หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3] นิยาย บท 25

เวลานี้ ลูกน้องของชายสวมชุดคลุมไม่รู้ว่าตนได้ทิ้งเบาะแสไว้ หากเขาสืบทราบว่าหานจิ้งซูจะมาที่หอวั่งเยว่แต่แรก เขาคงไม่เลือกฆ่านางตายที่สวนเล็กแห่งนั้น

แต่พวกเขาก็ห่างจากการรับรู้ถึงข้อบกพร่องของตนอีกไม่ไกลแล้ว

ตกกลางคืน เยี่ยนไหวจิ่งไปที่หอวั่งเยว่

“ฝ่าบาท” ชายสวมชุดคลุมพยักหน้าเบาๆ โค้งคำนับอย่างไม่เป็นทางการ

ชายสวมชุดคลุมเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่เยี่ยนไหวจิ่งได้พบที่หนานจ้าว ยามนั้นเขาจ่ายไปมากมาย หากบอกว่าไปเชื้อเชิญผู้มากความสามารถพิเศษมาก็ไม่ถือว่ามากเกินไป ดังนั้นเยี่ยนไหวจิ่งจึงนับถืออีกฝ่ายมาก มากเกินกว่าจินตนาการของคนทั่วไป

หากกล่าวเกินจริงสักหน่อย เยี่ยนไหวจิ่งอุ้มอีกฝ่ายไว้ เพราะเกรงว่าหากอีกฝ่ายไม่พอใจจะไม่ยอมช่วยเหลือตน

“ดึกดื่นเช่นนี้ ฝ่าบาทเสด็จมาพบข้า มีเรื่องอันใดหรือพ่ะย่ะค่ะ?” ชายสวมชุดคลุมถามอย่างใจเย็น

“ฝ่าบาท เชิญ” เขาชี้ไปที่เก้าอี้นั่งด้านหน้า

เยี่ยนไหวจิ่งไม่นั่งแต่พูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “กล่าวตามตรง ค่ำมืดเช่นนี้มารบกวนท่าน เพราะข้าหมดหนทางจริงๆ”

“อ้อ? ฝ่าบาททรงมีเรื่องร้อนใจอันใดหรือพ่ะย่ะค่ะ?” ชายสวมชุดคลุมถามอย่างอดทน

เยี่ยนไหวจิ่งทอดถอนใจ “มีมือสังหารเข้ามาในจวนและใช้หนอนพิษกับพระชายา หมอหลวงไม่อาจแก้พิษกู่ของนางได้ ข้ารู้ว่าท่านมีปรมาจารย์พิษ ข้าจึงอยากขอให้ท่านพาปรมาจารย์พิษไปตรวจอาการนางดูสักหน่อยว่าสามารถคลายกู่ให้นางได้หรือไม่”

ลูกน้องลอบเหลือบมองชายสวมชุดคลุม

ชายสวมชุดคลุมมั่นคงดุจเขาไท่ซาน ใบหน้าไม่ปรากฏความรู้สึกผิดหรือตื่นตระหนกใดๆ “คนของข้าไม่มีผู้ใดเป็นปรมาจารย์พิษ มีเพียงสตรีพิษ หนอนพิษที่ข้ามอบให้ท่านคราวนั้นก็มาจากนาง นางสามารถฝึกฝนและควบคุมหนอนพิษได้ด้วยตนเอง แต่หากพูดถึงการคลายกู่…ก็ขึ้นอยู่กับว่าเป็นหนอนพิษชนิดใด ข้าไม่แน่ใจว่านางจะแก้ไขมันได้ เลี่ยเฟิง”

ลูกน้องก้าวไปข้างหน้า คำนับชายสวมชุดคลุม “นายท่าน”

ชายสวมชุดคลุมเอ่ยว่า “ไปตามอีม่านมา ให้นางไปดูอาการพระชายา”

“ขอรับ!” เลี่ยเฟิงออกจากห้องด้วยสายตามองตรงไม่วอกแวก และเรียกสตรีชุดดำคนหนึ่งเข้ามาในห้อง

เยี่ยนไหวจิ่งเคยพบสตรีผู้นี้ นางไม่ช่างพูดและไม่ทำตัวเป็นจุดสนใจ เขาคิดว่านางเป็นเพียงสาวใช้ธรรมดา แต่ไม่คาดคิดว่านางก็คือสตรีพิษที่ไม่เปิดเผยตัวตน

