หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3] นิยาย บท 31

ความประหลาดใจฉายผ่านใบหน้าของชายสวมชุดคลุมที่แม้นหมื่นปีไม่ปรากฏ “เจ้าว่าอย่างไรนะ? พบแล้วรึ?”

“เจ้าค่ะ ข้าพบแล้ว! ข้าเห็นมากับตา! แม้นางจะอ้วนขึ้น! แต่ใบหน้านั้น…เป็นสตรีในรูปไม่ผิดแน่!” อีม่านวางแผ่นภาพยับยู่ยี่ลงบนโต๊ะหน้าชายสวมชุดคลุม

แม้เดิมทีภาพวาดจะมีอายุนานหลายปีก็ยังไม่ถึงกับยับยู่ยี่ แต่เพราะระหว่างทาง อีม่านตื่นเต้นเกินไปจนทำให้มันมีสภาพเช่นนี้

ชายสวมชุดคลุมสัมผัสได้ถึงความตื่นเต้นของอีม่าน หากที่นางพูดเป็นจริง พวกเขาก็พบหัวขโมยที่ขโมยไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว เช่นนั้นอย่าว่าแต่อีม่านเลย เขาเองก็ตื่นเต้นเหนือสิ่งใด

ทว่าหลายปีมานี้พวกเขาต้องผิดหวังมานักต่อนัก ชายสวมชุดคลุมไม่เชื่อง่ายๆ ว่าพวกเขาจะทำสำเร็จ

“นางอยู่ที่ใด?” ชายสวมชุดคลุมถาม

อีม่านเอ่ย “ในจวนเจ้าค่ะ!”

ชายสวมชุดคลุมขมวดคิ้วด้วยความสงสัย “จวน? เจ้าหมายถึงจวนรัชทายาทหรือ?”

จะเป็นไปได้อย่างไร? พวกเขาอยู่ในจวนรัชทายาทมานานเพียงใด? ตรวจสอบทุกคนแล้วก็ไม่พบหัวขโมยในเวลานั้น

อีม่านเอ่ยต่อ “ข้าคิดว่าเสื้อผ้าที่นางสวมไม่เหมือนกับสาวใช้ในจวน!”

“เป็นแขกของจวนหรือ?” ชายสวมชุดคลุมครุ่นคิด

“ก็ดูไม่เหมือนนัก…” อีม่านหวนนึกถึงสิ่งที่ตนเห็น “นางแต่งกายเหมือนสาวใช้ ทว่าไม่ใช่ของจวนรัชทายาท”

ชายสวมชุดคลุมชะงัก และเอ่ยต่อ “เช่นนั้นก็อาจเป็นสาวใช้ที่มาใหม่ หรือไม่ก็มีแขกคนใดมาที่จวน แล้วนางเป็นสาวใช้ของเขา เจ้าไปสอดแนมดูว่าวันนี้มีแขกคนใดมาที่จวน?”

“เจ้าค่ะ!” อีม่านเอ่ยรับคำ หันหลังออกประตูไป

“ช้าก่อน” ชายสวมชุดคลุมเรียกนาง “เลี่ยเฟิงละ? เจ้าให้เขาไป บอกว่าอย่าแหวกหญ้าให้งูตื่น”

อีม่านไปที่ห้องของเลี่ยเฟิง ประตูห้องปิดสนิท ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เลี่ยเฟิงฝึกฝนกู่อยู่ในห้องนี้ทุกเช้าค่ำ ชั่วยามนี้เขาก็คงไม่อยากถูกรบกวน

“เลี่ยเฟิง” อีม่านเรียกเขา

คนในห้องไม่ตอบกลับมา

อีม่านไม่ใช่ยอดฝีมือที่มีวรยุทธ์ จึงไม่อาจสัมผัสได้ว่าในห้องไร้ซึ่งลมหายใจของคนเป็นแล้ว

นางยกมือขึ้นเคาะประตู “เลี่ยเฟิง ใต้เท้าเรียกหาเจ้า”

