หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3] นิยาย บท 27

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] – บทที่ 27.1 ครอบครัวสี่คน ลูกชายเรียกพ่อ (1)
บทที่ 27 ครอบครัวสี่คน ลูกชายเรียกพ่อ (1)
โดย
Ink Stone_Romance
อวี๋เซ่าชิงได้รับการปล่อยตัวออกมาตามคำแนะนำของเหล่าขุนนางที่ทูลต่อฮ่องเต้ ทว่าเขายังเป็นผู้ต้องสงสัย จึงไม่อาจขยับตัวออกจากตำบลเหลียนฮวาได้ กระนั้นคนที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยเช่นเดียวกันอย่างเหยียนฉงหมิงก็ไม่สามารถออกไปจากเมืองหลวงได้

ระหว่างคนสองคน มีคนหนึ่งที่เป็นวีรบุรุษตัวจริง ชาวบ้านมิได้มีความเห็นต่อท่าทีของฮ่องเต้ เพียงแต่ตั้งหน้าตั้งตารอให้หาหลักฐานพบและเปิดเผยความจริงได้ในเร็ววัน

ฮ่องเต้มอบหมายเรื่องนี้ให้องค์ชายรอง ให้เขาร่วมมือกับคุกหลวงสืบหาความจริง

หลังจากเข้าเฝ้าเสร็จ เหยียนฉงหมิงมิได้ไปที่ใดต่อ เขาห้อตะบึงกลับจวนสกุลเหยียนทันที

เขารีบร้อนรุดเข้าไปยังเรือนชั้นใน แล้วถามสาวใช้ซึ่งกำลังกวาดพื้นอยู่ “คุณหนูใหญ่เล่า?”

สาวใช้ถูกนายท่านซึ่งโผล่มาจากที่ใดก็ไม่รู้ทำให้ตกใจกลัว จึงตอบตะกุกตะกักว่า “อยู่…อยู่ที่ศาลาเจ้าค่ะ”

เหยียนหรูอวี้กำลังเดินหมากล้อมอยู่ในศาลา หมากล้อมชุดนี้ตกทอดมานับร้อยปี ว่ากันว่าไม่มีผู้ใดแก้ได้ นางไม่เชื่อเป็นอันขาด

ลี่จื่อถูกรถม้าขององค์หญิงซยงหนูทับจนขาหัก ทุกวันนี้ข้างกายของเหยียนหรูอวี้ได้เปลี่ยนเป็นบ่าวระดับสองคนหนึ่ง นางชื่อว่าไฉ่ฉิน

ไฉ่ฉินไม่ได้ฉลาดเฉลียวเท่าลี่จือ ทว่ากลับไม่ได้เอะอายโวยวายเหมือนลี่จือ นางเพียงยืนนิ่งเงียบอยู่ด้านข้าง

“น้องสาว!” เหยียนเซี่ยเดินเข้ามา ใช้สายตาประเมินไฉ่ฉิน

เหยียนหรูอวี้พูดอย่างไม่รีบร้อน “อย่ายุ่มย่ามกับบ่าวของข้า”

เหยียนเซี่ยเบะปาก เขาเป็นนายท่านของจวนนี้ ยุ่มย่ามกับบ่าวแล้วอย่างไร? เพียงแต่บ่าวคนนี้ยืนนิ่ง มิได้ประจบประแจงเขาเหมือนกับลี่จือ ทำให้เหยียนเซี่ยหมดความสนใจในบัดดล หันไปจับจ้องเหยียนหรูอวี้ด้วยสายตาเปี่ยมความคาดหวัง “น้องสาวเดินหมากอยู่หรือ? เล่นคนเดียวจะไปสนุกอะไร? พี่ชายจะเล่นเป็นเพื่อนเจ้าเอง!”

พูดจบก็ปัดหมากทั้งกระดาน ทำให้ความพยายามของเหยียนหรูอวี้ตลอดช่วงเช้านั้นหายลับไปกับตา

เหยียนหรูอวี้สีหน้าถมึงทึง “หากท่านไม่มีอะไรทำก็ไปเรียนหนังสือหรือรำกระบี่สิ! อย่ามาหาเรื่องข้า!”

