ประมุขหญิงกวาดสายตาคมดุจใบมีดมองฝูหลิง
หากเป็นจื่อซูผู้บอบบาง อาจคุกเข่าลงกับพื้นเพราะหวาดกลัวไอสังหารของนางไปแล้ว แต่ฝูหลิงหัวช้า เนิ่นนานก็ยังไม่เข้าใจว่านางมองตนด้วยเหตุใด
“ไม่เข้าหรือ? เช่นนั้นข้าปิดประตูละ” ฝูหลิงเอ่ยพลางขับพวกเขาออกไป
ประมุขหญิงโกรธจนเจ็บหัวใจ
ข้าทาสผู้โง่เขลานี่มาจากที่ใดกัน ไม่รู้จักเกรงกลัวแม้แต่น้อย ราวกับทุบกำปั้นลงปุยฝ้าย หัวใจยิ่งคับแน่น
ประมุขหญิงเดินเข้ามาในเรือนด้วยใบหน้าเย็นชา
นางโกรธจัดจนไม่มองทาง เท้าสะดุดธรณีประตูเซเข้าเรือนไปหลายก้าว จนเกือบจะล้มหน้าคะมำตรงนั้น
ภาพนี้ดูดีไม่เท่าใดนัก
เมื่อคิดว่าข้ารับใช้มากมายต่างมองเห็น ประมุขหญิงก็ทั้งโกรธทั้งอับอาย
สิ่งที่น่าอายไปกว่านั้นคือฝูหลิงยังผลักนางอีกครั้ง “อย่าเหยียบหญ้าที่คุณชายน้อยปลูก! เมื่อเช้านี้เพิ่งจะฉี่ไป!”
ไม่พูดยังดีเสียกว่า แต่ทันทีที่กล่าวอย่างนั้น ประมุขหญิงก็เหลือบมองลานที่นางตั้งใจสร้างให้องค์หญิงน้อย ก็เห็นว่าดอกโบตั๋นล้ำค่าเหล่านั้นถูกทำลายจนเหลือแต่ใบ
ดอกโบตั๋นดอกหนึ่งมีค่าถึงหนึ่งพันทอง! ! !
ส่วนหญ้าที่คุณชายน้อยปลูกไว้ที่ฝูหลิงกล่าว มิใช่เพียงวัชพืชไม่กี่ต้นหรอกหรือ? ! !
เก็บดอกโบตั๋น มาปลูกวัชพืช…
ดวงตาของประมุขหญิงเป็นสีดำด้วยโทสะ
ช้าก่อน ทาสผู้นี้บอกว่าพวกเขาเพิ่งฉี่ไปเมื่อเช้า?
ไข่ดำเติบโตมาในชนบท รู้ว่าฉี่เป็นปุ๋ยที่ดี พวกเขาจึงมาแต่เช้าเพื่อให้ปุ๋ยหญ้า
เป็นถึงประมุขหญิง…กลับมาเหยียบฟองฉี่ของเด็ก…
ประมุขหญิงอึดอัดขยะแขยงเกินทน
แต่สีหน้าของฝูหลิง รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าไม่พอใจที่นางเหยียบมัน
ควรเป็นผู้ใดที่ไม่พอใจกันแน่!
ไม่ใช่คนที่แช่ฉี่อยู่ตอนนี้เช่นนางหรอกหรือ?
