ลานกว้างเต็มไปด้วยสีสันแพรวพราว กองไฟสุกสว่าง กลุ่มคนนั่งล้อมวง ย่าง เนื้อ กิน!
ชายชราอ้าปากค้าง ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็น!
หนึ่ง สอง สาม สี่…แปด!
อยู่ที่นี่กันหมด!
เขาถูกคนจับตัวไป ทว่าคนไร้จิตสำนึกพวกนี้ไม่ออกตามหา กลับมานั่งกินดื่มอย่างสนุกสนานในลานนี่?!
“โอ้” อวี๋หวั่นที่กำลังเสียบเนื้อย่างให้กับจื่อซูและฝูหลิงหยุดชะงัก “พวกเราลืมอะไรไปใช่หรือไม่?”
กลุ่มคนตกอยู่ในความเงียบสงัด
หลังจากผ่านไปชั่วเวลาหนึ่ง ชิงเหยียนพลันตบต้นขาของเขาอย่างรุนแรง “ยังไม่ได้หยิบน้ำส้มสายชูมาเลย! จิ่วเฉาน้อยชอบกินน้ำส้มสายชูที่สุด!”
เยี่ยนจิ่วเฉาเหลือบสายตาเย็นเยียบมองเขา
“ข้าไปหยิบเอง ข้าไปหยิบเอง!” ชิงเหยียนเดินไปพลางหัวเราะแห้ง
ชายชรามุมปากกระตุก
“ไม่ ไม่ใช่สิ่งนี้” อวี๋หวั่นกล่าวอย่างครุ่นคิด
“อ้า ข้าจำได้แล้ว!” เจียงไห่ตบต้นขาพลันลุกขึ้นยืนและเดินไปที่ห้องของชายชรา
ชายชรา: ฮึ นับว่าเจ้ายังพอมีจิตสำนึก
เจียงไห่เดินออกมาพร้อมกับขวดเหล้าที่ปิดสนิท กระซิบว่า “เหล้าสลักดอกไม้ชั้นเลิศ!”
ชายชราโมโหแทบหงายหลัง!
“ดูเหมือนนี่ก็ยังไม่ใช่” อวี๋หวั่นขมวดคิ้วตรึกตรอง “ขาดใครคนหนึ่งไปหรือไม่?”
นัยน์ตาหม่นหมองของชายชรากลับมาสดใสอีกครั้ง
ชิงเหยียนสบตากับเจียงไห่ เอ่ยขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกัน “ชุยเฒ่า!”
ชายชราที่แทบอยากตายอยู่ตรงนี้ “…”
แม้แต่ชุยเฒ่าก็ยังสำคัญกว่าเขา?!
อยากจะเฆี่ยนไอ้เด็กสารเลวพวกนี้ให้ตายจริงๆ!!!
“โอ้!” อวี๋หวั่นสังเกตเห็นคนที่หน้าประตูลาน พลันลุกขึ้นยืนตะลึงงัน เนื้อเสียบไม้ในมือร่วงลงพื้น
“นี่ อาหวั่น!” ชิงเหยียนคว้าเนื้อเสียบไม้ ทว่าคว้าไว้ไม่ทัน พลันร้องอุทานด้วยความเจ็บปวด จากนั้นเขาหันไปเห็นสีหน้าตื่นตะลึงของอวี๋หวั่น จึงมองตามสายตาของเธอไป ทันใดนั้นเนื้อเสียบไม้ในมือของเขาก็ร่วงลงพื้นอีกเช่นกัน
ชายชรา : ในที่สุดก็พบว่าข้าหายไปแล้วกระมัง? รู้สึกผิดใช่ไหมละ? ละอายใจจนควบคุมตัวเองไม่ได้เลยละสิ?
อวี๋หวั่นเดินไปหาทั้งสองอย่างงุนงง
ชายชรายื่นมือออกมาและกล่าวอย่างเฉยเมย “เอาละ รู้แล้วว่าพวกเจ้าไม่ได้ตั้ง…”
“ท่านคือ…ราชบุตรเขยหรือ?”
ชายชรากล่าวไปได้ครึ่งหนึ่ง ก็ถูกขัดจังหวะด้วยน้ำเสียงตื่นตกใจของอวี๋หวั่น
เขาไม่มีแก่จิตแก่ใจไปตกตะลึงกับคำว่าราชบุตรเขยที่อวี๋หวั่นกล่าว รู้สึกแต่เพียงค่ำคืนนี้ชีวิตเขาช่างน่าอดสูยิ่งนัก…
เสียงของอวี๋หวั่นไม่ได้ดังแต่อย่างใด ทว่าก็เพียงพอให้เหล่ายอดฝีมือในลานได้รับรู้ ทุกคนต่างหยุดแน่นิ่ง เสียงเอะอะในลานพลันเงียบสงัด
เนื้อย่างที่ยกมาอยู่ที่ริมฝีปากของเยี่ยนจิ่วเฉาก็หยุดชะงักลงทันที
ลานกว้างเงียบเชียบจนน่าหวาดหวั่น
อวี๋หวั่นไม่เคยพบราชบุตรเขยมาก่อน ทว่ายามที่บุรุษผู้นี้ปรากฏตัวต่อหน้าเธอ เธอก็นึกออกได้ทันทีว่าเขาคือใคร ไม่อาจบอกได้แน่ชัดว่าเพราะกลิ่นอายที่คล้ายกับเยี่ยนจิ่วเฉาของเขา หรือหน้ากากที่ไม่หายไปจากข่าวลือ
เธอนึกถึงครั้งแรกที่พบกันที่ชั้นหนึ่ง แม้เธอจะไม่ได้ยินที่เขาคุยกับองค์หญิงน้อย ทว่าขอเพียงเธอได้พบกับเขา อย่างไรก็ไม่มีทางผิดพลาด
“เยี่ยนจิ่วเฉา” อวี๋หวั่นหันมองใบหน้าที่ไม่แยแสของสามี
“อะแฮ่ม!” ชิงเหยียนกระแอมพลางส่งสายตาให้อาเว่ยกับเยว่โกว ในวันธรรมดาพวกเขาเข้าใจกันโดยไม่ต้องเอ่ยคำพูด แต่คืนนี้กลับเข้าใจแจ่มแจ้งอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ทั้งสามคนวางเนื้อเสียบไม้ออกจากลานไปอย่างเงียบๆ
จากนั้นเจียงไห่ จื่อซูและฝูหลิงก็กลับไปที่ห้องของตนเอง
“กินกันอร่อยหรือไม่?” ชุยเฒ่าเดินมาอย่างมีความสุข ทว่าทันทีที่ก้าวเข้าไปในลานก็สังเกตเห็นบรรยากาศที่ไม่ปกติ เขามองพรรคพวก คนแปลกหน้าที่ไม่ทราบว่ามาจากที่ใด พลันกล่าวด้วยความสงสัย “เขาเป็นใครรึ?”
ชายชราเดินจากไปอย่างโกรธเคือง
อวี๋หวั่นก็เข้าห้องตำราไปโดยไม่เอื้อนเอ่ยสิ่งใด
“อ้าว เหตุใดแยกย้ายไปกัน…หมด?” เสียงค่อยๆ ลดลงจนจบประโยค ชุยเฒ่าหดคออย่างขุ่นเคือง คว้าไม้เนื้อย่างสองสามอัน ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องของอาม่าอย่างเงียบๆ
เหลือเพียงเยี่ยนจิ่วเฉากับราชบุตรเขยที่ยังอยู่ในลานกว้าง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]