เหยียนเซี่ยโมโหจนตาปูดโปน “เจ้าพูดกับพี่ใหญ่เจ้าแบบนี้รึ? เจ้าไม่รู้จักลำดับอาวุโสหรืออย่างไร? ข้าว่าหลังจากที่เจ้าเกี่ยวดองกับจวนคุณชายเยี่ยนแล้ว เจ้าก็ยิ่งไม่เห็นพี่ชายอยู่ในสายตา! เจ้าคิดว่าเจ้าเก่งกาจนักหรือ?”

เหยียนหรูอวี้กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “ข้าไม่เก่งกาจ? เช่นนั้นท่านพี่ออกมาจากคุกหลวงได้อย่างไร? สกุลเหยียนพ้นโทษได้อย่างไร? ท่านพ่อได้เป็นท่านโหวได้อย่างไร? พี่ใหญ่ทำเรื่องรนหาที่ตายมากเพียงนั้น แต่ยังมีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้ได้อย่างไรกัน?”

“จะ…เจ้า…” เหยียนเซี่ยพูดจาตะกุกตะกัก เด็กคนนี้กล่าวได้ถูกต้องทุกประการ ที่สกุลเหยียนกลับมายิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง ก็ล้วนเป็นเพราะน้องสาวของเขา มิเช่นนั้นครอบครัวของเขาก็คงยังนอนอยู่ในคุก อย่าว่าแต่ท่านพ่อของพวกเขาได้เป็นท่านโหวเลย แม้แต่ข้าวก็เกรงว่าคงจะกินไม่อิ่มท้อง

เข้าใจก็เข้าใจอยู่หรอก แต่เหยียนหรูอวี้ปฏิบัติต่อเขาเช่นนี้ ทำให้เหยียนเซี่ยโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ จ้องเขม็งไปยังเหยียนหรูอวี้ แค่นเสียงขึ้นจมูก “อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ความลับของเจ้า”

เหยียนหรูอวี้สีหน้าขึงขังขึ้นทันที “ความลับอันใด?”

สายตาของเหยียนเซี่ยไปหยุดที่หน้าท้องแบนราบของเหยียนหรูอวี้

เหยียนหรูอวี้กำหมัดใต้แขนเสื้อแน่น

“อวี้เอ๋อร์!”

เหยียนฉงหมิงเข้ามาขัดจังหวะช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานของสองพี่น้อง เขาจับเสื้อขึ้น หายใจเป็นช่วงๆ แล้วบอกกับไฉ่ฉินว่า

“ไป…ไปรินน้ำชามาให้ข้า!”

“เจ้าค่ะ” ไฉ่ฉินตอบรับ

สองพี่น้องปรับสีหน้าเป็นปกติ

“เจ้ามาทำอะไรที่นี่?” เหยียนฉงหมิงเอ่ยถามบุตรชาย

เหยียนเซี่ยกล่าวว่า “ข้ามาเดินหมากเป็นเพื่อนน้อง”

เหยียนฉงหมิงถลึงตาใส่บุตรชาย “ความสามารถด้านหมากล้อมของเจ้าต่ำเตี้ยเรี่ยดินเช่นนี้ ข้าว่าเจ้าต้องแพ้น้องอย่างแน่นอน! ยังไม่รีบไปเรียนหนังสืออีก! โตถึงเพียงนี้ จะรอให้ข้าขอตำแหน่งให้เจ้าหรืออย่างไร?”

ทุกคนในบ้านล้วนรักและเอ็นดูน้องสาว นับวันเขายิ่งไม่เหลือที่ยืนในบ้าน เหยียนเซี่ยแค่นเสียงขึ้นจมูก สะบัดแขนเสื้อเดินออกไปจากศาลา

โดยรอบปราศจากคน เหยียนฉงหมิงนั่งลงด้วยความตื่นตระหนก “อวี้เอ๋อร์ เกิดเรื่องใหญ่แล้ว! อวี๋เซ่าชิงออกมาจากคุกแล้ว!”