ยังคงไม่มีเสียงใดตอบกลับมา

“หรือว่าจะหลับไปแล้ว?” อีม่านมองลอดช่องของประตู ไฟในห้องก็ถูกดับแล้ว

อีม่านกลับไปรายงานชายสวมชุดคลุม “เลี่ยเฟิงหลับอยู่เจ้าค่ะ ไม่เช่นนั้นให้ข้าไปแทนดีหรือไม่ นางเป็นสาวใช้ ย่อมต้องไปไหนมาไหนที่เรือนหลังได้ ข้าเป็นสตรี ไปที่เรือนหลังก็สะดวก”

“เลี่ยเฟิงหลับแต่หัวค่ำเช่นนี้เชียวหรือ?” ชายสวมชุดคลุมรู้สึกว่าวันนี้เลี่ยเฟิงทำตัวแปลกไป แต่ก็ไม่ได้คิดมาก จึงพยักหน้าให้อีม่าน “เจ้าไปเถอะ หากเป็นแขกในจวนจริงๆ แปดในสิบส่วนคงมาเยี่ยมพระชายารัชทายาท เช่นนั้นเจ้าก็นำยาเม็ดหนึ่งไปอย่างเปิดเผย”

“เจ้าค่ะ!” สตรีพิษกลับไปนำยาบำรุงเลือดและลมปราณมา ยาชนิดนี้ไม่อาจฆ่าคนให้ตายและไม่อาจรักษาโรค ไม่มียาชนิดใดเหมาะกับการแสร้งทำดีไปกว่านี้อีกแล้ว

ยามนี้อวี๋หวั่นยังไม่รู้ตัวว่าถูกคนอื่นคิดว่าตนเป็นหัวขโมย เธอกลับมาที่เรือนของชุยเฒ่า ชุยเฒ่ากำลังปรุงยารักษาครรภ์อยู่ในครัว

“คงไม่ได้เกิดเรื่องใดกระมัง?”

จู่ๆ เสียงของอวี๋หวั่นก็ดังขึ้นที่ประตู ชุยเฒ่าสะดุ้งตกใจ มือไม้สั่นจนขวดยาเกือบจะหลุดมือ!

ชุยเฒ่าจ้องอวี๋หวั่นอย่างขุ่นเคือง “ข้าจะมีเรื่องได้อย่างไร? เจ้าไม่ได้เกิดเรื่องใช่หรือไม่?”

“ข้าจะมีเรื่องได้อย่างไร?” อวี๋หวั่นเดินเข้ามาอย่างสบายๆ

“หน้าเจ้าเป็นอะไรไป?” ชุยเฒ่าถามพลางจ้องมองเธอ

“หน้ากากหลุดน่ะสิ!” อวี๋หวั่นดึงหน้ากากออกมาเล่นในมือและกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “เดี๋ยวข้าค่อยติดมันเข้าไปใหม่”

อวี๋หวั่นเหลือบมองขวดยาที่วางอยู่ด้านหน้า “เอาละ ไม่ต้องทำแล้ว นางไม่จำเป็นต้องใช้ยารักษาครรภ์จริงๆ คนลงกู่ถูกสังหารแล้ว พวกเรารีบไปกันเถอะ ไม่เช่นนั้นเดี๋ยวหากหานจิ้งซูฟื้นขึ้นมา ก็ยากจะอธิบายว่านางฟื้นได้อย่างไร”

ทันทีที่สิ้นเสียง จวินฉางอันก็ก้าวเข้ามา “ท่านหมอเทวดาชุย!”

อวี๋หวั่นไม่ทันตั้งตัว ในมือยังถือหน้ากากหนังมนุษย์อยู่เลย ทำไมจวินฉางอันก็ตามมาหาอีก?

จวินฉางอันรู้จักตัวตนที่แท้จริงของเธอ แต่จวินฉางอันไม่รู้ว่าชุยเฒ่าเองก็รู้เช่นกัน ตนเปิดหน้ากากพูดคุยเรื่องชีวิตกับชุยเฒ่าในครัว แม้แต่คนโง่ก็ยังเดาออกว่าเธอสนิทสนมคุ้นเคยกับชุยเฒ่า

อวี๋หวั่นร้อนรนใจ!

