ความประหลาดใจฉายผ่านใบหน้าของชายสวมชุดคลุมที่แม้นหมื่นปีไม่ปรากฏ “เจ้าว่าอย่างไรนะ? พบแล้วรึ?”
“เจ้าค่ะ ข้าพบแล้ว! ข้าเห็นมากับตา! แม้นางจะอ้วนขึ้น! แต่ใบหน้านั้น…เป็นสตรีในรูปไม่ผิดแน่!” อีม่านวางแผ่นภาพยับยู่ยี่ลงบนโต๊ะหน้าชายสวมชุดคลุม
แม้เดิมทีภาพวาดจะมีอายุนานหลายปีก็ยังไม่ถึงกับยับยู่ยี่ แต่เพราะระหว่างทาง อีม่านตื่นเต้นเกินไปจนทำให้มันมีสภาพเช่นนี้
ชายสวมชุดคลุมสัมผัสได้ถึงความตื่นเต้นของอีม่าน หากที่นางพูดเป็นจริง พวกเขาก็พบหัวขโมยที่ขโมยไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว เช่นนั้นอย่าว่าแต่อีม่านเลย เขาเองก็ตื่นเต้นเหนือสิ่งใด
ทว่าหลายปีมานี้พวกเขาต้องผิดหวังมานักต่อนัก ชายสวมชุดคลุมไม่เชื่อง่ายๆ ว่าพวกเขาจะทำสำเร็จ
“นางอยู่ที่ใด?” ชายสวมชุดคลุมถาม
อีม่านเอ่ย “ในจวนเจ้าค่ะ!”
ชายสวมชุดคลุมขมวดคิ้วด้วยความสงสัย “จวน? เจ้าหมายถึงจวนรัชทายาทหรือ?”
จะเป็นไปได้อย่างไร? พวกเขาอยู่ในจวนรัชทายาทมานานเพียงใด? ตรวจสอบทุกคนแล้วก็ไม่พบหัวขโมยในเวลานั้น
อีม่านเอ่ยต่อ “ข้าคิดว่าเสื้อผ้าที่นางสวมไม่เหมือนกับสาวใช้ในจวน!”
“เป็นแขกของจวนหรือ?” ชายสวมชุดคลุมครุ่นคิด
“ก็ดูไม่เหมือนนัก…” อีม่านหวนนึกถึงสิ่งที่ตนเห็น “นางแต่งกายเหมือนสาวใช้ ทว่าไม่ใช่ของจวนรัชทายาท”
ชายสวมชุดคลุมชะงัก และเอ่ยต่อ “เช่นนั้นก็อาจเป็นสาวใช้ที่มาใหม่ หรือไม่ก็มีแขกคนใดมาที่จวน แล้วนางเป็นสาวใช้ของเขา เจ้าไปสอดแนมดูว่าวันนี้มีแขกคนใดมาที่จวน?”
“เจ้าค่ะ!” อีม่านเอ่ยรับคำ หันหลังออกประตูไป
“ช้าก่อน” ชายสวมชุดคลุมเรียกนาง “เลี่ยเฟิงละ? เจ้าให้เขาไป บอกว่าอย่าแหวกหญ้าให้งูตื่น”
อีม่านไปที่ห้องของเลี่ยเฟิง ประตูห้องปิดสนิท ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เลี่ยเฟิงฝึกฝนกู่อยู่ในห้องนี้ทุกเช้าค่ำ ชั่วยามนี้เขาก็คงไม่อยากถูกรบกวน
“เลี่ยเฟิง” อีม่านเรียกเขา
คนในห้องไม่ตอบกลับมา
อีม่านไม่ใช่ยอดฝีมือที่มีวรยุทธ์ จึงไม่อาจสัมผัสได้ว่าในห้องไร้ซึ่งลมหายใจของคนเป็นแล้ว
นางยกมือขึ้นเคาะประตู “เลี่ยเฟิง ใต้เท้าเรียกหาเจ้า”
ยังคงไม่มีเสียงใดตอบกลับมา
“หรือว่าจะหลับไปแล้ว?” อีม่านมองลอดช่องของประตู ไฟในห้องก็ถูกดับแล้ว
อีม่านกลับไปรายงานชายสวมชุดคลุม “เลี่ยเฟิงหลับอยู่เจ้าค่ะ ไม่เช่นนั้นให้ข้าไปแทนดีหรือไม่ นางเป็นสาวใช้ ย่อมต้องไปไหนมาไหนที่เรือนหลังได้ ข้าเป็นสตรี ไปที่เรือนหลังก็สะดวก”
“เลี่ยเฟิงหลับแต่หัวค่ำเช่นนี้เชียวหรือ?” ชายสวมชุดคลุมรู้สึกว่าวันนี้เลี่ยเฟิงทำตัวแปลกไป แต่ก็ไม่ได้คิดมาก จึงพยักหน้าให้อีม่าน “เจ้าไปเถอะ หากเป็นแขกในจวนจริงๆ แปดในสิบส่วนคงมาเยี่ยมพระชายารัชทายาท เช่นนั้นเจ้าก็นำยาเม็ดหนึ่งไปอย่างเปิดเผย”
“เจ้าค่ะ!” สตรีพิษกลับไปนำยาบำรุงเลือดและลมปราณมา ยาชนิดนี้ไม่อาจฆ่าคนให้ตายและไม่อาจรักษาโรค ไม่มียาชนิดใดเหมาะกับการแสร้งทำดีไปกว่านี้อีกแล้ว
ยามนี้อวี๋หวั่นยังไม่รู้ตัวว่าถูกคนอื่นคิดว่าตนเป็นหัวขโมย เธอกลับมาที่เรือนของชุยเฒ่า ชุยเฒ่ากำลังปรุงยารักษาครรภ์อยู่ในครัว
“คงไม่ได้เกิดเรื่องใดกระมัง?”
