ผู้คนที่อยู่บนที่สูงเป็นเวลานาน มักจะลืมความรู้สึกยามเท้าเหยียบบนพื้นดิน เช่นเดียวกับประมุขหญิง นางเป็นอัญมณีล้ำค่าของราชวงศ์ตั้งแต่เกิด ไม่มีผู้ใดในใต้หล้าที่กล้ารังแกนาง นางจึงวางใจไม่เกรงกลัวสิ่งใด
แทบจะไม่มีผู้ใดในใต้หล้าที่ไม่เห็นนางอยู่ในสายตา
เจียงน้อยจอมเจ้าเล่ห์จับคนขึ้นมาและกระแทกเข้ากับกำแพง “จะพูดหรือไม่? หากไม่พูด ข้าจะฆ่าเจ้า!”
นางเป็นประมุขหญิงผู้สูงส่ง จึงไม่เคยเกรงกลัวเด็กที่ราชวงศ์เนรเทศ แต่ความเกรงกลัวต่อความตายที่เกาะกุม นางจึงเกือบจะรู้สึกหวาดกลัวสตรีตรงหน้าขึ้นมาเล็กน้อยตามสัญชาตญาณ
ช่างน่าอับอายยิ่งนัก
เป็นถึงประมุขหญิง แต่กลับถูกกระทำอย่างป่าเถื่อนจนเผยความขี้ขลาดตาขาวออกมา?
ประมุขหญิงเคยจินตนาการถึงฉากการพบกับพี่สาวต่างมารดาผู้นี้มานับครั้งไม่ถ้วน แต่ไม่ใช่ดังเช่นที่เป็นอยู่ตอนนี้
เด็กที่ถูกครอบครัวทอดทิ้งแต่กำเนิด สตรีบ้านนอกที่จมอยู่ในชนบทมาครึ่งชีวิต ควรไร้ซึ่งจิตใจที่หยิ่งในศักดิ์ศรี ขี้ประจบประแจง และไม่อาจเงยหน้าได้อย่างสง่าผ่าเผย ตนสามารถเหยียบย่ำนางไว้แทบเท้าได้อย่างเต็มภาคภูมิ ไม่ใช่ถูกนางทุบตีไม่ยั้งแรงเช่นนี้!
ประมุขหญิงพยายามหันมองไปรอบด้านอย่างยากลำบาก
“เจ้ากำลังหาเขารึ?” เจียงน้อยจอมเจ้าเล่ห์ชี้ไปบนฟ้า
ประมุขหญิงมองตามไป เห็นโม่ซังที่เคียงบ่าเคียงไหล่กับนางเมื่อครู่ ห้อยอยู่บนชายคาฝั่งตรงข้าม สลบไสลไม่ได้สติไปตั้งแต่เมื่อใดไม่อาจทราบ…
นี่มันเกิดอันใดขึ้น? !
โม่ซังเป็นถึงยอดฝีมือที่ไม่เป็นรองหน่วยกล้าตาย!
“อ๊า—”
ไม่รอให้ประมุขหญิงได้คิดหาเหตุผล ก็ถูกมือเปล่ากดลงไปที่พื้นอย่างรุนแรง
ปิ่นปักผมของนางกระจัดกระจายทั่วพื้น เครื่องประดับผมแตกหัก นางได้มีวันที่เจ็บปวดและน่าอับอายที่สุดในชีวิต
นางพยายามร้องขอความช่วยเหลือ แต่กลับพบว่าความเจ็บปวดทรมานที่ลำคอทำให้นางไม่อาจส่งเสียงร้องออกมาได้แม้แต่คำเดียว
นางภาวนาให้ใครสักคนผ่านมาช่วยนาง และในที่สุดคนผู้นั้นก็มา
หลังจากอวี๋เซ่าชิงออกจากวัง เขากังวลถึงนางเจียงที่อยู่จวน เขาไม่อยู่รอเยี่ยนจิ่วเฉากับเห้อเหลียนเป่ยหมิง รีบร้อนขึ้นรถม้าเดินทางกลับจวนทันที
ข้าถูกจับตัวไป
อาซูต้องเป็นห่วงข้ามากแน่ๆ
กินไม่ได้ ดื่มไม่ลง น้ำตาไหลอาบแก้ม…
เจียงน้อยจอมเจ้าเล่ห์ที่กำลังจับประมุขหญิงขึ้นทุบตีเรอออกมาอย่างอ่อนแรง…
อวี๋เซ่าชิงวางแผนมุ่งหน้ากลับจวนโดยเร็วที่สุด จึงสั่งให้สารถีลัดเลาะไปตามตรอกซอยเล็กๆ แต่ถนนกลับถูกปิดกั้นไว้
ผู้ที่ติดอยู่บนถนนเช่นเดียวกันยังมีองค์ประมุขด้วย
องค์ประมุขเดาว่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ใหญ่โตเกินไป ฮองเฮาต้องขอความเมตตาให้จวนประมุขหญิงเป็นแน่ เขารู้ดีว่าตนเองไม่อาจแข็งใจปฏิเสธฮองเฮาได้ แต่เขาก็ไม่ต้องการให้อภัยบุตรสาวผู้ไม่ซื่อสัตย์เร็วเช่นนี้ เขาจึงคิดหาทางออกไปข้างนอกเงียบๆ ก่อน หลังจากนั้นก็รอจนกระทั่งฮองเฮาพักผ่อน เขาค่อยกลับไปที่วัง
