่าชิงจะร้องไห้แล้ว

ใครก็ได้ช่วยเอาผู้เฒ่าคนนี้ออกไปที!

อันที่จริง อวี๋เซ่าชิงมีวิทยายุทธ์ เมื่อครู่ที่ถูกนางลากไปได้ก็เพราะสมองของเขากำลังมึนงง บัดนี้ตั้งสติได้แล้ว หากใช้พลังภายในเพียงเล็กน้อยก็สามารถผละออกจากนางได้ ไม่สิ บางทีอาจไม่ต้องใช้พลังภายในด้วยซ้ำไป ลำพังพละกำลังของบุรุษอย่างเขาก็สามารถผลักให้นางล้มลงหมดสติได้

แต่เขาไม่ปรารถนาจะทำเช่นนั้น

อาจเป็นเพราะเขาไม่อาจลงไม้ลงมือกับคนเฒ่าคนแก่สติฟั่นเฟือนได้ หรือไม่ก็เป็นเพราะเขาไม่อาจลงมือกับผู้เฒ่าคนนี้ได้

ผลก็คือเขาถูกรังแกอยู่ฝ่ายเดียว…

ฮือๆๆๆ

อยากร้องไห้เหลือเกิน

หลังจากที่สาวใช้คนสนิทไปตามเห้อเหลียนเป่ยหมิง จากนั้นก็ไปตามฮูหยินน้อยที่ห้องของคุณชายใหญ่

อวี๋หวั่นยังคงสะลึมสะลือ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น สาวใช้ก็เล่าไม่ได้ศัพท์ อวี๋หวั่นจึงเดินมายังห้องของฮูหยินผู้เฒ่า เธอมาหยุดอยู่ข้างรถเข็นของเห้อเหลียนเป่ยหมิง สายตาจับจ้องไปยังผู้ชายซึ่งกำลังกอดเสาแน่น จากนั้นก็พูดอย่างงัวเงียว่า “เอ๋? ท่านพ่อ?”

อวี๋เซ่าชิงหันไปมองด้วยความดีใจ!

ลูกข้า!

ในที่สุดลูกข้าก็มาช่วยแล้ว!

หากเจ้ามาไม่ทัน พ่อก็คงต้องทิ้งชีวิตไว้ที่นี่เป็นแน่!

นี่มันรังหมาป่าถ้ำเสือหรืออย่างไร อันตรายเหลือเกิน!

เมื่อเห้อเหลียนเป่ยหมิงได้ยินที่อวี๋หวั่นพูดก็ชะงักไปชั่วขณะหนึ่ง “เจ้าเรียกเขาว่าอย่างไรนะ?”

“ท่านพ่อเจ้าค่ะ” อวี๋หวั่นปิดปากหาววอด

เห้อเหลียนเป่ยหมิงตกใจ “เขาคือ…พ่อเจ้าหรือ?”

อวี๋หวั่นตื่นเต็มตากว่าเดิมเล็กน้อย เพิ่งนึกได้ว่าท่านพ่อท่านแม่เพิ่งเข้าจวนมาเมื่อวานตอนดึก ฮูหยินผู้เฒ่าและเห้อเหลียนเป่ยหมิงนอนไปแล้ว เธอไม่ทันได้บอกพวกเขา “ท่านพ่อท่านแม่ข้าเข้าจวนมาเมื่อคืน พวกท่านนอนไปแล้ว ข้าคิดว่าจะบอกพวกท่านเช้าวันนี้”

แต่ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ พวกท่านคงได้พบหน้ากันแล้วกระมัง?

อวี๋หวั่นพบว่าท่านพ่อของเธอกำลังกอดเสาด้วยท่วงท่าประหลาด และฮูหยินผู้เฒ่าก็กำลังดึงขาของเขาอยู่

เอ๊ะ…

เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย?

อวี๋หวั่นเดินเข้าไปหาฮูหยินผู้เฒ่าซึ่งออกแรงดึงจนหน้าดำหน้าแดง แล้วกล่าวถามว่า “ท่านย่า กำลังทำอะไรอยู่หรือเจ้าคะ?”

ท่านย่า?

นางคือมารดาของเห้อเหลียนเป่ยหมิงหรือ?

อวี๋เซ่าชิงหันหน้าไป อยากร่ำไห้ยิ่งกว่าเดิม

มารดาของเทพสงครามทำไมจึงเป็นเช่นนี้?

