ชายชราที่ไม่รู้ตัวเลยว่าเกิดอะไรขึ้น ลืมตากะพริบ เอ่อ…นี่ข้าออกมาแล้วหรือ?
อสูรร้ายไร้ปรานี แขวนร่างของเขากับกิ่งของต้นไม้อย่างลวกๆ
ชายชราห้อยต่องแต่งอย่างน่าเวทนา จะขึ้นก็ขึ้นไม่ได้ จะลงก็ลงไม่ไหว
ทว่ามุมมองข้างบนนี้ไม่เลวทีเดียว สามารถมองเห็นส่วนใหญ่ของจวนประมุขหญิงอันกว้างขวางเหลือคณานับ ทิวทัศน์ของจวนประมุขหญิงวิจิตรงดงาม ยามค่ำคืนมีเสน่ห์น่าหลงใหล เขาเพลิดเพลินไปกับการชื่นชมอย่างมาก
เมื่อกิ่งไม้รับน้ำหนักมากเกินกว่าที่ควร ในที่สุดมันก็รับไม่ไหวและหักครืนลงมา
ชายชราร่วงลงมาอย่างไร้แรงต้านทาน เคราะห์ดีที่ไม่ตกกระแทกพื้นโดยตรง หากแต่มีหลังม้าตัวหนึ่งรองรับไว้และกระดอนกลิ้งไปกับพื้น
กลางดึกเช่นนี้ ถนนหนทางไร้ผู้คน ไหนเลยสารถีจะคาดคิดว่า จู่ๆ จะมีคนตกลงมาจากท้องฟ้า
ม้าตกใจสุดขีด ส่งเสียงกรีดร้องคำรามลั่น
สารถีดึงรั้งบังเหียนเพื่อหยุดรถม้าในทันใด
“เกิดอะไรขึ้น?”
คนในรถม้าเอ่ยถาม
สารถีรถม้ากล่าว “เรียนท่านราชบุตรเขย เมื่อครู่มีคนคนหนึ่งตกจากท้องฟ้ามาโดนม้าของเราพ่ะย่ะค่ะ!”
ราชบุตรเขยเปิดม่านมองออกไปเห็นชายชรานอนอยู่บนถนน “รีบเข้าไปดูว่าเขาเป็นอย่างไรบ้าง”
“พ่ะย่ะค่ะ ราชบุตรเขย!” ราชบุตรเขยกระโดดลงจากรถม้า
ชายชราถูกกระแทกจนมึนงงสติหลุดลอย บนหน้าผากมีรอยปูดโนกลมใหญ่
เมื่อสารถีเดินเข้าไปดู พบว่าเป็นชายสูงอายุ ความกังวลในใจก็ยิ่งทวีคูณ การกระแทกเมื่อครู่แม้แต่คนหนุ่มยังแทบไม่อาจทานไหว เขาคงมิได้ตายคาที่แล้วกระมัง?
ด้วยความสัตย์จริง เขาพยายามดูทางสุดความสามารถแล้ว เขาหาได้ควบม้าชน แต่หากชายชราตายขึ้นมาจริงๆ ก็อาจตกเป็นความผิดของเขากับราชบุตรเขยได้
ขณะที่สารถีรถม้ายังขวัญเสียไม่หาย จู่ๆ ชายชราก็หายใจเฮือกหนึ่ง ทำเอาสารถีตกใจแทบเข่าทรุดลงตรงนั้น!