เหตุใดถึงมีครอบครัวที่น่ารำคาญเช่นนี้…
กว่าประมุขหญิงจะไปถึงห้องตำราเพื่อพบเยี่ยนอ๋อง รอยตีนกาจากโทสะก็โผล่ขึ้นบนใบหน้าของนางสองเส้น
ยามประมุขหญิงออกมาเจิดจ้าราวกับตะวันขึ้นฟ้า ทว่ายามนี้ กลับเหมือนตะวันใกล้ลับฟ้าเต็มที
นางยืนอย่างห่อเหี่ยวอยู่เบื้องหน้าเยี่ยนอ๋องด้วยดวงตาแดงก่ำ “ราชบุตรเขย”
เยี่ยนอ๋องมองนางด้วยสีหน้าอารมณ์ซับซ้อน “ข้าไม่ใช่ราชบุตรเขยของเจ้า”
ประมุขหญิงใจสั่นไหว
ก่อนจะมานางเดาได้ว่า หากราชบุตรเขยตื่นขึ้น เยี่ยนจิ่วเฉากับอวี๋หวั่นต้องเล่าชีวิตของเขาให้ฟังอย่างแน่นอน แต่นางก็ยังหลงเหลือความโชคดีอยู่เล็กน้อย นั่นคือราชบุตรเขยไม่ได้หูเบาเช่นนั้น
นางสงบอารมณ์ พยายามไม่ทำตัวแปลกประหลาด “เหตุใดท่านถึงกล่าวเช่นนี้? หากท่านไม่ใช่ราชบุตรเขยของข้า เช่นนั้นราชบุตรเขยของข้าคือผู้ใดเล่า? ข้าไม่สนใจว่าผู้อื่นจะกล่าวกับท่านเช่นไร ทว่าท่านควรฟังข้าอธิบายก่อน”
เยี่ยนอ๋องถาม “เจ้ามีสิ่งใดอธิบาย? เจ้าปิดบังข้ามานานหลายปีเพียงนั้น เจ้าบอกว่าข้าเป็นบุตรชายหัวหน้าเผ่าไป๋เอ้อ”
ประมุขหญิงสำลัก “ท่านจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อยหรือ?”
“เรื่องอันใด?” เยี่ยนอ๋องกล่าว
ดูเหมือนว่าเขายังนึกไม่ออก
ประมุขหญิงรู้สึกสงบใจได้เล็กน้อย กล่าวด้วยสีหน้าเศร้าใจ “ทั้งหมดเป็นความคิดของท่าน ท่านทำทุกอย่างเพื่อให้ได้อยู่กับข้า”
เยี่ยนอ๋องถามกลับ “รวมถึงแกล้งตายทอดทิ้งภรรยาและบุตรด้วยหรือ?”
ประมุขหญิงคาดว่าเขาจะถามเช่นนี้ จึงคิดคำตอบไว้ในใจแล้ว นางกล่าวด้วยแววตาจริงใจ “ท่านเคยกล่าวโทษตนเองอย่างสุดซึ้งในเรื่องนี้ ท่านจึงรู้สึกผิดมาตลอดหลายปี แต่โปรดเชื่อข้า ยามนั้นข้ากับท่านมีรักแท้ต่อกัน ท่านไม่อยากแยกจากข้าไป”
เยี่ยนอ๋องชะงัก “เช่นนั้น เหตุใดเจ้าไม่บอกความจริงกับข้า?”
ประมุขหญิงทอดถอนใจ “ข้าไม่ต้องการให้ท่านรู้สึกผิด หลังจากท่านได้รับบาดเจ็บและความจำเสื่อม ข้าเลยปกปิดอดีตของท่านเสีย อีกอย่างมิใช่ว่าข้าไม่เคยบอกท่านมาก่อน เพียงแต่อาการป่วยกำเริบ ท่านจึงลืมมันไปอีกครา เมื่อผ่านไปนานเข้า ข้าจึงไม่กล่าวถึงมันอีก”
คำพูดเหล่านี้ฟังดูสมเหตุสมผล และคำนึงถึงเยี่ยนอ๋องทุกอย่าง
หากเยี่ยนอ๋องจำไม่ได้ว่านางบังคับให้เขาดื่มยาทั้งสองครั้งนี้ เกรงว่าคงถูกนางหลอกต่อไป
เยี่ยนอ๋องเปลี่ยนเรื่องสนทนา “เรื่องวางยาเฉาเอ๋อร์ เจ้าเป็นคนทำหรือไม่?”
ประมุขหญิงใจสั่นอีกครั้ง
นางไม่คาดคิดว่าราชบุตรเขยจะถามเรื่องนี้ขึ้นมากะทันหัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]