นอกจากนี้เขายังสั่งให้สารถีลัดเลาะไปตามซอยเล็กๆ อีกเช่นกัน
และบังเอิญมาติดอยู่หลังรถม้าของอวี๋เซ่าชิง
แน่นอนว่าในเวลานี้ พวกเขาสองคนไม่รู้ว่าอีกฝ่ายก็ติดอยู่บนเส้นทางที่คับคั่งนี้
ที่นี่อยู่ไม่ไกลจากจวนของพวกเขา ใช้เวลาเดินเท้าเพียงครึ่งถ้วยชาก็ถึง
หลังจากเข้ามาตามทางเล็กๆ ทั้งสองก็เลือกที่จะละทิ้งรถม้าและเดินเท้าต่อไป
ทันทีที่อวี๋เซ่าชิงออกจากรถม้า เขาก็เห็นองค์ประมุขที่ถูกประคองลงรถม้าโดยขันทีหวัง
องค์ประมุขถอดเสื้อคลุมมังกรสีเหลืองสว่างสดใสออก และเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าแบบนายท่านธรรมดาทั่วไป อาจเพราะคิดว่าตนเองมิได้เป็นประมุขในยามนี้ ช่องว่างระหว่างคิ้วพลันผ่อนคลายความกดดันของมังกรที่เฝ้ามองโลกลงไปเล็กน้อย ทว่าแม้จะเป็นเช่นนี้ ในแวบแรกที่อวี๋เซ่าชิงมองเห็นอีกฝ่าย ภายในใจก็ยังคงรู้สึกประหม่าขึ้นมา
อวี๋เซ่าชิงแทบจะยืดเอวขึ้นอย่างไม่อาจควบคุมตัวเอง แสดงท่าทางที่กล้าหาญที่สุดของเขา
“นายท่านรอง ท่านเป็นอันใดไป?” สารถีถามด้วยความสงสัย
“ข้าดูดีหรือไม่?” อวี๋เซ่าชิงถามกลับ
สารถีผงะ “เอ่อ…ดูดีขอรับ”
อวี๋เซ่าชิงจัดแจงเสื้อผ้าอีกครั้ง
ในอีกด้านหนึ่ง องค์ประมุขก็มองเห็นเขาแล้วเช่นกัน
องค์ประมุขมุ่นขมวดคิ้ว เหตุใดไปที่ใดๆ ก็เจอเจ้าเด็กนี่ตลอด น่ารำคาญตายิ่งนัก!
เห็นคราหนึ่งก็อยากซัดสักคราหนึ่ง!
อวี๋เซ่าชิงเดินไปข้างหน้าอย่างผึ่งผาย และกล่าวทักทายองค์ประมุขอย่างสุภาพ “ช่างบังเอิญนัก ไม่คิดเลยว่าจะได้พบฝ่าบาทที่นี่”
องค์ประมุขคร้านเกินกว่าจะใส่ใจเขา เดินจากไปโดยไม่หันกลับมามอง
อวี๋เซ่าชิงสาวเท้าตามไป
องค์ประมุขถามเสียงขรึม “เจ้าจะตามข้ามาเหตุใด?”
อวี๋เซ่าชิงส่งเสีย ‘อา’ ก่อนจะกล่าวด้วยความสงสัย “ข้าไม่ได้เดินตามท่านนะ ข้ากำลังจะกลับจวน ท่านไปทางเดียวกับข้าหรือ?”
องค์ประมุข “…”
ลืมไปเสียสนิท เจ้าเด็กนี่เป็นเพื่อนบ้านของเขา พวกเขาอยู่ในทิศทางเดียวกันจริงๆ
องค์ประมุขไม่ตรัสสิ่งใดต่อ พาขันทีหวังเดินไปข้างหน้าด้วยความเบื่อหน่าย
อวี๋เซ่าชิงเดินตามไปอย่างไม่เร่งไม่ช้า มารยาทที่ควรกระทำเขาได้ทำอย่างดีที่สุดแล้ว จะสนใจเขาหรือไม่นั่นเป็นเรื่องขององค์ประมุข อย่างไรเสียอีกไม่ช้าเขาก็จะถึงจวนแล้ว ถึงเวลานั้นองค์ประมุขโปรดจะเสด็จไปที่ใดก็ตามแต่ใจพระองค์
คนทั้งสามเดินกันไปอย่างเงียบงันสักพัก เสียงของนางเจียงก็ดังมาจากตรอกเล็กข้างหน้า
“ลูกเจี๊ยบ? ผู้ใดคือลูกเจี๊ยบ?”
น้ำเสียงดุร้ายเช่นนี้ อวี๋เซ่าชิงไม่แน่ใจว่าเขาได้ยินผิดหรือไม่
“อาซู?”
เขาลองเรียกหยั่งเชิง
เสียงนี้ไม่ได้ดังแต่ด้วยพลังหูของเจียงน้อยจอมเจ้าเล่ห์ นางสามารถได้ยินในทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]