แต่เขาก็ยังไม่อาจยอมรับเรื่องนี้ได้ เขาเดินหน้าดำคร่ำเครียดไปยังชีสยาย่วน

แม้ว่าอาม่าจะไม่ใช่คนในครอบครัว แต่เขาก็เป็นที่เคารพของทุกคน พวกเขาใช้ชีสยาย่วนเป็นสถานที่สำหรับปรึกษาหารือเรื่องต่างๆ ไปโดยปริยาย

เมื่ออวี๋เซ่าชิงเดินเข้าห้องมา คนอื่นๆ ก็กำลังรอเขาอยู่

การประชุมระดับครัวเรือนที่พวกเขาตัดสินใจจัดขึ้นนั้นเคร่งเครียดอยู่ไม่น้อย ผู้เข้าร่วมประชุุมมีอาม่า อวี๋เซ่าชิง นางเจียง เห้อเหลียนเป่ยหมิง เยี่ยนจิ่วเฉา อวี๋หวั่น รวมไปถึงเด็กน้อยทั้งสามที่ไม่ว่าจะหลอกล่ออย่างไรก็ไม่ยอมออกไป พวกเขายกม้านั่งตัวเล็กเข้ามานั่งอยู่ด้วย

เด็กน้อยทั้งสามนั่งทำตาบ้องแบ๊ว มองไปยังผู้ใหญ่ในห้องด้วยท่าทางน่ารักน่าเอ็นดู

พวกผู้ใหญ่กำลังทำอะไรกันอยู่นะ เหมือนจะเป็นเรื่องที่สุดยอดมากๆ พวกเขาก็อยากอยู่ด้วย

“เสี่ยวเป่า มานี่” อวี๋หวั่นกวักมือเรียกเสี่ยวเป่า

เสี่ยวเป่าวิ่งเตาะแตะไปหาอวี๋หวั่น อวี๋หวั่นอุ้มเขาขึ้นมา ให้เขานอนในท่วงท่าที่สบายในอ้อมแขนของเธอพลางโยกเบาๆ พร้อมกับกล่าวว่า “หนึ่ง สอง หลับซะ”

“คร่อกฟี่~คร่อกฟี่~” เสี่ยวเป่ากรนเบาๆ

เอ้อร์เป่าไม่อยากนอน กระนั้นก็ไม่อาจรอดพ้นโชคชะตาไปได้ นับหนึ่งถึงสามก็หลับปุ๋ยไปแล้ว

ต้าเป่าไร้เรี่ยวแรง เขาไม่คิดต่อต้าน จึงปีนขึ้นไปบนเก้าอี้ยาวอย่างว่าง่ายแล้วล้มตัวลงนอน

อวี๋หวั่นเรียกฝูหลิงและจื่อซูมาอุ้มทั้งสามคนกลับไปนอนยังห้องของฮูหยินผู้เฒ่า เด็กสามผู้เฒ่าหนึ่งล้วนแต่อยู่ในห้วงนิทรา

หลังจากนี้จะได้เริ่มพูดคุยกันอย่างจริงจังสักที

ในฐานะที่อวี๋เซ่าชิงเป็นตัวละครสำคัญของการประชุมในครั้งนี้ สายตาของทุกคนจึงจับจ้องไปที่เขา เห้อเหลียนเป่ยหมิงเอ่ยปากถามเขาก่อนว่าบอกเรื่องของอวี๋หวั่นและเถี่ยตั้นน้อยกับฮูหยินผู้เฒ่าไปหรือไม่

เห้อเหลียนเป่ยหมิงรู้จากอวี๋หวั่นแต่แรกแล้วว่าเขายังมีหลานชายตัวน้อยอยู่ที่หมู่บ้านเหลียนฮวา

อวี๋เซ่าชิงไหนเลยจะเอ่ยปากบอกได้ทัน? ฮูหยินผู้เฒ่าลากเขามาแล้วก็บอกว่าเฉาเอ๋อร์เป็นลูกของเขา ส่วนอาหวั่นเป็นลูกสะใภ้ของเขา ให้เขาปฏิบัติต่อลูกสะใภ้ดีๆ ถึงแม้ลูกสะใภ้คนนั้นจะอัปลักษณ์ก็เถอะ…

อวี๋หวั่น “?!”

เธออัปลักษณ์?!

อีกทั้งฝีมือการทำอาหารยังย่ำแย่ ชอบออกไปเตร็ดเตร่ข้างนอกอยู่เรื่อย แต่เฉาเอ๋อร์ชอบ ในฐานะที่พวกเขาเป็นผู้ใหญ่ พวกเขาก็ต้องชอบด้วย

“…” เกิดอะไรขึ้น? เธอคิดไปเองมาตลอดเลยหรือว่าฮูหยินผู้เฒ่ารักและเอ็นดูเธอดุจหลานแท้ๆ?

เวรเอ๊ย ไม่อยากอยู่แล้ว!

………………………….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]