หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3] นิยาย บท 309

องค์ประมุขตกอยู่ในที่นั่งลำบาก ปัญหาภายในยังไม่ทันสะสาง กองทัพต้าโจวก็เข้ามาประชิดเสียแล้ว อีกทั้งผู้บัญชาการทัพก็ยังเป็นเซียวเจิ้นถิงผู้มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วทุกสารทิศ

บุรุษผู้เป็นดังขุนเขา…

เซียวเจิ้นถิงชื่อเสียงโด่งดัง องค์ประมุขเคยได้ยินเกี่ยวกับเขามาไม่น้อย หนานจ้าวมีเห้อเหลียนเป่ยหมิง ต้าโจวก็มีเซียวเจิ้นถิง คำกล่าวนี้ไม่ว่าราชสำนักหรือในหมู่ชาวบ้านล้วนแต่รู้กันทั่ว องค์ประมุขยังคงไม่ปักใจเชื่อ ผู้ใดจะมาต่อกรกับเทพสงครามแห่งหนานจ้าวได้?

จวบจนกระทั่งสายลับนำข่าวเกี่ยวกับเซียวเจิ้นถิงมากราบทูล องค์ประมุขจึงได้มีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมา

แม้ว่าจะไม่เต็มใจ แต่ก็ต้องยอมรับว่านั่นคือเทพสงครามที่สวรรค์ส่งมา ซึ่งแตกต่างกับตระกูลแม่ทัพอย่างสกุลเห้อเหลียน สกุลเซียวแม้ว่าจะเป็นตระกูลใหญ่ แต่ก็เพิ่งจะมายิ่งใหญ่ในยุคของเซียวเจิ้นถิง

เซียวเจิ้นถิงมิได้มีบิดาที่ดีพร้อมอย่างหนิวตั้น และไม่ได้มีพระเจ้าแผ่นดินที่ใช้งานเขาโดยปราศจากความเคลือบแคลงใจ เส้นทางการเติบโตของเขานั้นยากเย็นกว่าเห้อเหลียนเป่ยหมิงมาก แต่เขาใช้ความสามารถที่แท้จริงค่อยๆ ก้าวขึ้นมายืนอยู่ในตำแหน่งแม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพต้าโจว

ด้วยเหตุนี้เองฮ่องเต้แห่งต้าโจวจึงเกรงกลัวเขา หาวิธีให้เขาวางมือจากอำนาจในกองทัพ ส่วนฮ่องเต้แห่งต้าโจวใช้วิธีอะไรนั้น ผู้คนไม่น้อยย่อมรู้ดี เซียวเจิ้นถิงหลงรักพระชายาผู้เป็นหม้ายของเยี่ยนอ๋อง หากไม่ใช่นางก็จะไม่ยอมแต่งงานกับผู้ใด ฮ่องเต้จึงใช้อำนาจทางการทหารมาบีบบังคับเขา ตามหลักแล้ว เมื่อเรื่องดำเนินมาจนถึงจุดนี้ เซียวเจิ้นถิงก็ควรล้มเลิกความตั้งใจที่จะแต่งงานกับพระชายาของเยี่ยนอ๋อง เพราะอย่างไรเสียใต้หล้านี้กว้างใหญ่นัก ด้วยตำแหน่งของเขา ปรารถนาสตรีคนใดก็ย่อมต้องได้มาครอบครอง

ทว่าเซียวเจิ้นถิงกลับยอมทิ้งอำนาจในกองทัพ

บางทีเขาอาจรักพระชายามาก หรือบางทีเขาอาจใช้โอกาสนี้ในการแลกชีวิตของเหล่าพี่น้องนับแสนคนกลับคืนมา

ความจริงเป็นอย่างไร นอกจากเจ้าตัวแล้ว เกรงว่าคงไม่มีใครรู้

กระนั้นก็มีเรื่องหนึ่งที่ยืนยันได้ก็คือ ตั้งแต่ที่เซียวเจิ้นถิงส่งมอบอำนาจทางการทหารไปแล้ว เขาไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับราชสำนักอีกเลย มีเพียงครั้งเดียวก็คือเมื่อเซียวเหยี่ยนหลานชายของเขาเกิดเรื่อง แต่ในตอนนั้นฮ่องเต้ก็มิได้ให้อำนาจในกองทัพแก่เขาเท่าไรนัก เขาจำต้องพึ่งพากองทัพในเมืองโยวโจวซึ่งมีอยู่น้อยนิด ตีกองทัพของซยงหนูซึ่งมีทหารนับแสนนายจนล่าถอยไป

