สิ้นประโยค ราชบุตรเขยก็หมดสติลงเพราะอาการปวดที่รุนแรงเกินไป
จื่อซูและฝูหลิงรีบไปจัดเตรียมห้อง เจียงไห่อุ้มคนผู้นั้นเข้าไปข้างใน วางลงบนเตียงที่เปลี่ยนฟูกใหม่
บทสนทนาของคนทั้งสามเมื่อครู่ หากไม่ได้หูหนวก ทุกคนล้วนได้ยินทั้งหมด คุณชายที่สวมหน้ากากผู้นี้เป็นราชบุตรเขยแห่งจวนประมุขหญิง ทว่ากลับยังเป็นบิดาของเยี่ยนจิ่วเฉาที่ล่วงลับไปหลายปี ไม่รู้เลยจริงๆ ว่าระหว่างนั้นเกิดอะไรขึ้น เหตุใดเยี่ยนอ๋องถึงแกล้งตาย ทอดทิ้งภรรยากับบุตรไว้เบื้องหลัง และมาเป็นราชบุตรเขยแห่งหนานจ้าว?
ทุกคนมีใจอยากจะถาม ทว่าหวาดกลัวสีหน้าเย็นชาที่พอจะแช่แข็งคนให้ตายได้ของเยี่ยนจิ่วเฉา จนแม้กระทั่งคำพูดสักคำก็ไม่กล้าเอ่ยออกมา
แต่แม้ไม่พูด ผู้คนก็ไม่ยอมจากไป
“พวกเจ้ายังมีอะไรอีก?” เยี่ยนจิ่วเฉาเอ่ยถามเสียงเย็น
ทุกคนส่ายศีรษะราวกับของเล่นป๋องแป๋ง
เราเพียงอยากชมความตื่นเต้น
“ออกไปให้หมดนั่นแหละ บังแสงหมดแล้ว!” ชุยเฒ่าพาเจียงไห่กับพวกชิงเหยียนสามคนออกไป
แม้ว่าพวกเขาทั้งสี่คนจะออกไปจากห้องแล้ว แต่ก็เดินเล่นไปมาอยู่ในลานด้านนอก พร้อมกับหยิบเนื้อย่างคนละไม้ เดินวนไปนั่งยองๆ รอบขอบหน้าต่างด้วยความเข้าใจโดยปริยาย
เรื่องของจิ่วเฉาน้อย ต่อให้เป็นตายอย่างไรก็ต้องฟัง
ปัง
บานหน้าต่างระแนงไม้ถูกผลักออก
คนทั้งสี่ที่กำลังนั่งยองๆ ท่าชาวนาเงยหน้าขึ้นทีละคน สบกับใบหน้าเย็นชาของเยี่ยนจิ่วเฉา
“กิน กินไม้ย่างไหม?” เยว่โกวยื่นไม้เสียบเปล่าๆ ให้
“ท่านหมอซุย ล่วมยาของท่าน” จื่อซูถือล่วมยาของชุยเฒ่ามา “ต้องการให้คนไปเตรียมน้ำร้อนมาหรือไม่?”
ชุยเฒ่าหยิบถุงสมุนไพรเล็กๆ ออกมาจากกล่อง “เอาอันนี้ไปต้มก่อน เริ่มต้นใช้ไฟแรง และใช้ไฟอ่อนเคี่ยวประมาณสองเค่อ”
“เจ้าค่ะ!” จื่อซูรับถุงยาและเดินจากไป
ชุยเฒ่าสั่งต่อ “ฝูหลิงไปเก็บดอกสายน้ำผึ้งจากโถงบุปผามาสักหน่อย”
โถงบุปผาแห่งจวนตะวันออกเดิมทีฮูหยินผู้เฒ่าสั่งให้คนสร้างขึ้นในชั่วข้ามคืน เพื่อให้เหลนรักตัวน้อยมีความสุข ทว่าไข่ดำทั้งสามมักจะไปสร้างความหายนะ ดอกไม้พืชพันธุ์ประหลาดยังหวาดกลัวจะผลิบาน ชุยเฒ่าใช้ทุกโอกาสอย่างคุ้มค่า ปลูกสมุนไพรที่น่าเกลียดไว้ในนั้น
ฝูหลิงไปเก็บดอกสายน้ำผึ้งมา และเทน้ำเย็นมาอีกถังหนึ่ง
อวี๋หวั่นเริ่มลงมือทำความสะอาดดอกสายน้ำผึ้ง
ในขณะที่ทำความสะอาด เธอยังไม่ลืมที่จะสังเกตสีหน้าของเยี่ยนจิ่วเฉา
