ระหว่างคนสองคน มีคนหนึ่งที่เป็นวีรบุรุษตัวจริง ชาวบ้านมิได้มีความเห็นต่อท่าทีของฮ่องเต้ เพียงแต่ตั้งหน้าตั้งตารอให้หาหลักฐานพบและเปิดเผยความจริงได้ในเร็ววัน
ฮ่องเต้มอบหมายเรื่องนี้ให้องค์ชายรอง ให้เขาร่วมมือกับคุกหลวงสืบหาความจริง
หลังจากเข้าเฝ้าเสร็จ เหยียนฉงหมิงมิได้ไปที่ใดต่อ เขาห้อตะบึงกลับจวนสกุลเหยียนทันที
เขารีบร้อนรุดเข้าไปยังเรือนชั้นใน แล้วถามสาวใช้ซึ่งกำลังกวาดพื้นอยู่ “คุณหนูใหญ่เล่า?”
สาวใช้ถูกนายท่านซึ่งโผล่มาจากที่ใดก็ไม่รู้ทำให้ตกใจกลัว จึงตอบตะกุกตะกักว่า “อยู่…อยู่ที่ศาลาเจ้าค่ะ”
เหยียนหรูอวี้กำลังเดินหมากล้อมอยู่ในศาลา หมากล้อมชุดนี้ตกทอดมานับร้อยปี ว่ากันว่าไม่มีผู้ใดแก้ได้ นางไม่เชื่อเป็นอันขาด
ลี่จื่อถูกรถม้าขององค์หญิงซยงหนูทับจนขาหัก ทุกวันนี้ข้างกายของเหยียนหรูอวี้ได้เปลี่ยนเป็นบ่าวระดับสองคนหนึ่ง นางชื่อว่าไฉ่ฉิน
ไฉ่ฉินไม่ได้ฉลาดเฉลียวเท่าลี่จือ ทว่ากลับไม่ได้เอะอายโวยวายเหมือนลี่จือ นางเพียงยืนนิ่งเงียบอยู่ด้านข้าง
“น้องสาว!” เหยียนเซี่ยเดินเข้ามา ใช้สายตาประเมินไฉ่ฉิน
เหยียนหรูอวี้พูดอย่างไม่รีบร้อน “อย่ายุ่มย่ามกับบ่าวของข้า”
เหยียนเซี่ยเบะปาก เขาเป็นนายท่านของจวนนี้ ยุ่มย่ามกับบ่าวแล้วอย่างไร? เพียงแต่บ่าวคนนี้ยืนนิ่ง มิได้ประจบประแจงเขาเหมือนกับลี่จือ ทำให้เหยียนเซี่ยหมดความสนใจในบัดดล หันไปจับจ้องเหยียนหรูอวี้ด้วยสายตาเปี่ยมความคาดหวัง “น้องสาวเดินหมากอยู่หรือ? เล่นคนเดียวจะไปสนุกอะไร? พี่ชายจะเล่นเป็นเพื่อนเจ้าเอง!”
พูดจบก็ปัดหมากทั้งกระดาน ทำให้ความพยายามของเหยียนหรูอวี้ตลอดช่วงเช้านั้นหายลับไปกับตา
เหยียนหรูอวี้สีหน้าถมึงทึง “หากท่านไม่มีอะไรทำก็ไปเรียนหนังสือหรือรำกระบี่สิ! อย่ามาหาเรื่องข้า!”
เหยียนเซี่ยโมโหจนตาปูดโปน “เจ้าพูดกับพี่ใหญ่เจ้าแบบนี้รึ? เจ้าไม่รู้จักลำดับอาวุโสหรืออย่างไร? ข้าว่าหลังจากที่เจ้าเกี่ยวดองกับจวนคุณชายเยี่ยนแล้ว เจ้าก็ยิ่งไม่เห็นพี่ชายอยู่ในสายตา! เจ้าคิดว่าเจ้าเก่งกาจนักหรือ?”
เหยียนหรูอวี้กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “ข้าไม่เก่งกาจ? เช่นนั้นท่านพี่ออกมาจากคุกหลวงได้อย่างไร? สกุลเหยียนพ้นโทษได้อย่างไร? ท่านพ่อได้เป็นท่านโหวได้อย่างไร? พี่ใหญ่ทำเรื่องรนหาที่ตายมากเพียงนั้น แต่ยังมีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้ได้อย่างไรกัน?”
“จะ…เจ้า…” เหยียนเซี่ยพูดจาตะกุกตะกัก เด็กคนนี้กล่าวได้ถูกต้องทุกประการ ที่สกุลเหยียนกลับมายิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง ก็ล้วนเป็นเพราะน้องสาวของเขา มิเช่นนั้นครอบครัวของเขาก็คงยังนอนอยู่ในคุก อย่าว่าแต่ท่านพ่อของพวกเขาได้เป็นท่านโหวเลย แม้แต่ข้าวก็เกรงว่าคงจะกินไม่อิ่มท้อง
เข้าใจก็เข้าใจอยู่หรอก แต่เหยียนหรูอวี้ปฏิบัติต่อเขาเช่นนี้ ทำให้เหยียนเซี่ยโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ จ้องเขม็งไปยังเหยียนหรูอวี้ แค่นเสียงขึ้นจมูก “อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ความลับของเจ้า”
เหยียนหรูอวี้สีหน้าขึงขังขึ้นทันที “ความลับอันใด?”
สายตาของเหยียนเซี่ยไปหยุดที่หน้าท้องแบนราบของเหยียนหรูอวี้
เหยียนหรูอวี้กำหมัดใต้แขนเสื้อแน่น
“อวี้เอ๋อร์!”
เหยียนฉงหมิงเข้ามาขัดจังหวะช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานของสองพี่น้อง เขาจับเสื้อขึ้น หายใจเป็นช่วงๆ แล้วบอกกับไฉ่ฉินว่า
“ไป…ไปรินน้ำชามาให้ข้า!”
“เจ้าค่ะ” ไฉ่ฉินตอบรับ
สองพี่น้องปรับสีหน้าเป็นปกติ
“เจ้ามาทำอะไรที่นี่?” เหยียนฉงหมิงเอ่ยถามบุตรชาย
เหยียนเซี่ยกล่าวว่า “ข้ามาเดินหมากเป็นเพื่อนน้อง”
เหยียนฉงหมิงถลึงตาใส่บุตรชาย “ความสามารถด้านหมากล้อมของเจ้าต่ำเตี้ยเรี่ยดินเช่นนี้ ข้าว่าเจ้าต้องแพ้น้องอย่างแน่นอน! ยังไม่รีบไปเรียนหนังสืออีก! โตถึงเพียงนี้ จะรอให้ข้าขอตำแหน่งให้เจ้าหรืออย่างไร?”
ทุกคนในบ้านล้วนรักและเอ็นดูน้องสาว นับวันเขายิ่งไม่เหลือที่ยืนในบ้าน เหยียนเซี่ยแค่นเสียงขึ้นจมูก สะบัดแขนเสื้อเดินออกไปจากศาลา
โดยรอบปราศจากคน เหยียนฉงหมิงนั่งลงด้วยความตื่นตระหนก “อวี้เอ๋อร์ เกิดเรื่องใหญ่แล้ว! อวี๋เซ่าชิงออกมาจากคุกแล้ว!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]