เงานั้นดูคล้ายกับเงาของผู้ชาย…
อิ่งลิ่วกับอิ่งสือซันกลับมาแล้วหรือ? หรือว่าเป็นลุงวั่น? ไม่ใช่เยี่ยนจิ่วเฉาหรอก…ขออย่าให้เป็นเยี่ยนจิ่วเฉาเลย…
แต่ก็เป็นเยี่ยนจิ่วเฉา
ขณะที่เยี่ยนจิ่วเฉากำลังเดินไปยังห้องและยื่นใบหน้าอันหล่อเหลาหาผู้ใดเปรียบเข้าไป ในสมองของอวี๋หวั่นก็เต็มไปด้วยประโยคว่า ‘จบสิ้นแล้ว จบสิ้นแล้วจริงๆ’
สีหน้าของเยี่ยนจิ่วเฉาไม่ค่อยสู้ดีนัก สายตาเย็นเยียบไปหยุดอยู่ที่ใบหน้าของอวี๋หวั่น ราวกับจะจ้องให้หน้าของเธอทะลุเป็นรูก็มิปาน
เหยียนหรูอวี้ซึ่งเดิมทีโมโหอวี๋หวั่นเป็นฟืนเป็นไฟ เมื่อเห็นสีหน้าของเยี่ยนจิ่วเฉา นางก็ถึงกับลอบถอนหายใจ แม้จะไม่รู้ว่าครั้งก่อนสตรีผู้นี้รอดพ้นจากเงื้อมมือของเยี่ยนจิ่วเฉามาได้อย่างไร แต่ว่าครั้งนี้นางคงไม่ได้โชคดีถึงเพียงนั้น
ใต้หล้าล้วนรู้ว่าเยี่ยนจิ่วเฉาเป็นคนหัวรั้น เกลียดการถูกบังคับเป็นที่สุด คุณชายเยี่ยนเพียงเห็นอกเห็นใจสตรีชนบทผู้นี้เพียงเล็กน้อย นางก็ยังพ่นคำพูดออกมาอย่างไม่รู้ที่ต่ำที่สูง
นางคิดว่าตนเองเป็นใครกัน? นางอยากแต่งงานกับคุณชายเยี่ยนก็หมายความว่าจะแต่งได้หรือ? ทั้งยังพูดออกมาได้ว่าจะเป็นแม่ของเด็กทั้งสาม!
น่าขันเสียยิ่งกระไร!
เหยียนหรูอวี้เป็นแม่ของเด็กน้อยทั้งสามคน ยังไม่กล้าพูดจาสามหาวเช่นนั้น คนบ้านนอกอย่างไรก็ยังเป็นคนบ้านนอก ไม่เคยเห็นโลก ไร้สมอง บุรุษให้ความเอ็นดูเข้าหน่อยก็คิดจะอยากแต่งงานกับเขา จนลืมสำเหนียกว่าตนเองเป็นใคร
คนเรา สูงต่ำย่อมรู้ตัวเองดี
เมื่อไรที่ไม่รู้ตัว เมื่อนั้นก็หมายความว่ากำลังรนหาที่ตายเสียเอง
อวี๋หวั่นหลุบตาลง ไม่กล้ามองเยี่ยนจิ่วเฉาตรงๆ
เยี่ยนจิ่วเฉาเบือนสายตาออกจากอวี๋หวั่น แล้วมองไปยังเหยียนหรูอวี้
เหยียนหรูอวี้ก้มหน้าลงราวกับตกใจเพราะได้รับความเอ็นดู ทำท่านางเขินอาย ในขณะเดียวกันก็ยังไม่ลืมที่จะแอบคิดในใจว่าเป็นเพราะความงามของตน? หรือว่าเพราะความงามของผ้าคลุมหน้า? นางถูกองค์หญิงซยงหนูฟาดแส้ลงบนใบหน้าจนเกิดเป็นรอยแผล นางทายาจินชวง กลิ่นของยายังหลงเหลืออยู่ แต่ว่านางก็ใช้กำยาน ยังพอจะช่วยกลบกลิ่นเอาไว้ได้…
ขณะที่นางกำลังคิดไปต่างๆ นานา เยี่ยนจิ่วเฉาก็เอ่ยขึ้นว่า “เจ้ามานี่”
เหยียนหรูอวี้เงยหน้าขึ้นอย่างเหลือเชื่อ นางไม่มั่นใจว่า ‘เจ้า’ ที่เยี่ยนจิ่วเฉาพูดถึงนั้นหมายถึงตนหรือไม่ ทว่าเยี่ยนจิ่วเฉาหันหลังกลับ แล้วเดินออกไปอย่างเย็นชา
เหยียนหรูอวี้มองไปยังอวี๋หวั่น เมื่อเห็นว่าอวี๋หวั่นไม่ขยับ ก็แอบดีใจว่าคุณชายเรียกตนจริงๆ