คุณชายผู้ดีมีเงินที่ไม่ยอมอยู่ใต้อำนาจใคร ทว่าภายในใจกลับทำให้ผู้คนคาดเดาไม่ออกอยู่เสมอ เฉกเช่นในตอนนี้ อวี๋หวั่นไม่สามารถเดาได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ แต่เขายอมถูกเธอลากเข้ามา และหลังจากเธอปล่อยมือ เขาก็ไม่ได้เดินหนีไป กล่าวได้ว่าแท้จริงแล้วเขาคงอยากเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับราชบุตรเขยกระมัง
เขาเป็นคนอารมณ์ร้าย แต่เขาไม่เคยทำอะไรไปตามอารมณ์
ยามจำเป็น กลับสงบเยือกเย็นจนชวนให้รู้สึกทึ่ง
อวี๋หวั่นคิดว่า ถ้าเปลี่ยนเป็นตัวเอง คงไม่สามารถทำได้ดีไปกว่าเขาเป็นแน่
หลังจากล้างดอกสายน้ำผึ้ง จื่อซูก็นำส่วนหนึ่งไปต้มน้ำ อีกส่วนหนึ่งที่เหลือ อวี๋หวั่นนำมาบดให้เป็นน้ำ
ชุยเฒ่ายื่นยาหนึ่งเม็ดให้อวี๋หวั่น “นำสิ่งนี้ไปบดและผสมกับดอกสายน้ำผึ้ง”
ดอกสายน้ำผึ้งมีฤทธิ์ในการล้างพิษ แต่ไม่รู้ว่ายานี้มีไว้เพื่ออะไร อวี๋หวั่นบดเม็ดยาและเอ่ยถามเบาๆ “เมื่อครู่ท่านบอกว่าเขาถูกวางยา มันคือพิษหรือไม่?”
ชุยเฒ่ากล่าวว่า “ไม่นับว่าเป็นพิษ แต่หาใช่สิ่งที่ดี”
“หมายความว่าอย่างไร?” อวี๋หวั่นไม่เข้าใจ
“ท่านหมอชุย ยาต้มเสร็จแล้ว!” จื่อซูเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับถาดชามยาร้อนกรุ่น
“วางไว้ตรงนั้นเถิด” ชุยเฒ่าชี้ไปที่โต๊ะ
จื่อซูวางถาดไว้บนโต๊ะแปดเซียน
ชุยเฒ่าปักเข็มทองลงบนจุดฝังเข็มของราชบุตรเขยสองสามจุด และกล่าวกับอวี๋หวั่น “อีกประเดี๋ยวเขาตื่นขึ้น ให้ดื่มยาทั้งสองชนิด”
“ดอกสายน้ำผึ้งที่ฝูหลิงต้มอยู่ที่ใด?”
ชุยเฒ่าฮึดฮัด “นั่นให้พวกเจ้า! กินของร้อนใน ในวันที่อากาศร้อนเช่นนี้ ไม่เห็นหรือว่าปากบวมกันหมดแล้ว!”
อวี๋หวั่นปิดปากที่บวมจนเป็นไส้กรอกน้อยๆ
ชุยเฒ่าจัดเก็บล่วมยา
อวี๋หวั่นเม้มริมฝีปากและถามว่า “เช่นนั้นเขาจะดีขึ้นได้หรือไม่? จะสามารถนึกเรื่องในอดีตออกหรือไม่?”
ชุยเฒ่าหอบหิ้วล่วมยาขึ้นมา “นั่นขึ้นอยู่กับความโชคดีของเขา หากเป็นพิษข้าคงถอนไปแล้ว ทว่านี่ไม่ใช่พิษ จึงไม่มีทางแก้”
เป็นคำตอบที่ดูเหมือนไม่ได้ตอบ อวี๋หวั่นเม้มริมฝีปาก เมื่อคิดขึ้นได้ จึงถอดหน้ากากของเขาออก “เช่นนั้นแผลเป็นของเขาเล่า? จะรักษาได้หรือไม่?”
ชุยเฒ่าเหลือบมองเนือยนิ่ง “ไม่ได้แล้ว ทิ้งเวลามานานเกินไป”
และแผลก็ลึกเกินไป
ไม่รู้เลยว่าทำได้อย่างไร จิตใจไร้เมตตาปรานีเสียจริง
ชุยเฒ่าง่วง เดินหาวกลับไปที่ห้อง
……………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]