เยี่ยนไหวจิ่งพาสตรีนามว่าอีม่านไปที่ห้องของหานจิ้งซู

หลังจากตรวจหานจิ้งซูแล้ว สตรีผู้นั้นก็ส่ายหัวด้วยความสลด “ขออภัย ฝ่าบาท พิษชนิดนี้เป็นพิษกู่แห่งหนานเจียงที่ร้ายแรงยิ่ง หากเป็นท่านอาจารย์ของข้าอาจยังพอมีหวัง ทว่าข้าไม่อาจแก้ได้”

“เช่นนั้นอาจารย์ของเจ้า…” เยี่ยนไหวจิ่งไม่เอ่ยสิ่งใดต่อ เพียงมองสตรีผู้นั้นนิ่ง ราวกับวางความหวังทั้งหมดไว้กับสิ่งที่นางจะเอ่ยต่อจากนี้

นางทอดถอนใจ “อาจารย์ของข้าตายแล้ว ฝ่าบาทโปรดหาผู้มีความสามารถคนอื่นเถอะเพคะ”

เยี่ยนไหวจิ่งรู้สึกเพียงว่าท้องฟ้าถล่มลงมา

นี่เป็นครั้งแรกที่เยี่ยนไหวจิ่งขอความช่วยเหลือจากชายสวมชุดคลุม แต่กลับไม่มีทางออกที่ดี ผู้อาวุโสท่านนั้นมีความสามารถน่ามหัศจรรย์ไม่ใช่หรือ? เหตุใดแม้แต่กู่ก็ยังแก้ไม่ได้?

แน่นอนถึงจะบ่นในใจ แต่เยี่ยนไหวจิ่งก็ไม่ได้โยนความผิดไปที่อีกฝ่ายทั้งหมด แต่ละคนมีความเชี่ยวชาญต่างกัน ยอดฝีมือท่านนั้นชำนาญการฝึกพลังและการสงคราม ต่อให้ขงเบ้งคลานออกจากหลุมศพก็ยังไร้หนทางจะคลายพิษกู่

หลังจากสตรีพิษผู้นั้นจากไป เยี่ยนไหวจิ่งก็ตกอยู่ในสภาพอับจนหนทาง

อย่างไรก็เป็นสตรีของตน หากกล่าวว่าไม่รู้สึกอะไรคงไม่ใช่ ในฐานะบุรุษ เขามีหน้าที่ปกป้องภรรยา และในแง่ของการเป็นภรรยาหรือสะใภ้ หานจิ้งซูนั้นไร้ที่ติ เขาต้องการสตรีเช่นนี้เป็นพระชายาของเขา

เขาไม่อยากเห็นหานจิ้งซูตายไปต่อหน้าต่อตา

…แล้วก็ไม่ต้องการสูญเสียการสนับสนุนจากจวนมหาเสนาบดี

“คนจากจวนมหาเสนาบดีคงใกล้มาถึงแล้วกระมัง” เยี่ยนไหวจิ่งยืนอยู่ที่ประตู ทอดสายตามองความมืดมิดในราตรีอันไร้ขอบเขต

จู่ๆ จวินฉางอันก็เอ่ยขึ้น “องค์รัชทายาท ข้ามีบางอย่างที่ไม่รู้ว่าควรจะเอ่ยดีหรือไม่”

“เจ้าว่ามาเถอะ” เยี่ยนไหวจิ่งเอ่ย มาถึงขั้นนี้คงไม่มีเรื่องใดเลวร้ายไปกว่านี้แล้ว

จวินฉางอันเอ่ยอย่างครุ่นคิด “จวนของเรามีการคุ้มกันแน่นหนา ต่อให้วรยุทธ์อีกฝ่ายแข็งแกร่ง สามารถบุกเข้ามาได้ ทว่าก็ไม่น่าคุ้นเคยกับสถานที่ภายในจวนถึงเพียงนี้ในคราวเดียว ดูจากสวนดอกไม้ที่เขาเลือกทำการสังหารพระชายาแล้ว เขารู้ถึงที่อยู่และลักษณะนิสัยของพระชายา กระทั่งพื้นที่ภายในสวนดอกไม้ได้เป็นอย่างดี”

เยี่ยนไหวจิ่งขมวดคิ้วด้วยความสงสัย “เจ้าต้องการจะบอกสิ่งใด?”