พยายามมามากถึงเพียงนี้ ในที่สุดก็ได้อยู่ในสายตาของคุณชายแล้ว
คงจะโกรธนางเด็กบ้านนอกเสียแล้วกระมัง? ในทางกลับกันก็คงเข้าใจความอ่อนหวานของนางบ้างแล้ว
เหยียนหรูอวี้ลูบเส้นผมอ่อนนุ่ม เดินออกไปด้วยสีหน้าเปี่ยมความยินดี
เยี่ยนจิ่วเฉาเดินนำนางไปถึงห้องหนังสือ
เหยียนหรูอวี้พร้อมแล้วที่จะปรนนิบัติรับใช้เยี่ยนจิ่วเฉา แต่ไหนเลยจะรู้ว่าทันทีที่เข้าไปในห้อง ก็ได้ยินเยี่ยนจิ่วเฉาเอ่ยขึ้นว่า “เมื่อครู่นางพูดอันใดกับเจ้า รีบเล่ามาโดยละเอียด”
……
“เยี่ยนจิ่วเฉาน่ะสิ”
“อะไรกัน? เจ้าไม่กล้าเรียกหรือ? หรือว่าเจ้าเรียกแล้วเขาไม่สนใจกันแน่? ”
“ข้าจะ…มาอาศัยอยู่ที่นี่อย่างไรเล่า”
“แล้วเจ้ามียางอาย?”
“พันธะ? พันธะอะไร? เขายอมรับแล้วหรือ? เขาบอกหรือว่าเขาจะแต่งงานกับเจ้า? เจ้าคิดว่าจะใช้ลูกมาเป็นข้ออ้างเพื่อพึ่งพาเขาสินะ เจ้าโง่ หรือว่าเขาโง่กันแน่?”
“คู่ควรแล้วอย่างไร? ไม่คู่ควรแล้วอย่างไร? สุดท้ายแล้ว…”
ที่กล่าวว่าคู่ควรแล้วอย่างไร ไม่คู่ควรแล้วอย่างไร สตรีผู้นี้ใจกล้าเหลือเกิน กล้ากล่าวคำพูดพรรค์นี้ออกมาได้หน้าตาเฉย!
เยี่ยนจิ่วเฉาเดินออกจากห้องหนังสือด้วยสีหน้าเย็นเยียบ ตรงไปยังห้องที่อวี๋หวั่นอยู่
เหยียนหรูอวี้มองไปยังหลังของเยี่ยนจิ่วเฉาซึ่งกำลังมีโทสะ มุมปากของนางก็พลันยกขึ้น
นางเด็กนั่นวาจาโอหังเสียจนเหยียนหรูอวี้ไม่จำเป็นต้องใส่สีตีไข่อันใด ครานี้จะคอยดูว่านางจะแก้ต่างอย่างไร!
เหยียนหรูอวี้เข้าไปนั่งในห้องของเด็กน้อยทั้งสาม พวกเขาหลับไปแล้ว นางนั่งคอยอย่างใจเย็นครู่หนึ่งจึงลุกขึ้นเดินออกไป
อีกด้านหนึ่ง เยี่ยนจิ่วเฉาก็เดินมาถึงห้อง อวี๋หวั่นนั่งคอตกอยู่บนเก้าอี้ สีหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด ทว่าในดวงตาคู่นั้นกลับไร้ความสนใจใยดี
อวี๋หวั่นรู้สึกได้ถึงเงาของคนคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามา เธอไม่ได้เงยหน้ามอง ยังคงนั่งอยู่อย่างนั้น
เยี่ยนจิ่วเฉาเดินมาตรงหน้าของเธอ มองเธอตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า แล้วนั่งลงข้างๆ เธอ “ทุกวันนี้เจ้าจะใจกล้าเกินไปแล้วนะ ข้าใจดีกับเจ้ามากเกินไปหรืออย่างไร? ถึงกล่าววาจาไร้กาลเทศะเช่นนั้น!”
อวี๋หวั่นคิดในใจว่า ฟ้าดินเป็นพยานได้ เธอพูดไปแบบนั้นก็เพราะอยากให้เหยียนหรูอวี้โกรธ แต่เธอไม่เคยมีความคิดเช่นนี้อยู่ในสมองเลย
“เจ้า…” เมื่อเยี่ยนจิ่วเฉานึกถึงคำพูดของอวี๋หวั่นก็โมโหจนหน้าอกกระเพื่อมขึ้นลง “จะรีบร้อนกระไรเพียงนั้น!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]