จู่ๆ เสียงของอวี๋หวั่นก็ดังขึ้นที่ประตู ชุยเฒ่าสะดุ้งตกใจ มือไม้สั่นจนขวดยาเกือบจะหลุดมือ!
ชุยเฒ่าจ้องอวี๋หวั่นอย่างขุ่นเคือง “ข้าจะมีเรื่องได้อย่างไร? เจ้าไม่ได้เกิดเรื่องใช่หรือไม่?”
“ข้าจะมีเรื่องได้อย่างไร?” อวี๋หวั่นเดินเข้ามาอย่างสบายๆ
“หน้าเจ้าเป็นอะไรไป?” ชุยเฒ่าถามพลางจ้องมองเธอ
“หน้ากากหลุดน่ะสิ!” อวี๋หวั่นดึงหน้ากากออกมาเล่นในมือและกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “เดี๋ยวข้าค่อยติดมันเข้าไปใหม่”
อวี๋หวั่นเหลือบมองขวดยาที่วางอยู่ด้านหน้า “เอาละ ไม่ต้องทำแล้ว นางไม่จำเป็นต้องใช้ยารักษาครรภ์จริงๆ คนลงกู่ถูกสังหารแล้ว พวกเรารีบไปกันเถอะ ไม่เช่นนั้นเดี๋ยวหากหานจิ้งซูฟื้นขึ้นมา ก็ยากจะอธิบายว่านางฟื้นได้อย่างไร”
ทันทีที่สิ้นเสียง จวินฉางอันก็ก้าวเข้ามา “ท่านหมอเทวดาชุย!”
อวี๋หวั่นไม่ทันตั้งตัว ในมือยังถือหน้ากากหนังมนุษย์อยู่เลย ทำไมจวินฉางอันก็ตามมาหาอีก?
จวินฉางอันรู้จักตัวตนที่แท้จริงของเธอ แต่จวินฉางอันไม่รู้ว่าชุยเฒ่าเองก็รู้เช่นกัน ตนเปิดหน้ากากพูดคุยเรื่องชีวิตกับชุยเฒ่าในครัว แม้แต่คนโง่ก็ยังเดาออกว่าเธอสนิทสนมคุ้นเคยกับชุยเฒ่า
อวี๋หวั่นร้อนรนใจ!
ชุยเฒ่าหยิบขี้เถ้าจากเตาหนึ่งกำมือมาถูใบหน้าของอวี๋หวั่นอย่างใจเย็น
ในเสี้ยววินาทีใบหน้าอวี๋หวั่นก็กลายเป็นแมวหลากสี “…”
ทันทีที่จวินฉางอันเข้ามาในห้องก็ตกใจกับใบหน้าของอวี๋หวั่น “ฮูหยิน ท่าน…”
อวี๋หวั่นพ่นขี้เถ้าในปากออกมาเงียบๆ ด้วยใบหน้าดำเป็นเถ้าถ่าน “ไม่เป็นไร ข้าแค่เพิ่งต้มยาให้พระชายารัชทายาทเท่านั้น”
จวินฉางอัน : ผลการต้มยาที่ไม่อาจเลี่ยงของท่านก็รุนแรงเกินไป คนรู้คงบอกว่าท่านกำลังต้มยา แต่หากไม่รู้คงคิดว่าท่านถูกยาต้มไปแล้ว…
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]