หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3] นิยาย บท 32

หลังจากอัญเชิญดาบเล่มนั้นด้วยโลหิตและพละกำลังทั้งหมด สุ่ยเยว่ชิงก็หมดแรงล้มฟุบ เขารับรู้ได้ถึงพลังงานมหาศาลที่อยู่ในจิตวิญญาณของอาจารย์ปู่ เพียงแต่พลังงานนั้น มิใช่ใช้ได้ไม่มีวันหมด มันมีเวลาจำกัด หวังเพียงก่อนหมดเวลาที่กำหนด วิญญาณมารที่ยังคงอยู่ในช่วงโกลาหลจะถูกกำจัดสิ้นซาก

“ดูเหมือนต่อสู้กันดุเดือดมากทีเดียว สุดท้ายผู้ใดจะเป็นฝ่ายชนะ?” อวี๋หวั่นถาม

ระหว่างทางกลับ อวี๋หวั่นและคนอื่นๆ ได้เดินทางออกมาไกลพอแล้ว แต่พวกเขายังคงได้ยินเสียงเคลื่อนไหวดังสนั่นจากด้านหลัง

“ยากจะบอกได้” คนที่ตอบเป็นจิ้งอู๋โจ้ว

จิ้งอู๋โจ้วยกโจวจิ่นที่อยู่บนหลังขึ้น พลางเอ่ยกับอวี๋หวั่นและเยี่ยนจิ่วเฉาต่อว่า “พวกเจ้าเคยได้ยินเสียงมังกรเมื่อครู่นั่นหรือไม่? หากข้าเดาไม่ผิด คงมาจากจิตวิญญาณบางส่วนของอาจารย์ปู่แห่งนิกายศักดิ์สิทธิ์ ยามที่สุ่ยเยว่ชิงตัดสินใจจะต่อสู้กับปรมาจารย์เซียนจิ่วเฉา ข้าก็สัมผัสได้แล้ว แม้การเอ่ยเช่นนี้อาจทำให้ปรมาจารย์เซียนไม่พอใจ แต่อาจารย์ปู่แห่งนิกายศักดิ์สิทธิ์เป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งนิกายศักดิ์สิทธิ์ รองจากประมุขศักดิ์สิทธิ์ผู้เดียว อานุภาพของเขายิ่งใหญ่มหาศาล”

อวี๋หวั่นถามด้วยความประหลาดใจ “ฟังน้ำเสียงของเจ้า ดูเหมือนนิกายศักดิ์สิทธิ์จะชนะ ทว่าเขามีเพียงเสี้ยวของจิตวิญญาณ เช่นนี้จะเพียงพอสังหารประมุขมารได้หรือ?”

จิ้งอู๋โจ้วส่ายหัว “ประมุขมารยังหลอมรวมกับร่างใหม่ไม่ได้ แม้แต่วิญญาณมารของเขาก็ยังอยู่ในสภาพไม่สมบูรณ์ ไม่สามารถใช้พลังดั้งเดิมที่เคยมีได้ หากอาจารย์ปู่ลงมือด้วยตนเอง ก็เป็นไปได้มากว่าจะสามารถฆ่าเขาได้ แต่ลำพังเพียงเศษเสี้ยวจิตวิญญาณ…เอ่อ บอกได้ยาก บอกได้ยากจริงๆ”

อวี๋หวั่นพยักหน้า ดูเหมือนสถานการณ์ของโจวจิ่นจะดีกว่าประมุขมารมาก ตอนนี้เธอเชื่อแล้วว่าเวลานั้นประมุขศักดิ์สิทธิ์ได้จัดการประมุขมารสาหัสสากรรจ์เพียงใด จิตวิญญาณได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง ไม่สามารถแม้แต่จะกลับชาติมาเกิด ได้แต่วนเวียนอยู่อีกโลกราวกับวิญญาณที่โดดเดี่ยว สุดท้ายได้กลับมาในที่ของตน กลับยังต้องซ่อมแซมวิญญาณที่เสียหายและหลอมรวมกับร่างกายใหม่ มองอย่างไรก็เป็นงานใหญ่ทีเดียว

อวี๋หวั่นเหลือบมองเยี่ยนจิ่วเฉา พบว่าเขาเงียบงันไม่เอ่ยสิ่งใด เธอจึงถามว่า “เป็นอะไรไป?”

