หมอหลี่เป็นหมอที่มีความสามารถสูง เขารักษาให้ชนชั้นสูงโดยเฉพาะ หากไม่ใช่เพราะฐานะมารดาของไป๋ถัง พ่อบ้านติงก็คงเชิญเขามาไม่ได้
ขณะที่หมอหลี่ตรวจอาการให้ไป๋ถัง อาการของไป๋ถังก็แย่ลงกว่าเดิม หมอหลี่พับแขนเสื้อของนางขึ้น ก็พบว่าที่แขนของไป๋ถังมีตุ่มบวมแดง หมอหลี่กล่าวออกมาคำหนึ่งว่า ‘ไม่ดี’
“อะไรไม่ดีหรือ? ถังเอ๋อร์อาการหนักหรืออย่างไร?” นายท่านไป๋ถามด้วยความกังวลใจ
หมอหลี่ลุกขึ้นยืน ให้คนไปยกน้ำมา ใช้สบู่ล้างมือจนสะอาด กล่าวด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ข้ายังบอกไม่ได้ หากภายในพรุ่งนี้เช้าก้อนบวมนี้ไม่แพร่ออกไป ก็ไม่ต้องเป็นห่วง แต่หากไม่เป็นเช่นนั้น… ”
“หากไม่เป็นเช่นนั้นแล้วอย่างไรหรือ?” ฮูหยินไป๋เอ่ยถามด้วยความกระวนกระวายใจ ผู้ใดภาวนาให้ไป๋ถังไม่เป็นโรคมากที่สุดก็คงเป็นนาง
หมอหลี่กล่าวว่า “พรุ่งนี้ข้าค่อยมาดูใหม่!”
แต่มิทันได้รอถึงเช้า กลางดึกพ่อบ้านติงก็มาเคาะประตูหน้าบ้านหมอหลี่
พ่อบ้านหลี่ท่าทางร้อนรน “ท่านหมอหลี่ คุณหนูบ้านข้าแย่แล้ว! ท่านรีบไปดูหน่อยเถิด!”
หมอหลี่ถือกล่องยาขึ้นรถม้าไป
ตุ่มแดงบนแขนของไป๋ถังแพร่กระจายไปทั่ว ในตอนแรกมีเพียงบนแขนด้านล่าง กลางดึกสาวใช้เช็ดตัวให้นาง ก็พบว่าที่แขนด้านบน แก้ม รวมไปถึงขาของนาง ก็ปรากฏก้อนแดงแบบเดียวกัน อาการของนางทรุดลงอย่างรวดเร็ว เมื่อหมอหลี่มาถึง ตุ่มแดงก็ปรากฏไปทั่วตัว
“แย่แล้ว!” หมอหลี่ใจเสีย
“คุณหนูบ้านข้าเป็นอย่างไรบ้าง?” พ่อบ้านติงถาม
หมอหลี่ตอบอย่างจนปัญญา “นะ…นางเป็นไข้ทรพิษ”
……
ไข้ทรพิษเป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาได้ ไม่เพียงต้องตาย ยังแพร่เชื้อได้อีกด้วย มีหมู่บ้านหนึ่งรับขอทานซึ่งป่วยเป็นไข้ทรพิษมาด้วยความใจดี ทว่าในเวลาต่อมาคนทั้งหมู่บ้านป่วยและเสียชีวิตทั้งหมด และถ้าหากไป๋ถังเป็นไข้ทรพิษ ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรก็คงเดาได้ไม่ยาก
วันต่อมาคนสกุลเฉินก็มาเยือนถึงบ้าน
ผู้มาเยือนคือฮูหยินเฉิน พี่สะใภ้ใหญ่ของฮูหยินไป๋
“พี่สะใภ้ใหญ่ว่าอย่างไรนะเจ้าคะ? ยกเลิกการแต่งงาน?” ฮูหยินไป๋มองไปยังฮูหยินเฉินซึ่งบอกปัดนางอย่างง่ายดายด้วยเรื่องเพียงเท่านี้