จวินฉางอันไม่อ้อมค้อม “ข้าอยากบอกว่า บางทีจวนของเราอาจมีหนอนบ่อนไส้”

“หนอนบ่อนไส้?” เยี่ยนไหวจิ่งหัวเราะเยาะ “เจ้าคงไม่ได้หมายถึงพวกผู้อาวุโสกระมัง?”

จวินฉางอันไม่ได้ยอมรับตรงๆ แต่ในคำพูดของเขาก็ไม่ได้ปฏิเสธ “นอกจากพวกเขาแล้ว ในจวนนี้ก็ไม่มีผู้ใดเข้าใจวิธีการใช้หนอนพิษ”

เยี่ยนไหวจิ่งเอ่ย “แต่เมื่อครู่เจ้าบอกว่า คนที่ต้องการทำร้ายพระชายาเป็นบุรุษ สตรีพิษผู้นั้นดูเหมือนบุรุษนักหรือ?”

ร่างกายของอีม่านก็ไม่ต่างจากสตรีทั่วไปแม้แต่น้อย ถึงจะขาดความน่ารักอ่อนช้อยไปสักหน่อย ทว่าในร่างกายอีม่านไม่มีคลื่นกำลังภายใน หรือก็หมายความว่าอีม่านไม่รู้วรยุทธ์ แต่เงาที่จวินฉางอันพบในคืนนั้นเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่ว

สิ่งนี้สรุปได้ว่ามือสังหารไม่มีทางเป็นอีม่าน

จริงๆ แล้วจวินฉางอันสามารถพูดได้ว่า บางทีพวกเขาอาจมิได้มีเพียงสตรีพิษ แต่ยังมีปรมาจารย์พิษคนอื่นอีก? หรือบางทีพวกเขาเอาหนอนพิษจากอีม่านไปมอบให้ยอดฝีมือเพื่อทำภารกิจให้สำเร็จ?

ทว่าเขาก็ไม่ได้พูดออกไป เขารู้นิสัยของเยี่ยนไหวจิ่งดี ใช้คนอย่าระแวง หากระแวงก็อย่าใช้เขา เช่นเดียวกันกับหลายปีมานี้ เยี่ยนไหวจิ่งไม่เคยสงสัยในความภักดีของเขา เยี่ยนไหวจิ่งไม่มีทางสงสัยผู้มีความสามารถรอบด้านที่ตนเป็นคนเชิญกลับมาแน่

นี่เป็นข้อดีที่น่ายกย่องอย่างยิ่งของเยี่ยนไหวจิ่ง แต่หากเขาไม่ระวังก็อาจจะกลายเป็นจุดบอดที่อันตรายถึงชีวิต

เยี่ยนไหวจิ่งชะงัก มุ่นคิ้วเอ่ย “เจ้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ ดูว่ายังมีเบาะแสใดอีกหรือไม่ จากนั้น…เจ้าก็ไปติดต่อไป๋เสี่ยวเซิง”

จวินฉางอันเอ่ย “องค์รัชทายาทคิดจะหาวิธีคลายกู่จากไป๋เสี่ยวเซิงหรือ? องค์รัชทายาทน่าจะรู้ดีว่าไป๋เสี่ยวเซิงไม่รับงานที่สองจากคนคนเดียว ยามนั้นเพื่อสืบหาสตรีที่ช่วยชีวิตของท่านที่สวี่โจวเมื่อสองสามปีก่อน ท่านได้ซื้อข่าวจากเขามาแล้วครั้งหนึ่ง ในชีวิตนี้คนผู้นั้นจะไม่ตอบคำถามที่สองของท่านอีก”

เอ่ยถึงเรื่องนี้ เยี่ยนไหวจิ่งก็นึกเสียใจ เมื่อสามปีก่อนเขาถูกลอบสังหารในสวี่โจว ขณะที่ตนกำลังจะตายก็ถูกสตรีมีครรภ์คนหนึ่งช่วยไว้ เขาจำได้ว่าสตรีผู้นั้นคืออวี๋หวั่น ทว่าตั้งแต่ต้นจนจบเขาก็ไม่เชื่อ

แต่ผลสุดท้ายกลับเป็นนางจริงๆ

เสียเห็ดหลินจือเลือดไปไม่ได้เสียดาย แต่สิ่งที่น่าเสียดายคือเขาไม่มีโอกาสเจรจากับไป๋เสี่ยวเซิงอีกแล้ว

เยี่ยนไหวจิ่งเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “มิใช่ในนามของข้า แต่เป็นพระชายารัชทายาท! เป็นถึงพระชายารัชทายาทแห่งต้าโจวและบุตรีจวนมหาเสนาบดี คงคู่ควรพอจะทำข้อตกลงกับไป๋เสี่ยวเซิงแล้วกระมัง!”