ในตอนนั้น อวี๋เซ่าชิงและเซียวเหยี่ยนสร้างความดีความชอบในการเปิดเผยรายชื่อสายลับ แต่ผู้ที่ทำให้กองทัพซยงหนูขวัญหนีดีฝ่อตัวจริงก็คือเทพสงครามโลหิตเหล็กผู้นี้นี่เอง

ที่ใดมีเขา ที่นั่นก็คือสุสานของฝ่ายศัตรู

หากเห้อเหลียนเป่ยหมิงไม่ได้สูญสิ้นวรยุทธ์ องค์ประมุขย่อมไม่มีวันกลัวเซียวเจิ้นถิง เซียงเจิ้นถิงเก่งกาจเพียงใด เห้อเหลียนเป่ยหมิงก็เก่งกาจไม่แพ้กัน และบางที การมีพ่อซึ่งเป็นแม่ทัพผู้ปราดเปรื่องอย่างหนิวตั้น มีประสบการณ์ที่สั่งสมมารุ่นสู่รุ่น กลยุทธ์การศึกของเห้อเหลียนเป่ยหมิงอาจเหนือกว่าด้วยซ้ำไป

แน่นอนว่าเขาไม่อาจส่งเห้อเหลียนเป่ยหมิงลงไปในสนามรบได้ ขอเพียงเป็นคนส่งทหารไป นั่นก็เป็นขวัญกำลังใจที่แข็งแกร่งที่สุดให้แก่เหล่าทหารของหนานจ้าวแล้ว

เพียงแต่ว่า…

เมื่อคิดถึงกลยุทธ์การศึกที่ไร้รูปแบบตายตัวของเซียวเจิ้นถิงแล้ว องค์ประมุขก็เกิดกลัวขึ้นมาว่าเขาจะส่งคนแทรกซึมเข้ามาในกองทัพเพื่อลอบสังหารเห้อเหลียนเป่ยหมิง

ฮ่องเต้แห่งต้าโจวให้ความสำคัญกับเยี่ยนอ๋องถึงเพียงนั้นเชียวหรือ? ให้ความสำคัญถึงขนาดที่ยอมมอบอำนาจทางการทหารให้แก่เซียวเจิ้นถิงอีกครั้งหนึ่ง

องค์ประมุขอยู่ในภาวะคับขันเสียแล้ว!

ไม่มีผู้ใดคาดว่าจะเกิดจุดหักเหเช่นนี้ แม้ว่าตัวตนของราชบุตรเขยจะถูกเปิดเผย แต่คนส่วนมากก็ไม่คิดว่าเรื่องนี้จะนำมาซึ่งภัยคุกคามต่อหนานจ้าว ปัญหาส่วนตัวของคนสองคน ไฉนจึงกลายเป็นสงครามระหว่างประเทศไปได้?

จากข่าวกรองของแนวหน้า ดูเหมือนว่าฮ่องเต้แห่งต้าโจวจะกล่าวโทษตี้จีแห่งหนานจ้าวว่ากักขังหน่วงเหนี่ยวเยี่ยนอ๋อง

เรื่องนี้น่าขบคิด

เป็นไปได้หรือไม่ว่าการแต่งงานของเยี่ยนอ๋องและตี้จีองค์เล็กจะมีเบื้องลึกเบื้องหลัง?

“ข้าได้ยินว่าเยี่ยนอ๋องและพระชายามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เยี่ยนอ๋องเองก็ไม่ได้ดูเหมือนผู้ที่จะหนีไปมีภรรยาใหม่”

“เยี่ยนอ๋องเป็นผู้ที่มีความเที่ยงธรรม เป็นวิญญูชนที่ซื่อสัตย์ จะทิ้งภรรยาไปได้อย่างไร?”

