พวกเขาย้ายเข้าไปที่จื่อเวยเก๋อ รูปแบบของจื่อเวยเก๋อชาญฉลาดยิ่งนัก ไม่เพียงแต่คงไว้ซึ่งรูปแบบเอ้อร์จิ้นย่วน แต่ยังมีหอปักเย็บขนาดเล็กสามชั้นอีกด้วย หอปักเย็บได้รับการซ่อมแซมอย่างประณีต ทว่าตามสุนทรียศาสตร์ของอวี๋หวั่น ยังไม่โอ่โถงกว้างขวางมากพอ แต่ในสายตาของเด็กชายสามคน มันกลับเป็นดั่งปราสาทขนาดเล็กที่ออกแบบมาเพื่อพวกเขาโดยเฉพาะ
เด็กน้อยทั้งสามไม่สนใจแม้แต่ชิงช้า วิ่งขึ้นไปชั้นบน ปีนราวบันไดแล้วไถลลงมาโดยไม่ต้องมีอาจารย์ชี้แนะ!
ฝูหลิงยืนเก็บไข่อยู่ชั้นล่างอย่างใจเย็น
เมื่อทุกอย่างถูกจัดการอย่างเหมาะสม ขันทีหวังก็เดินทางกลับวังหลวง
ราชบุตรเขยเข้าพักในห้องหลักที่เงียบสงบและสง่างาม
ที่นี่ไม่เสียทีที่เป็นเรือนสงบเงียบที่สร้างเพื่อองค์หญิงน้อย อิฐกระเบื้องโต๊ะเก้าอี้ แม้จะดูไม่หรูหรา ทว่ามีคุณค่าแท้จริง ฝีไม้ลายมือของราชวงศ์ ดูแล้วคงจะไม่ใช่เรื่องโม้เท่านั้น
บุตรสาวบุญธรรมถูกดูแลดีถึงเพียงนี้ นางคงสะสมแต้มบุญมาแปดชั่วอายุคนกระมัง
ชุยเฒ่าอยู่ห้องข้างๆ ราชบุตรเขย เพื่อให้สามารถดูแลราชบุตรเขยได้ทันท่วงที
เยี่ยนจิ่วเฉากับอวี๋หวั่นอาศัยอยู่ในห้องตะวันออกใกล้กับหอปักเย็บ ไข่ดำทั้งสามก็อยู่กับพวกเขาด้วย
ด้านขวาของห้องตะวันออกคือฝูหลิงกับจื่อซู
ฝูหลิงไปดูแลเด็กๆ จื่อซูก็จัดข้าวของจากกระเป๋าเดินทาง
จื่อซูเคยเป็นสาวใช้ใหญ่ เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ไม่ตกถึงมือนาง ทว่าเดินทางมากับเจ้านายทั้งสอง ตลอดเส้นทางล้วนต้องทำเองทุกอย่าง จนกลายเป็นผู้ชำนาญไปเสียแล้ว
แน่นอน นางสามารถสลับหน้าที่กับฝูหลิงไปดูแลเด็กๆ ได้ แต่ลองนึกถึงพลังของบุตรชายที่ดื้อรั้น ร่างเล็กของจื่อซูก็สั่นระริก รู้สึกว่าตนเองไปทำงานอย่างเชื่อฟังเห็นจะดีกว่า
“สาวน้อย! ยาพร้อมแล้ว!”
เสียงตะโกนของชุยเฒ่าดังมาจากห้องครัวเล็ก
“มาแล้ว!” อวี๋หวั่นเดินไปที่ห้องครัวเล็ก นำถ้วยยาที่เย็นได้ที่ไปยังห้องราชบุตรเขย
เยี่ยนจิ่วเฉาอยู่ที่นั่นด้วย
เขานั่งบนเก้าอี้ข้างเตียง เบิกตาโตจ้องมองราชบุตรเขย “ตื่นได้แล้ว”
และแล้วเขาก็ ‘ตื่น’ ขึ้นมาจริงๆ เขาตื่นอยู่ตลอดเวลา สิ่งที่เรียกว่าอาเจียนเป็นเลือดและเป็นลมนั้น ล้วนเป็นการอำพรางเท่านั้น
แม้เขาปกปิดมันได้จากทุกคน แต่กลับไม่อาจปกปิดจากบุตรชายผู้นี้ได้
บุตรชายของเขา
บุตรชายที่ชาญฉลาดเช่นเดียวกับเขา
ราชบุตรเขยมองเยี่ยนจิ่วเฉา ดวงตาปรากฏร่องรอยของความรักใคร่เอ็นดูและความภาคภูมิที่ยากจะระงับได้
เยี่ยนจิ่วเฉาไม่มีการแสดงออกใดๆ
เขาเป็นเช่นนี้ตลอด สวรรค์จะร่วงก็เป็นเช่นนี้ ออกไข่แดงก็เป็นเช่นนี้
ทว่าภายในใจของเขาคิดสิ่งใด ไม่อาจรู้ได้
อวี๋หวั่นเข้าไปในห้อง เห็นสองพ่อลูกจ้องหน้ากัน พลันยกมุมปากด้วยความดีใจ “เสด็จพ่อ ท่านตื่นแล้วหรือ?”
