แต่ว่าจะสร้างอย่างไร สร้างขนาดเท่าไร และสร้างไว้ที่ใดนั้น ล้วนเป็นเรื่องที่ต้องผ่านการขบคิดและปรึกษาหารือกันโดยละเอียด
เช้าตรู่ ป้าใหญ่ต้มโจ๊กมันเทศ นึ่งหมั่นโถวแป้งข้าวเจ้าและอัวอัวโถวผักดองอีกหลายเข่ง คนในครอบครัวต่างมานั่งกินอาหารเช้ากันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา
“มันเทศกินเยอะๆ จะผายลมนะขอรับ!” เถี่ยตั้นน้อยเบ้ปากพลางมองไปยังโจ๊กมันเทศตรงหน้า
ป้าสะใภ้ใหญ่ถลึงตาใส่เขา “ข้าว่าเจ้าไม่อยากกินมากกว่ากระมัง! เดี๋ยวนี้เลือกกิน!”
“ข้าเปล่าสักหน่อย” เถี่ยตั้นน้อยหยิบช้อนไม้ขึ้นมา ไม่ยอมรับว่าตนกำลังคิดถึงขนมน้ำตาลกรอบในห้อง
อวี๋เซ่าชิงมองบุตรชายด้วยความเอ็นดู ดวงตาทั้งคู่เป็นประกาย
อวี๋หวั่นบอกกับเขาว่า “ก่อนหน้านี้น้องไม่เป็นอย่างนี้ พอท่านพ่อกลับมา ก็เลยกล้างอแงขึ้นมาก”
เธอกล่าวพลางมองไปยังน้องชายด้วยความขบขัน
หกปีที่ไม่มีท่านพ่อ กว่าจะได้ท่านพ่อกลับคืนมา แน่นอนว่าต้องงอแงขึ้นบ้าง อวี๋เซ่าชิงถูกบุตรชายงอแงใส่ กลับรู้สึกดีใจ ส่งอัวอัวโถวให้เถี่ยตั้นน้อยลูกหนึ่ง
เถี่ยตั้นน้อยไม่ได้มองหน้าเขา ทว่ารีบคว้ามากัดหนึ่งคำทันที!
“ไฉนไม่บ่นว่าเป็นผักดองแล้วเล่า?” ป้าสะใภ้ใหญ่หยอกล้อเขา
ทั้งบ้านต่างก็หัวเราะครืน
“เรื่องสร้างเรือนโรงงาน” ลุงใหญ่เอ่ยปาก “พวกเจ้ามีความเห็นว่าอย่างไร?”
อวี๋ซงตอบว่า “ต้องดูว่าจะสร้างไว้ที่ใด”
ลุงใหญ่เอ็ดเขาว่า “ผู้ใหญ่คุยกัน เด็กอย่าพูดแทรก อาหวั่นเจ้าว่าอย่างไร?”
อวี๋ซงซึ่งถูกทำร้ายจิตใจ “…”
อวี๋หวั่นยิ้ม ตอบว่า “ข้าคิดเหมือนกับพี่รองว่าต้องคิดก่อนว่าจะสร้างเอาไว้ตรงไหน ข้าไม่ได้แค่อยากสร้างเรือนสำหรับใช้เป็นโรงงานเท่านั้น ยังอยากสร้างห้องพักสำหรับคนงานด้วย”
“อะไรพักนะ?” ป้าสะใภ้ใหญ่เอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ
“ที่พักสำหรับแรงงานระยะยาว” อวี๋หวั่นอธิบาย
เมื่อพูดว่าคนงานระยะยาว ทุกคนก็ล้วนเข้าใจทันที แต่นั่นไม่ได้หมายถึงบรรดาโจรลักม้าที่ทำงานอยู่หลังเขาหรอกหรือ? แม้ว่าพวกเขาจะไม่นับว่าเป็นคนดี แต่หลังจากที่ถูกยาพิษของพ่อครัวเทพเป้าเล่นงาน พวกเขาก็ทำงานอย่างขยันขันแข็ง ด้วยกลัวว่าจะไม่ได้ยาถอนพิษ
เรื่องสร้างห้องพักให้พวกเขานั้น ลุงใหญ่ไม่เข้าใจเลยสักนิด แต่เขาก็ไม่ได้คัดค้าน อาหวั่นเป็นคนมีความคิด ที่ทำเแบบนี้ก็ย่อมต้องมีเหตุผลของตนเอง ยิ่งไปกว่านั้นก็ไม่อาจให้พวกเขานอนเบียดเสียดกันในคอกวัวบ้านซวนจื่อได้ตลอดไป
“เช่นนั้นก็คงต้องใช้ที่ดินของทุกคนอย่างละน้อย” ลุงใหญ่พึมพำ มองไปยังอวี๋เซ่าชิงซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ ขณะที่กำลังจะเอ่ยถามว่าเขามีความเห็นว่าอย่างไร ก็เห็นว่าอวี๋เซ่าชิงกำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่
ลุงใหญ่ “…”
เขาคิดไปเองหรืออย่างไร? เหตุใดน้องสามเข้าคุกไปเพียงไม่กี่วัน กลับดูบ๊องๆ บวมๆ ขึ้นเช่นนี้?