“นั่นสิ ทั้งยังโกหกว่าตนตายไปแล้ว นั่นไม่ได้มีโทษฐานหลอกลวงเบื้องสูงหรือ? หากทำความผิดฐานหลอกลวงเบื้องสูง ฮ่องเต้แห่งต้าโจวควรจะลงโทษประหารเขาเสีย แต่โทษประหารมิใช่เรื่องง่าย ส่งสาส์นมาฉบับหนึ่งให้องค์ประมุขแห่งหนานจ้าวก็ได้แล้วนี่”

แน่นอนว่าย่อมมีคนคิดว่าฮ่องเต้แห่งต้าโจวฉวยโอกาสนี้ขยายอำนาจ เขาเพียงแค่อยากโจมตีหนานจ้าวก็เท่านั้น เพียงแต่ปราศจากข้ออ้างที่เหมาะสม บัดนี้จึงทำตามอำเภอใจเช่นนี้

นอกจากนั้นแล้วก็ยังมีเรื่องที่ตี้จีองค์เล็กลักพาตัวเยี่ยนอ๋อง ให้เขาดื่มยามานานหลายปี และทำให้เขา

หลงลืมตัวตนของตนเองไป

ตี้จีองค์เล็กยึดสามีของพระชายาเอาไว้ ทำให้ครอบครัวต้องพลัดพรากจากกัน บัดนี้นางได้รับผลกรรม

ผลกรรมมาเยือนแผ่นดินหนานจ้าวแล้ว

“ดาวนำโชคอะไรกัน ข้าว่านี่มันกาลกิณีชัดๆ!”

“นั่นน่ะสิ ตอนนั้นราชครูคนก่อนทำนายผิดหรือเปล่านะ?”

เรื่องคำทำนายในปีนั้นถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงอีกครั้ง และครั้งนี้ไม่ใช่ความข้างเดียวอีกต่อไป ชาวบ้านจำนวนไม่น้อยกล่าวถึงตี้จีองค์โต ว่าเด็กคนนั้นดูอย่างไรก็ไม่เหมือนคนอับโชค

นางสมรสกับแม่ทัพสกุลเห้อเหลียน ให้กำเนิดลูกสาวหนึ่งคน และลูกชายอีกหนึ่งคน ลูกสาวมีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ของหนานจ้าวในครอบครอง ลูกเขยเป็นถึงซื่อจื่อ หลานชายเป็นปรมาจารย์พิษอาวุโสที่อายุน้อยที่สุด

ต้องสะสมบุญบารมีกี่ภพกี่ชาติจึงจะโชคดีได้เท่านาง

ในทางกลับกัน ไม่มีใครอยากจะมองตี้จีองค์เล็กอีกต่อไป

องค์ประมุขรู้สึกเหนื่อยล้ากับเรื่องชายแดนของหนานจ้าวเหลือเกิน หลายวันมานี้ไม่ได้คิดจะเข้าไปเหยียบวังหลัง แต่ถึงเขาจะไม่ไป ก็ไม่ได้หมายความว่าข่าวคราวจะมาไม่ถึง

เรื่องที่เป็นประเด็นร้อนในหมู่ชาวบ้านได้มาถึงที่นี่ตั้งนานแล้ว

คนในวังหลวงคุ้นเคยกับการพายเรือตามน้ำ เมื่อชื่อเสียงของตี้จีองค์โตดีขึ้น อวิ๋นเฟยก็ได้รับการปฏิบัติที่ดีขึ้นตามไปด้วย

ในตอนนั้นอวิ๋นเฟยสร้างมลทินให้กับองค์ประมุข จึงต้องเผชิญกับความเดียดฉันท์จากทั้งองค์ประมุขและฮองเฮา ด้วยเหตุนี้ครอบครัวของอวิ๋นเฟยจึงตีตัวออกห่างจากนาง หลายปีมานี้นางใช้ชีวิตในวังหลวงด้วยความขมขื่น ไร้ที่พึ่งจากญาติมิตร

บัดนี้ไม่ได้เป็นเช่นนั้นอีกต่อไป ส้มโอชั้นดีเข้ามาในวังหลวง ก็ถูกส่งไปยังตำหนักของนางทันที

ฮองเฮาจำต้องกินของที่นางเลือกแล้ว

นี่ย่อมไม่ใช่รับสั่งขององค์ประมุข แต่องค์ประมุขไม่ได้เสด็จมาหาฮองเฮาหลายวันนั้นล้วนแต่อยู่ในสายตาของคนในวัง นั่นไม่ได้หมายความว่าทางองค์ประมุขไม่สนใจฮองเฮาแล้วหรอกหรือ?