หากถามว่าเหตุใดฮูหยินไป๋จึงเป็นเดือดเป็นร้อนถึงเพียงนี้ ก็คงต้องย้อนไปถึงครั้นนางสวียังมีชีวิตอยู่ ก่อนที่นางจะสิ้นใจ นางได้เขียนพินัยกรรมให้นายท่านไป๋ไว้ว่าตราบใดที่ไป๋ถังมีชีวิตอยู่ สินเดิมของนางจะเป็นของไป๋ถัง หากไป๋ถังไม่อยู่แล้ว สินเดิมของนางจำต้องกลับไปเป็นของสกุลสวี
นางสวีคาดเดาได้ตั้งแต่แรกแล้วว่านายท่านไป๋จะแต่งงานใหม่ นางกังวลว่าภรรยาใหม่จะไม่ดีกับบุตรสาว จึงยอมเป็นคนใจร้าย บังคับให้นายท่านไป๋ลงนามในพินัยกรรมฉบับนั้น
แต่ไหนแต่ไรมานายท่านไป๋ก็มิได้ละโมภปรารถนาสินเดิมของนางสวี เดิมทีเขาคิดว่าการยกทรัพย์สมบัติของนางสวีให้แก่ไป๋ถังเป็นเรื่องที่พึงกระทำ ทว่านางสวีทำเช่นนี้ ก็หมายความว่านางไม่เชื่อบิดาอย่างเขา เขาปกป้องบุตรสาวไม่ได้หรืออย่างไร? จึงต้องใช้วิธีจำพวกนี้มาบีบบังคับกัน!
วันสุดท้ายในชีวิตสามีภรรยาของทั้งสองมิได้มีความสุขนัก นางสวีจากไปพร้อมกับความรู้สึกอย่างไรไม่อาจรู้ได้ แต่ก็เป็นเรื่องที่ไม่อาจลบเลือน การตัดสินใจของนางสวีในครั้งนั้น ทำให้ไป๋ถังสามารถเติบโตขึ้นมาได้อย่างราบรื่น
“พี่สะใภ้ใหญ่…”
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ข้ารู้เรื่องทั้งหมดแล้ว ไป๋ถังเป็นไข้ทรพิษ! เจ้าจะปิดบังข้าใช่หรือไม่? เจ้าอยากฆ่าล้างตระกูลข้าหรืออย่างไร?”
นางเก็บความสงสัยไว้ในใจ แล้วบอกกับฮูหยินเฉินว่า “พี่สะใภ้ใหญ่ ข้าไม่ได้ปิดบังพวกท่าน แต่บ่าวคนนี้…ไม่เป็นอะไร”
ฮูหยินเฉินขมวดคิ้ว “เจ้าหมายความว่านางแกล้งป่วยรึ?”
ฮูหยินไป๋กล่าวว่า “เมื่อถึงยามคับขัน นางก็เกิดล้มป่วยขึ้นมา ใต้หล้าจะมีเรื่องบังเอิญเพียงนี้ได้อย่างไร?”
ฮูหยินเฉินโต้กลับ “เช่นนั้นเจ้าก็ลองแกล้งป่วยให้ข้าดูหน่อยสิ!”
มีตุ่มแดงขึ้นไปทั่ว ไข้สูงไม่ลงสักที ใบหน้าซูบซีด เอาตรงไหนมาแกล้งป่วยกัน?
“ข้าไปดูมาแล้ว! เด็กคนนั้นกำลังจะตายอยู่แล้ว!”
ไม่เช่นนั้น ฮูหยินเฉินจะยอมยกเลิกการแต่งงานได้อย่างไรเล่า?
แม้จะไม่รู้ว่าไป๋ถังทำได้อย่างไร แต่ฮูหยินไป๋มั่นใจมากว่านางกำลังแกล้งป่วย “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านให้เวลาข้าอีกสองสามวัน ข้าจะต้องคิดหาวิธีเปิดโปงแผนการของเด็กนั่นให้ได้!”
ฮูหยินเฉินสะบัดแขนเสื้อแล้วเดินออกไป
ฮูหยินไป๋ไปยังห้องของไป๋ถัง “พวกเจ้าถอยไป”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]