“น้องสาม” ลุงใหญ่เอ่ยขึ้นอย่างขึงขัง
อวี๋เซ่าเชิงได้สติกลับมา เขามองไปยังพี่ใหญ่ แล้วมองก้อนหินในมือ สายตาเปี่ยมไปด้วยความสุข “พี่ใหญ่ว่าสวยหรือไม่?”
ก้อนหินหน้าตาบูดเบี้ยวจะไปสวยได้อย่างไร? หรือว่าเขาจะสติฟั่นเฟือนไปแล้วจริงๆ?
ลุงใหญ่ยังไม่ทันได้ตำหนิน้องชาย ป้าสะใภ้ใหญ่ก็สะกิดแขนเขา บุ้ยใบ้ไปทางอวี๋หวั่น เขาจึงมองตามไปทางอวี๋หวั่น อวี๋หวั่นเม้มปากยิ้ม มองไปยังเถี่ยตั้นน้อย
ลุงใหญ่เข้าใจทันที
เป็นของที่ลูกให้ มิน่าเล่าจึงดูเป็นของล้ำค่า
“สวย!” ลุงใหญ่โพล่งขึ้นมา
เถี่ยตั้นน้อยก้มหน้ากินโจ๊ก!
หลังจากที่ปรึกษากันแล้ว ก็ตัดสินใจว่าจะสร้างโรงงานเอาไว้ที่เชิงเขา สร้างไว้ตรงที่ดินที่เดิมทีเป็นของอาหวั่นและป้าจาง พื้นที่บริเวณนั้นได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวน้อยที่สุด ทุกวันนี้ปล่อยร้างเอาไว้ ไม่ได้เพาะปลูก มิสู้นำมาทำอย่างอื่นดีกว่า
เรื่องซื้อที่ดิน ยกให้ลุงใหญ่ ผู้ใหญ่บ้าน และสกุลจางเจรจากัน
แบบของอาคารอวี๋หวั่นเป็นคนวาด
อวี๋เซ่าชิงมองบุตรสาว ผ่านไปหกปี เขียนหนังสือได้แล้วหรือนี่…
เรื่องราวไม่กี่ปีมานี้ของอวี๋หวั่น อวี๋เซ่าชิงได้ฟังมาจากคนในบ้านมาบ้างแล้ว เขารู้สึกปวดร้าวหัวใจเหลือเกิน นึกอยากย้อนเวลากลับไป อย่างไรก็จะไม่ยอมให้ลูกสาวหายตัวไป และถูกนางจ้าวรังแก
“ท่านพ่อ ท่านคิดว่าอย่างนี้ได้หรือไม่?” อวี๋หวั่นพูดขึ้นขัดความคิดของอวี๋เซ่าชิง
อวี๋เซ่าชิงตกอยู่ในภวังค์ ไม่ได้ฟังที่บุตรสาวพูดแม้แต่น้อย เขาพยังหน้าอย่างมึนงง “ได้”
นอกจากนางเจียงและเด็กน้อยทั้งสองที่มิได้ใส่ใจฟัง คนที่เหลือล้วนมองเขาด้วยความตะลึงงัน อย่างนี้ดีหรือ? เจ้าให้ท้ายลูกสาวมากเกินไปหน่อยกระมัง?! นางจะใช้หินและอิฐสร้างเชียวนะ! บ้านที่พวกเราอยู่ยังไม่หรูหราถึงเพียงนี้เลย!
อวี๋เฟิงรู้สึกปวดร้าวจนไม่อยากเสวนากับอาสามและน้องสาว…
“เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้” อวี๋หวั่นยิ้มจนตาหยี “ท่านพ่อนี่ดีจริงๆ”
อวี๋เซ่าชิง “…”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]