“ท่านพี่ ท่านพี่ตื่นเร็ว! เช้าแล้ว เช้าแล้ว!”
“ท่านแม่อย่านอนต่อ! วันนี้ท่านต้องพาข้าไปเมืองหลวง!”
“ท่านพี่!”
“ท่านแม่!”
เถี่ยตั้นน้อยวิ่งเข้าออกสองห้องไปมา แผดเสียงดังลั่น จนอวี๋หวั่นหมดอารมณ์ที่จะโกรธ
หลังจากอวี๋หวั่นล้างหน้าและเปลี่ยนชุดก็ไปเก็บไข่จากเล้าไก่ เธอเก็บได้วันละสามฟอง หักส่วนของเถี่ยตั้นน้อยไปวันละฟอง ส่วนที่เหลือนำไปเก็บไว้ จำนวนนั้นมีไม่น้อย หากพวกเขาได้เข้ารอบของวันพรุ่งนี้ ไข่เหล่านี้ก็จะมีประโยชน์
เธอหาได้กล่าวเกินจริง ไข่ที่บ้านของเธออร่อยกว่าตามท้องตลาดจริงๆ
นางเจียงไม่ได้ตื่นเช้าเช่นนี้บ่อยนัก ตอนไปทานอาหารเช้าที่บ้านหลังเก่า เปลือกตาของนางยังคงปิดอยู่
อวี๋ซงจงใจใส่ขิงลงในชามของนางชิ้นหนึ่ง
ลุงใหญ่เคาะหัวบุตรชายด้วยตะเกียบ!
อวี๋หวั่นหยิบขิงออกมาสลับกับชิ้นเนื้อปลาให้มารดา
นางเจียงกินปลาด้วยความสะลึมสะลือ
กระทั่งมื้อเช้าผ่านไป นางเจียงก็ยังไม่ตื่น
เมื่อรถม้าของนายท่านฉินมาถึง ยังไม่ทันที่นายท่านฉินจะได้กล่าวทักทาย นางเจียงก็อุ้มเถี่ยตั้นน้อยขึ้นมานั่งในรถม้าและหลับไป
“ดะ…เด็กสาวผู้นั้นเป็นใครรึ?” นายท่านฉินมึนงงเล็กน้อย
“เด็กสาว?” อวี๋หวั่น “นั่นคือท่านแม่ของข้า”
“อา…” นายท่านฉินตกตะลึงที่เด็กสาวผู้นี้เป็นมารดาของบุตรสองคนแล้ว…แน่นอน นางเกล้ามวยผมแบบสตรีที่แต่งงานแล้ว ทว่าดูอย่างไรก็ยังเด็กและงดงามยิ่งนัก
อวี๋หวั่นเอ่ยขู่ “ท่านอย่าได้คิดเชียว ข้าอาจไม่ขายเต้าหู้ให้ท่านอีก อย่ายุ่งกับท่านแม่ของข้า”
“แค่ก!” นายท่านฉินสำลัก “ข้าจะคิดได้อย่างไร? ข้ามีครอบครัวแล้ว”
เพียงแต่มิเคยเห็นผู้งามเกินจริงเช่นนี้ หากพูดถึงหน้าตา แม่นางอวี๋ตรงหน้าก็มีรูปโฉมดั่งนางสวรรค์เช่นกัน ทว่าแม่นางอวี๋คือรุ่นเล็ก ในสายตาของเขาก็คือความงามของเด็ก ส่วนฮูหยินผู้นี้กลับมีเสน่ห์ที่อธิบายได้ยากมากกว่าหลายส่วน
แน่นอนว่าเขาก็อดชมไปคราหนึ่งไม่ได้เท่านั้น จะให้เขาทำอะไร เขามิได้ไร้ศีลธรรมขนาดนั้น
อวี๋หวั่น นางเจียง เถี่ยตั้นน้อยนั่งรถม้าหนึ่งคัน และบุรุษสามสี่คนนั่งรถม้าอีกหนึ่งคันไปยังเมืองหลวงอย่างเร่งรีบ
เมื่อรู้ว่านางเจียงและเถี่ยตั้นน้อยกำลังจะไปเยี่ยมชมเมืองหลวง นายท่านฉินจึงรีบจัดแจงสารถีและผู้ติดตามให้พาพวกเขาไปดูรอบเมืองหลวง อวี๋ซงย่อมไปด้วยเช่นกัน
อวี๋หวั่น ลุงใหญ่และอวี๋เฟิงเข้าไปในหอเทียนเซียงที่ถนนฉางอัน
หลังจากการแข่งขันสามรอบเมื่อวาน พ่อครัวหนึ่งร้อยคนหายไปมากกว่าครึ่ง เหลือไม่ถึงสามสิบคนที่ได้เข้าสู่ ‘การประลอง’ ในวันนี้
พ่อครัวรุ่นใหญ่เมื่อวานไม่อยู่แล้ว พ่อครัวชาววังสองสามคนมาชิมอาหารแทน
ทั้งองค์ชายรอง ทั้งพ่อครัวชาววัง ดูเหมือนหอเทียนเซียงทุ่มเงินจำนวนมากเพื่อรักษาหน้าที่เยี่ยนจิ่วเฉาทำลายไป ไม่รู้ว่าพ่อครัวของพวกเขายังยิ้มได้อยู่หรือไม่
นายท่านฉินรีบเดินเข้าไปในห้องด้านหลังด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “การต่อสู้อันดุเดือด…”
“ท่านว่าอย่างไรนะ?” อวี๋หวั่นถาม
นายท่านฉินรู้สึกปวดศีรษะ “หนึ่งในสาม สุดท้ายจะเหลือเพียงคนเดียวที่ได้เข้าแข่งขันในวันพรุ่งนี้”
“เหตุใดมีคนเดียว? ปีก่อนมิใช่สามคนหรอกหรือ?” อวี๋เฟิงเอ่ยทัก เมื่อวานเขาได้ทราบข้อมูลการแข่งขันจากผู้จัดการชุยมาไม่น้อย
นายท่านฉินทอดถอนใจ “เช่นนั้นจะเรียกว่าการต่อสู้อันดุเดือดหรือ?”
กฎถูกกำหนดโดยคน หากผู้จัดงานต้องการเช่นนี้ นายท่านฉินก็ทำอันใดไม่ได้ นายท่านฉินคิดว่า ด้วยความแข็งแกร่งของคนสกุลอวี๋ การเบียดเข้าไปในสามอันดับแรกคงไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ทว่ายามนี้ไม่ใช่สามอันดับอีกต่อไป ทว่าเป็นอันดับหนึ่งเท่านั้น ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีสิทธิ์เผชิญหน้ากับพ่อครัวเทพเป้า
นายท่านฉินเอ่ยอีกครั้ง “แม่นางตู้กับพ่อครัวโหยวไม่ต้องเอ่ยถึง แม้แต่พ่อครัวหลิวที่ถูกย้ายไปเมื่อวานก็ยังไม่ควรประมาท”
นอกจากนี้ยังมีม้ามืดอีกหลายตัวที่เราไม่อาจสู้
นายท่านฉินตบไหล่อวี๋เฟิง “ทำให้ดีที่สุด และปล่อยให้โชคชะตานำทาง!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]