จวินฉางอันรับคำสั่งจากไป

เขากับไป๋เสี่ยวเซิงรู้จักกันมานาน แต่มิตรภาพของพวกเขายิ่งใหญ่เพียงใดไม่สำคัญ มิตรภาพสุดท้ายที่เหลืออยู่ของพวกเขาได้ถูกใช้ไปเพื่อช่วยเยี่ยนไหวจิ่งผูกสัมพันธ์จนหมดแล้ว หากพบไป๋เสี่ยวเซิงอีกครั้ง…เกรงว่าการเจรจาข้อตกลงจะไม่ง่ายดายเช่นนั้น

อย่างไรไป๋เสี่ยวเซิงก็ไม่ได้ยอมรับข้อตกลงของทุกคน

……

เรื่องที่หานจิ้งซูถูกวางยาแพร่กระจายรวดเร็วราวกับไฟป่า หมอหลวงจากโรงหมอไท่หยวนทั้งหมดถูกเชิญไปรักษานาง แต่ผลลัพธ์ก็ไม่ต่างกัน หมอต้าโจวไม่ชำนาญด้านพิษกู่ อีกอย่างพิษที่หานจิ้งซูถูกก็ไม่ใช่พิษกู่ธรรมดา

ยามที่ข่าวแพร่สะพัดมาถึงจวนคุณชาย เยี่ยนจิ่วเฉาก็ไปที่ท้องพระโรงแล้ว อวี๋หวั่นเหม่อลอยอยู่ในจวน

เหตุใดถึงเหม่อลอยน่ะหรือ ก็เพราะเธอว่างจนไม่มีสิ่งใดให้ทำแล้วน่ะสิ!

ลุงวั่นคอยดูแลเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ภายในจวน ซึ่งเขาจัดการได้เป็นอย่างดีไม่ขาดตกบกพร่อง ไม่เคยเดือดร้อนถึงเธอ แน่นอนเธอมีเด็กสี่คนที่เสียงดังเอะอะ แต่ไข่น้อยทั้งสามต่างคนต่างเล่น ซุกซนขึ้นฟ้าลงดินในจวน เธอก็จับไม่ไหว เถี่ยตั้นน้อยก็ถึงวัยที่จะไปโรงเรียน แต่ไม่ใช่ยังมีเยี่ยนอ๋องอยู่หรอกหรือ?

ความรู้ของเยี่ยนอ๋องสูงกว่าเธอมาก และความอดทนก็ไม่ได้แย่ไปกว่าเธอ ยามสอนมีข้อมูลอ้างอิงหลากหลาย จนเถี่ยตั้นน้อยก็เกือบสงสัยว่าตนได้อ่านหนังสือปลอมมาตลอดหลายปีในชีวิต!

วิชาของเยี่ยนอ๋องน่าสนใจ เถี่ยตั้นน้อยจึงตั้งใจเรียนอย่างมาก

ในช่วงหนึ่งปีในหมู่บ้าน เด็กผู้นี้ยังได้ขัดเกลาอารมณ์ของเขา เดิมทีมีอวี๋เซ่าชิงคอยทะนุถนอม มีอวี๋หวั่นคอยปกป้อง แท้จริงเขาเปราะบางอยู่บ้าง ทว่ายามนี้แม้แต่อวี๋หวั่นก็รู้สึกได้ถึงความสงบนิ่งในวัยนี้ของเขา

สิ่งนี้ทำให้อวี๋หวั่นนึกถึงโจวจิ่น

แน่นอนว่าประสบการณ์ของโจวจิ่นนั้นโหดร้ายกว่าเถี่ยตั้นน้อย ความรับผิดชอบของเขานั้นยิ่งใหญ่กว่าเถี่ยตั้นน้อย ดังนั้นหากเถี่ยตั้นน้อยกลายเป็นโจวจิ่นคนที่สองจริงๆ อวี๋หวั่นคงจะรู้สึกปวดใจ