เมื่อได้ยินเสียงเรียกเสด็จพ่อ ราชบุตรเขยก็ตกตะลึง
เขาไม่ได้เป็นเยี่ยนอ๋องมาหลายปี ลืมคำเรียกของตนเองไปแล้ว จึงจ้องมองอวี๋หวั่นอย่างว่างเปล่าอยู่เป็นนาน
อวี๋หวั่นตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติกับเขา เธอย่อตัวลงกะพริบตา “ท่านจำเรื่องราวในอดีตไม่ได้หรอกหรือ?”
พ่อลูกมองหน้ากันเช่นนี้ เธอคิดว่าความทรงจำของเขากลับคืนแล้วเสียอีก
ราชบุตรเขยส่ายศีรษะ “จำได้เพียงเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากพบฉงเอ๋อร์”
เยี่ยนจิ่วเฉาพุ่งเข้ามาในรถม้าของเขา ครั้งแรกที่เขาเห็นเยี่ยนจิ่วเฉา เขาวาดรูปเยี่ยนจิ่วเฉา แต่ประมุขหญิงเข้าใจผิด คิดว่านั่นคือภาพตอนที่เขายังเด็ก จากนั้นเขาก็พบเสี่ยวเป่าและได้พบกับเยี่ยนจิ่วเฉาอีกครั้ง
ราชบุตรเขยนึกไม่ออกว่าเขาเป็นใคร แต่กลับอดไปแอบดูที่ที่เขามักปรากฏตัวไม่ได้
ในที่สุดเรื่องนี้ก็ถูกประมุขหญิงค้นพบ
เขาถูกประมุขหญิงกรอกยา
ประมุขหญิงเปลี่ยนภาพที่เขาซ่อนไว้ในช่องลับ เขาลืมเยี่ยนจิ่วเฉาไป
แต่แล้วก็ต้องขอบคุณอาม่า เขาจึงได้มาที่จวนเห้อเหลียน
คล้ายกับมีบางอย่างสะกิดความรู้สึกของเขา เมื่อเข้าไปในจวนเห้อเหลียน ก็พบเยี่ยนจิ่วเฉาอีกครั้ง
เมื่อรู้ว่าตนเองถูกคนวางยาซื่อหุนเฉ่า เขาจึงเริ่มทดสอบประมุขหญิง
เขาพบว่านางเป็นคนวางยา จื่อจวินที่ชอบเนื้องูกลับไม่ใช่นาง เขารู้ว่าตนเองกำลังจะถูกเปิดเผย ก่อนที่นางจะลงมือ เขาใช้กลอุบายกับภาพวาดของหนานกงหลีและทิ้งรหัสไว้ให้ตนเอง
แน่นอน เขาได้รับยานั้นอีกครั้ง
แต่เมื่อเขามองเห็นภาพที่ปรากฏขึ้นหลังจากหมึกถูกลบออกไป ความทรงจำทุกอย่างก็กลับมา
ทว่าสิ่งที่เขาจำได้มีเพียงเท่านี้ เรื่องที่นานกว่านั้น ภาพความทรงจำเพียงน้อยนิดก็ไม่เหลือแล้ว
ความทรงจำที่ไม่เกี่ยวข้องกับฉงเอ๋อร์ ไม่จำเป็นก็ได้
แต่ฉงเอ๋อร์ในวัยเด็ก เขาต้องการจดจำมันยิ่งนัก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]