“แต่ว่า…” เรื่องนี้เหยียนฉงหมิงเข้าใจดี กระนั้นก็ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้เขาวางใจไม่ลง “แม่ทัพเซียวมีทหารคนสนิทชื่อว่าโจวไหว เขารู้ว่าข้าไม่เคยพบกับแม่ทัพเซียว อู๋ซันกำลังไปตามหาเขา หากพาเขากลับมาได้จริง เรื่องนี้ก็จะเลยเถิดกันไปใหญ่”

เหยียนหรูอวี้หลุบตาลง บีบหมากสีดำในมือแน่น “ให้พวกเขามีปัญญาตามเขาเจอแล้วค่อยว่ากัน”

……

อวี๋เซ่าชิงได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว คนสกุลอวี๋ต่างก็โล่งอกโล่งใจไปตามกัน ก่อนหน้าที่อู๋ซันมาที่บ้านและเล่าว่าอวี๋เซ่าชิงถูกจับเข้าคุกหลวง ลุงใหญ่และป้าสะใภ้ใหญ่เกือบลมจับเสียแล้ว โชคดีที่ในตอนนี้อวี๋เซ่าชิงกลับมาแล้ว

ได้ยินว่าชีวิตในคุกนั้นแสนลำบาก คนที่ถูกจับเข้าไปล้วนถูกทุบตีและปล่อยให้หิวโหย น้องสามจะต้องทุกข์ทรมานเป็นแน่

เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าม้าด้านหน้าประตู ลุงใหญ่ก็ถือไม้เท้าเดินออกไป “น้องสามเจ้าดูผอม…ท้วมแล้ว…”

เขาไม่ได้รู้สึกไปเองใช่หรือไม่? เหตุใดน้องสามเข้าคุกไป แต่หน้ากลมขึ้นเล่า?

ในกองทัพยังต้องฝึกซ้อมและออกรบ แต่อยู่ในคุกหลวงกับได้แต่นอนๆๆ กินๆๆ แล้วก็นอนๆๆ แล้วก็กินๆๆ อาหารที่ลุงวั่นจัดเตรียมให้นั้นมีมากและหลากหลายเสียยิ่งกว่าอาหารในคืนฉลองวันส่งท้ายปี อวี๋เซ่าชิงรู้สึกเสียดาย จึงกินจนหน้ากลมด้วยประการฉะนี้

ทว่าที่กล่าวว่าหน้ากลมนั้น ก็เพราะเปรียบเทียบกับอวี๋เซ่าชิงผู้ผอมโซก่อนหน้านี้ การข้ามหุบเขาหิมะทำให้เหล่าทหารกล้าล้วนผ่ายผอม ในระยะเวลาครึ่งเดือนก็ไม่อาจทำให้อวี๋เซ่าชิงมีเนื้อหนังขึ้นมาได้ แต่ลุงวั่นมีวิธี

บัดนี้อวี๋เซ่าชิงร่างกายกำยำและหล่อเหลาอย่างแท้จริง จนนางเจียงยืนตาเป็นประกายอยู่ข้างๆ

“ซู้ด~” นางเจียงสูดน้ำลาย

ฝีมือทำอาหารของลุงใหญ่นั้นยอดเยี่ยม แต่สิ่งที่อวี๋เซ่าชิงชอบกินมากที่สุดกลับเป็นพริกหยวกทอดและไข่เจียวกุยช่ายฝีมือป้าสะใภ้ใหญ่ เพราะให้ความรู้สึกประหนึ่งรสมือแม่

…………………………………………………

[1] ไม้เด่นเกินพงพนา ลมพัดมาย่อมหักโค่น เปรียบเปรยถึงผู้ที่โดดเด่น ย่อมตกเป็นเป้าหมายในการโจมตี

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]