ชุยเฒ่าหยิบขี้เถ้าจากเตาหนึ่งกำมือมาถูใบหน้าของอวี๋หวั่นอย่างใจเย็น

ในเสี้ยววินาทีใบหน้าอวี๋หวั่นก็กลายเป็นแมวหลากสี “…”

ทันทีที่จวินฉางอันเข้ามาในห้องก็ตกใจกับใบหน้าของอวี๋หวั่น “ฮูหยิน ท่าน…”

อวี๋หวั่นพ่นขี้เถ้าในปากออกมาเงียบๆ ด้วยใบหน้าดำเป็นเถ้าถ่าน “ไม่เป็นไร ข้าแค่เพิ่งต้มยาให้พระชายารัชทายาทเท่านั้น”

จวินฉางอัน : ผลการต้มยาที่ไม่อาจเลี่ยงของท่านก็รุนแรงเกินไป คนรู้คงบอกว่าท่านกำลังต้มยา แต่หากไม่รู้คงคิดว่าท่านถูกยาต้มไปแล้ว…

เวลานี้อวี๋หวั่นอยากจะตีชุยเฒ่าให้ตาย คืนใบหน้าที่งดงามดุจบุปผาจันทรา และผิวพรรณที่บอบบางอ่อนนุ่มของเธอมา!

ชุยเฒ่ากระแอม เอ่ยกับจวินฉางอัน “ยารักษาครรภ์พร้อมแล้ว นำไปมอบให้พระชายาได้ เมื่อนางดื่มยาแล้ว ไม่นานก็จะเริ่มคลายกู่ของนางได้”

“ไม่ต้องแล้วละ พวกท่านกลับไปได้แล้ว” จวินฉางอันเอ่ย

ชุยเฒ่าตกตะลึงและอวี๋หวั่นก็เช่นกัน

สิ่งใดคือไม่ต้องแล้ว? พวกเขากลับไปได้แล้ว?

ข้อมูลในคำพูดนั้นมากเกินไปสักหน่อยนะ!

จวินฉางอันชะงัก ขณะที่ตื่นเต้น ก็พูดด้วยอารมณ์ซับซ้อนเล็กน้อย “พระชายารัชทายาทฟื้นแล้ว…ถูกคนรักษาหายแล้ว”

จะฟื้นก็ไม่แปลก ในเมื่อคนลงกู่ตายแล้ว กู่บนร่างกายของนางก็ควรจะคลายออก แต่ประโยคหลังหมายความเช่นไร? ถูก คน รักษา หายแล้ว?

ในห้องของหานจิ้งซู สตรีพิษมีสีหน้าตกตะลึง!

นางมองหานจิ้งซูผู้ที่ลืมตามองตนเอง ตัวสั่นด้วยความตกใจจนหงายหลังล้มลงกับพื้น!

นี่มันอะไรกัน?

ไหนว่าเป็นยาบำรุงเลือดและลมปราณ? เหตุใดถึงทำให้เจ้าตื่นขึ้นมา?

สตรีพิษมาตามหาหัวขโมยไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ เมื่อครู่นางสืบรู้มาว่าในจวนได้เชิญหมอเทวดาท่านหนี่งมา หมอเทวดามีสาวใช้ติดมาด้วยคนหนึ่ง สตรีพิษเดาว่าสาวใช้คนนั้นก็คือคนที่นางเห็นในสวน

หมอเทวดาและสาวใช้ไปเตรียมยาให้พระชายารัชทายาทแล้ว นางก็ไม่รู้วรยุทธ์ ไม่อาจแอบเข้าไปได้ หากจะตามไปด้วยก็ไม่มีเหตุผล จึงหยิบยาบำรุงเลือดและลมปราณที่เตรียมไว้ในตอนแรกออกมา และกล่าวกับคนใช้ที่เรือนว่า “ข้ามียาที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษเม็ดหนึ่ง ไม่รู้ว่าจะได้ผลหรือไม่ แต่ถึงขั้นนี้แล้วก็ต้องลองใช้ทุกวิถีทาง!”