“พะ…พยุงข้าที” ชายชรามองเห็นชายหนุ่มที่อยู่ด้านข้าง พลันยื่นมือไปทางเขา
“คง…ยังมีชีวิตอยู่กระมัง?” สารถียื่นมืออันสั่นเทาออกไปแตะบนหลังมือของเขาอย่างรวดเร็ว เมื่อสัมผัสได้ถึงความอุ่น จึงพยุงให้อีกฝ่ายลุกขึ้นนั่ง
หลังจากลุกขึ้นนั่ง ลมหายใจของชายชราก็สม่ำเสมอขึ้นมาก
“เขาไม่เป็นไรใช่หรือไม่?” ราชบุตรเขยเอ่ยถาม
“เรียน…” สารถีกำลังจะรายงานแก่ราชบุตรเขย แต่เมื่อคำพูดขึ้นมาแตะริมฝีปาก เขาพลันนึกขึ้นได้ว่าการเดินทางครั้งนี้ ราชบุตรเขยปลอมตัวเป็นสามัญชน ไม่ต้องการให้คนอื่นรับรู้ถึงตัวตนของเขา จึงรีบปรับเปลี่ยนวาจา “เรียนนายท่าน ดูแล้วไม่มีปัญหาใหญ่อะไร”
ราชบุตรเขยเปิดม่านขึ้นเล็กน้อย มองออกไปที่ชายชรา “เจ้าพักอยู่ที่ใด? ข้าจะพาเจ้าไปที่โรงรักษาก่อน แล้วจึงแจ้งให้ครอบครัวเจ้าทราบ”
ชายชราโบกไม้โบกมือปฏิเสธ “ไม่ต้องไปสถานพยาบาลหรอก เจ้าพาข้ากลับไปเลยดีกว่า”
จวนประมุขหญิงอยู่ห่างไกลจากจวนเห้อเหลียนเป็นอย่างมาก หากเดินกลับไปด้วยสองขาแก่ๆ ของเขา วันพรุ่งก็คงยังไม่ถึง
ราชบุตรเขยครุ่นคิด “มิสู้หาโรงรักษาที่ใกล้ที่สุดระหว่างทางกลับ”
“ที่บ้านของข้ามีหมออยู่” ชายชรากล่าว
“หากเป็นเช่นนั้น ก็เชิญขึ้นรถเถิด” ราชบุตรเขยกล่าวอย่างสุภาพ
อา… แม้การที่ชายแก่สกปรกมานั่งร่วมเกวียนเดียวกับราชบุตรเขยจะทำให้สารถีไม่ชอบใจนัก ทว่าการตัดสินใจของราชบุตรเขย ต่อให้ใช้ม้าแปดตัวลากก็กู่ไม่กลับ
สารถีจำใจเชิญชายชราขึ้นรถม้าด้วยความสุภาพอ่อนน้อม
เดิมทีสารถีรถม้าผู้นี้เป็นคนที่ประมุขหญิงแต่งตั้งให้รับใช้ราชบุตรเขย ทว่าเมื่อผ่านมานานหลายปี เขาก็เห็นราชบุตรเขยเป็นเจ้านายตัวจริงของเขา เขาไม่อาจขัดคำสั่งของราชบุตรเขย และไม่อาจเปิดเผยสิ่งที่ไม่ควรเปิดเผย
แต่ทว่า เขาย่อมคำนึงถึงความปลอดภัยของตนเองเช่นกัน อย่างเรื่องที่ราชบุตรเขยเคยไปที่จวนเห้อเหลียน และได้พบกับคุณชายใหญ่ผู้หนึ่ง ประมุขหญิงเตือนมิให้เขากล่าวถึงเรื่องนี้ เขาก็ไม่ได้กล่าวถึงจริงๆ
แน่นอน มิใช่เขารักตัวกลัวตายเสียทั้งหมด ทว่าเรื่องบางเรื่องกล่าวไปก็ไร้ประโยชน์ ผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุด เขาก็ถูกขับไล่ออกไป และมีสารถีคนใหม่เข้ามาแทน แต่ไม่แน่ว่าจะภักดีกับราชบุตรเขยเท่าเขา
“หากท่านนั่งดีแล้ว รถม้าจะเริ่มเดินทาง ท่านต้องการไปที่ใดหรือ?” สารถีเอ่ยถาม
“จวนเห้อเหลียน” ชายชรากล่าว
สีหน้าสารถีเคร่งขรึมขึ้นทันควัน
ราชบุตรเขยก็ชะงักไป
สารถีเอ่ย “มิเช่นนั้นนายท่านกลับไปก่อน แล้วข้า…ข้าไปส่งชายแก่เองน่าจะดีกว่านะขอรับ”
จวนประมุขหญิงอยู่ด้านหน้า ราชบุตรเขยสามารถลงจากรถและเดินกลับไปเองได้ ไม่จำเป็นต้องเหน็ดเหนื่อยกับการเดินทาง แต่ไม่ทราบเหตุใดราชบุตรเขยกลับรู้สึกอยากไป
“ไม่ละ” ราชบุตรเขยเอ่ย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]