“ข้างนอกว่าอย่างไรกันบ้าง?” ในตำหนัก ฮองเฮาถามขันทีด้วยสีหน้าเย็นชา

ขันทีตัวสั่น ทำใจดีสู้เสือตอบไปว่า “ทูลฮองเฮา ข้างนอกว่ากันว่า…ว่าในปีนั้นราชครูคนก่อนทำนายผิด ตี้จีองค์โตเป็น…เป็นดาวนำโชค ตี้จีองค์เล็กของพวกเราเป็น…กาลกิณี…”

“สามหาว!” ฮองเฮายกกำปั้นขึ้นทุบโต๊ะ

น้อยครั้งนักที่นางจะโมโหร้ายเช่นนี้ คนในวังต่างตกใจกลัวจนตัวสั่นเทิ้ม

ตั้งแต่ที่ฮองเฮาเข้ามาในวัง ก็ประนีประนอม ไม่เคยสร้างปัญหา หากจะมีปัญหาใด ก็คงจะเป็นเรื่องของอวิ๋นเฟย แต่เรื่องของอวิ๋นเฟยและองค์ประมุขนั้นเป็นเพียงอุบัติเหตุ อวิ๋นเฟยปีนขึ้นแท่นบรรทมไปแล้วอย่างไร? แม้แต่ลูกในไส้ก็ยังรักษาไว้ไม่ได้เลยนี่ องค์ประมุขเกลียดนางเพียงใดไม่ต้องเอ่ยถึง ด้วยความรู้สึกผิด พระองค์จึงปฏิบัติต่อฮองเฮาดีกว่าแต่ก่อนเสียอีก

วันเวลาผ่านไปอย่างราบรื่น ฮองเฮามิไม่คาดฝันแม้แต่น้อยว่าจะเกิดเรื่องเหล่านี้ขึ้น

ฮองเฮาตั้งสติ พยายามระงับไฟโทสะในอก “แล้วอย่างไรอีก?”

ขันทีซึ่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้ายกมือขึ้นปาดเหงื่อแล้วตอบว่า “เจ้าพวกชาวบ้านโง่งมพวกนั้นยังบอกอีกว่าสงครามในครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะตี้จีองค์เล็ก จึงขอให้องค์ประมุขตัดสินโทษประหารแก่ตี้จีองค์เล็กพ่ะย่ะค่ะ”

“บังอาจ!” ฮองเฮาลุกขึ้นยืน

ขันทีและนางกำนัลหมอบลงกับพื้นในทันใด ไม่กล้าส่งเสียงแม้แต่น้อย

ฮองเฮากลับไม่ได้คิดมากถึงขั้นนั้น นางคิดเพียงว่าในตอนนี้ลูกสาวของนางกำลังตกที่นั่งลำบาก หากหลีเอ๋อร์สามารถสร้างความดีความชอบทางการทหารได้ สิ่งที่ลูกสาวของนางกำลังเผชิญอยู่ย่อมต้องดีขึ้นเป็นแน่

เมื่อคิดถึงท่าทางกระหยิ่มยิ้มย่องอย่างได้ใจของอวิ๋นเฟย ฮองเฮาก็บอกกับตนเองว่าไม่ว่าอย่างไรก็ต้องขัดขวางไม่ให้ตี้จีองค์โตขึ้นครองตำแหน่ง!

ฮองเฮาจับมือของหนานกงหลีเอาไว้ พร้อมกับกล่าวว่า “ยังไม่ต้องพูดถึงกองทัพที่มีทหารนับแสนนาย ลำพังเซียวเจิ้นถิงคนเดียวก็มีวรยุทธ์สูงส่งแล้ว ใต้หล้าหาผู้ใดต่อกรด้วยยากนัก เจ้าจะสังหารเขา มีวิธีหรือไม่?”