ผู้คนรู้ว่าเยี่ยนไหวจิ่งให้ความสำคัญกับหอวั่งเยว่มากเพียงใด ทั้งสตรีพิษก็เคยมารักษาหานจิ้งซู กล่าวอีกนัยหนึ่ง ทุกคนต่างก็มองว่าสตรีพิษเป็นหมอเทวดาอีกคน

สตรีพิษนำยามาให้หานจิ้งซู เช่นนั้นก็ย่อมไม่อาจขวางได้

เหล่าข้ารับใช้ต้อนรับสตรีพิษด้วยความนอบน้อม

สตรีพิษใช้การส่งยาบังหน้าเพื่อมารอชุยเฒ่ากับอวี๋หวั่น แต่ข้ารับใช้มากมายเช่นนั้นจับตามอง นางไม่กล้ารอ จึงป้อนยาบำรุงให้หานจิ้งซู และผลที่ปรากฏก็คือฉากก่อนหน้านี้

ไม่มีผู้ใดรู้จักพิษกู่ชนิดนี้ซึ่งไม่อาจถอนได้ดีไปกว่าสตรีพิษ หากเป็นเลี่ยเฟิงก็อาจเป็นไปได้ แต่นางไม่อาจแก้ไขได้อย่างแน่นอน นับประสาอะไรกับนางที่ไม่ได้ตั้งใจมาแก้จริงๆ สิ่งที่นางป้อนให้คือยาบำรุงปราณและเลือด

ยาบำรุงปราณและเลือด…มีฤทธิ์คลายกู่ตั้งแต่เมื่อใด?

สตรีพิษตื่นตระหนกตกใจ

แต่ข้ารับใช้คนอื่นๆ กลับดีใจจนหน้าบาน

“แม่นางอีม่านทำได้แล้ว!”

“ใช่! ต้องขอบคุณแม่นางอีม่าน!”

“องครักษ์จวินไม่ได้พาหมอเทวดามาอีกท่านหรือ? สั่งให้องครักษ์จวินไปเตรียมยา แล้วยังให้พี่ลวี่เอ้อไปเตรียมเรือน ผลสุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้ ต้องพึ่งแม่นางอีม่าน!”

สตรีพิษไม่รู้ว่าทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ในสมองมีเพียงความคิดเดียว : ไม่ดีแล้ว!

พูดตามตรง จวินฉางอันเองก็เจ็บใจเช่นกัน!

หากเจ้ามียาของบรรพบุรุษ เหตุใดก่อนหน้านี้ไม่นำมาใช้? ต้องรอให้ข้าถูกไป๋เสี่ยวเซิงขูดเลือดขูดเนื้อถึงนำออกมาได้ นี่ไม่เป็นการจ่ายราคาไปเปล่าๆ หรอกหรือ?

“ข้านี่….”

จวินฉางอันอยากฆ่าคนยิ่งนัก!

ว่าแต่…ยาเม็ดมีการตกทอดมาจากบรรพบุรุษด้วยหรือ? สืบทอดมากี่ชั่วอายุคน? แน่ใจว่าไม่หักหรือ?

แม้จะสงสัย แต่หานจิ้งซูตื่นขึ้นแล้วจริง เขาฝืนใจมารายงานชุยเฒ่ากับอวี๋หวั่น หรือจะบอกว่า…มาแจ้งคำสั่งขับไล่

แน่นอน อวี๋หวั่นกับชุยเฒ่ารู้ว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร พวกเขาสังหารคนลงกู่ กู่ของหานจิ้งซูจึงถูกคลาย ประจวบเหมาะที่มีคนนำยาเม็ดมาป้อนหานจิ้งซูแล้วนางก็ฟื้นขึ้นพอดี

อวี๋หวั่นไม่พอใจ!

เหตุใดโรคที่เธอรักษา กลับกลายเป็นผลงานของคนอื่นไปเฉยๆ?

ตกลงกันไว้ว่าค่ารักษาหมื่นตำลึง! แล้วเป็นตำลึงทองด้วย!

ยามนี้ผลงานตกเป็นของคนอื่น เช่นนั้นไม่ได้หมายความว่าเงินหมื่นตำลึงทองบินหายไปจากเธอแล้วหรอกหรือ?

อวี๋หวั่นกระแอมเบาๆ “อะแฮ่ม เอ่อ…หากข้าบอกเจ้าว่า ข้าเป็นคนถอนกู่ของพระชายารัชทายาท เจ้าจะเชื่อหรือไม่?”

จวินฉางอันเหลือบมองอวี๋หวั่นอย่างเมินเฉย “ท่านคิดว่าหน้าข้ามีคำว่า ‘ไอ้โง่’ เขียนไว้หรือ?”

อวี๋หวั่น “…”

จบกัน!

……………………

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]