เถี่ยตั้นน้อยรู้เรื่องรู้ราวกว่าเมื่อก่อน แต่กลับไม่ได้สูญเสียชีวิตชีวาที่ควรมี หลังเลิกเรียนเขาเล่นกับไข่น้อยทั้งสามอย่างเมามัน ทั้งอวี๋หวั่นและเยี่ยนอ๋องก็ไม่ได้ห้ามปรามพวกเขา

หลังจากแม้แต่เถี่ยตั้นน้อยก็ไม่ต้องให้ตนเป็นกังวล อวี๋หวั่นก็รู้สึกว่าตนเป็นอิสระ

การรอคลอดน่าเบื่อเพียงนี้เชียวหรือ?

อวี๋หวั่นผู้ผันตนเป็นขนมปังหมูชิ้นน้อยนอนอาบแดดบนเก้าอี้หวายในเรือนด้วยความเบื่อหน่าย

เวลานี้อิ่งลิ่วเดินเข้ามาพร้อมกับกระถางกล้วยไม้

อวี๋หวั่นเอ่ยเรียก “เสี่ยวลิ่วได้ข่าวจากอิ่งสือซันบ้างหรือไม่?”

อิ่งสือซันถูกทิ้งให้รอชุยเฒ่าเตรียมยาถอนพิษสำหรับเยี่ยนจิ่วเฉาอยู่ในหมู่บ้านเหลียนฮวา

นัยน์ตาอิ่งลิ่วเป็นประกาย เขาเอ่ย “อา ชุยเฒ่าไม่รู้ว่าไปที่ใด ทิ้งข้อความไว้ว่าจะรีบกลับมาก่อนท่านจะคลอดบุตรขอรับ!”

อวี๋หวั่นสงสัย “กลับมาก่อนข้าคลอด? เช่นนั้นพิษไป๋หลี่เซียงในกายเยี่ยนจิ่วเฉาจะทำเช่นไรเล่า?”

อิ่งลิ่วเอ่ย “ท่านคลอดบุตรเรียบร้อยแล้วค่อยเตรียมยาถอนพิษอย่างไรละ!”

“หือ?” อวี๋หวั่นมองเขาอย่างงวยงง

อิ่งลิ่วใจเต้นตึกตัก แย่แล้ว เกือบปากสว่างแล้วสิ!

อิ่งลิ่วตัดสินใจต่อสู้อีกครั้ง “ข้า ข้า ข้า…ข้าหมายถึง หลังจากท่านให้กำเนิดบุตรแล้ว คุณชายจึงจะถอนพิษได้อย่างวางใจ!”

อวี๋หวั่นเอ่ย “นี่มันคนละเรื่องกัน ชุยเฒ่าไม่ได้เรื่องได้ราว! หากรู้แต่แรก ข้าจะนำใบสั่งยามาจากเขาแล้วทำยาถอนพิษด้วยตัวเอง!”

วัตถุดิบยายังอยู่ในท้อง ท่านจะเอาสิ่งใดมาทำกันละ?

อิ่งลิ่วไม่กล้าเอ่ยออกไป

แต่อย่างน้อยก็ขจัดความสงสัยของฮูหยินน้อยไปได้มิใช่หรือ?

อิ่งลิ่วรู้สึกว่า หากฮูหยินน้อยรู้ว่าตนไม่ใช่สตรีศักดิ์สิทธิ์ ไม่ได้มีพลังแข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ ต้องเสียใจมากเป็นแน่ บัดนี้นางยังคงหมกมุ่นอยู่ในความลุ่มหลงตนเองว่า ‘ข้ามีสายเลือดสตรีศักดิ์สิทธิ์อยู่จริงๆ เหตุใดข้าถึงได้แข็งแกร่งและเก่งกาจเช่นนี้นะ’…

อิ่งลิ่วกระแอมในลำคอ “อะแฮ่ม เอ่อ ข้าย้ายกล้วยไม้เข้าไปละขอรับ”

“เอ——” อวี๋หวั่นรู้สึกมีบางอย่างผิดปกติ

“พระชายารัชทายาทถูกวางยา!” อิ่งลิ่วทำท่าตกใจอย่างแรง!

…………………

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]