ใต้หล้าหาผู้ใดต่อกรด้วยยาก แต่อย่าลืมว่าเขามีซิวหลัว

ซิวหลัวเดิมทีก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่ขัดต่อหลักการแห่งธรรมชาติอยู่แล้ว

หากจะให้ซิวหลัวสังหารทหารนับแสนนายก็ออกจะเกินจริงไปสักหน่อย แต่หากให้เขาสังหารเซียวเจิ้นถิงเพียงคนเดียวย่อมมิใช่เรื่องใหญ่

หนานกงหลีส่งสายตาเป็นเชิงปลอบประโลมให้แก่ฮองเฮา แล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ท่านยายอย่าได้กังวลไป หากข้าไม่มีแผนการที่เฉียบขาด ข้าคงไม่มาขอร้องท่านเช่นนี้ ท่านเพียงช่วยข้าโน้มน้าวให้ท่านตาส่งข้าไปแนวหน้า ข้ามั่นใจว่าจะนำหัวของเซียวเจิ้นถิงกลับมาได้!”

อีกด้านหนึ่ง สกุลเห้อเหลียนก็ได้ข่าวเรื่องกองทัพที่ชายแดนเช่นกัน แต่ที่ต่างกันออกไปก็คือพวกเขาไม่ได้ฟังผู้อื่นพูด แต่เขาได้รับจดหมายซึ่งเขียนด้วยลายมือของเซียวเจิ้นถิง ส่งผ่านม้าเร็วมาถึงเยี่ยนจิ่วเฉาโดยตรง

เมื่ออวี๋หวั่นอ่านจดหมายจบ นัยน์ตาเป็นประกาย “ท่านพ่อมาแล้ว!”

เนื้อหาในจดหมายนั้นไม่ยักคล้ายกับเรื่องที่ผู้คนพูดกัน

ฮ่องเต้ต้าโจวเดือดดาลอย่างมาก จึงรับสั่งให้เซียวเจิ้นถิงนำทัพมายังหนานจ้าว

เซียวเจิ้นถิงยินดีจะนำทัพมา แต่ไม่ใช่เพื่อเอาใจฮ่องเต้

แต่เขาเดินทางมายังหนานจ้าวเพียงเพื่อเยี่ยนจิ่วเฉาและอวี๋หวั่น

ได้ยินว่าเยี่ยนอ๋องยังมีชีวิตอยู่ เขามีภรรยามีลูกแล้ว

และยังได้ยินอีกว่าเยี่ยนจิ่วเฉาและอวี๋หวั่นเดินทางมายังหนานจ้าว และกำลังเผชิญศึกอยู่ที่นี่

“เดี๋ยวนะ” อวี๋หวั่นอ่านจดหมายไปถึงประโยคสุดท้าย เธอกะพริบตาปริบๆ “ท่านพ่อบอกว่าเขาจะมาหาพวกเราที่เมืองหลวง!”

………….

ฮองเฮาออกโรงเอง ในที่สุดก็สามารถโน้มน้าวองค์ประมุขให้ส่งหนานกงหลีไปยังแนวหน้า อีกทั้งแต่งตั้งให้หนานกงหลีมีตำแหน่งเป็นแม่ทัพเจิ้นเป่ย

หนานกงหลีรับภารกิจ พร้อมกับสาบานว่าหากไม่ได้ศีรษะของเซียวเจิ้นถิง เขาก็จะไม่กลับเมืองหลวง!

เขามีความมั่นใจกับกับภารกิจในครั้งนี้อย่างเต็มเปี่ยม ซิวหลัวเองก็ตบอกเบาๆ บอกเป็นนัยว่าการสังหารเซียวเจิ้นถิงมิใช่ปัญหา!

หนานกงหลีเดินทางไปยังชายแดนพร้อมกับซิวหลัวด้วยความองอาจ ไหนเลยจะรู้ว่าพวกเขากลับคว้าน้ำเหลว

เซียวเจิ้นถิงไม่ได้อยู่ในค่ายทหาร!!!

หนานกงหลีมองไปยังม้วนคำสั่งในมือของตน แทบจะเป็นบ้าเสียตรงนั้น!

อ๊าาาากกกกก!

เขาอยู่ที่ไหน!!!

……………………………….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]