“ข้ารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ” เยี่ยนจิ่วเฉากล่าว

“อะไรผิดปกติหรือ?” อวี๋หวั่นถาม

เยี่ยนเสี่ยวซื่อนอนหลับสบายในอ้อมแขนบิดา เยี่ยนจิ่วเฉาชูมือข้างหนึ่งออกมา เห็นกลุ่มควันหนึ่งพวยพุ่งจากกลางฝ่ามือ

อวี๋หวั่นขมวดคิ้ว “นี่คือ…”

เยี่ยนจิ่วเฉาชะงักและเอ่ยว่า “วิชาอายุวัฒนะ เริ่มทำงานด้วยตัวมันเองอีกครั้งแล้ว”

เหตุผลที่บอกว่าอีกครั้ง เพราะเหตุการณ์ที่คล้ายกันเคยเกิดขึ้นมาก่อน เยี่ยนจิ่วเฉาไม่ได้ทำอะไร แต่วิชาอายุวัฒนะกลับตื่นขึ้นมาด้วยตัวเอง

“มีอันตราย” เยี่ยนจิ่วเฉากล่าว

ทันทีที่สิ้นเสียง กำลังภายในของวิชาอายุวัฒนะก็พุ่งไปด้านหลังพวกเขาราวกับลูกธนู

สิ่งที่พุ่งออกไปพร้อมกับวิชาอายุวัฒนะ คือสัตว์พิษตัวน้อยที่อยู่ในแขนเสื้อของอวี๋หวั่น

อวี๋หวั่นประหลาดใจ “นี่ เจ้าจะรีบร้อนไปทำอะไร?”

สัตว์พิษตัวน้อยขี่ลูกธนูที่มองไม่เห็นจากวิชาอายุวัฒนะ ราวกับนั่งจรวด พุ่งออกไปจนลับสายตา!

ทั้งสัตว์พิษตัวน้อยและวิชาอายุวัฒนะต่างสัมผัสได้ถึงไอมารทรงพลังไร้เทียมทาน จึงพุ่งออกไปจัดการพร้อมกันโดยไม่นัดหมาย ทว่าคราวนี้ไม่ใช่ไอมารหมอกดำธรรมดา แต่เป็นวิญญาณมารที่แท้จริง

วิญญาณมารบดขยี้กำลังภายในของวิชาอายุวัฒนะจนแหลกสลาย

เมื่อสัตว์พิษตัวน้อยเห็นจรวดน้อยของตนแตกเป็นเสี่ยงๆ พลันตื่นตระหนกวิ่งหนีเตลิด!

อวี๋หวั่นเห็นธานอสน้อยจอมเผด็จการองอาจหนีมาอยู่ในอ้อมแขนเธอด้วยอาการตื่นตกใจ

สัตว์พิษตัวน้อยตัวสั่นระริก

อวี๋หวั่นกัดฟัน “เจ้าไปกินอะไรที่ไม่ควรกินอีกแล้วใช่หรือไม่?”

ยามที่อยู่หมิงซานก็เป็นเช่นนี้ เป็นแค่ทารกสัตว์พิษตัวเล็กๆ กลับกล้าวิ่งไปกินราชันหมื่นสัตว์พิษ ไม่ดูกำลังตน สุดท้ายก็ถูกไล่ฆ่ามาอย่างอเนจอนาถ

ขณะที่อวี๋หวั่นกำลังสงสัยว่าคราวนี้เกิดอะไรขึ้นอีก ก็ถูกเยี่ยนจิ่วเฉาคว้ามือถอยหลังไปหลายก้าว

อวี๋หวั่นได้สติกลับมา ตั้งใจมองดีๆ ก็เห็นก้อนสีดำขนาดราวๆ ลูกบอลบินตรงมาทางพวกเขา รอบๆ ก้อนสีดำนั้นลุกโชนด้วยเปลวไฟสีดำ ทว่าไม่ใช่เปลวไฟของจริง แต่เป็นพลังงานของวิญญาณมาร

“นั่นอะไร?” เธอถามด้วยความสงสัย

“วิญญาณมาร” เยี่ยนจิ่วเฉากล่าว

แม้เขาจะไม่เคยเห็นมาก่อน แต่สิ่งที่ทำให้วิชาอายุวัฒนะตื่นตัวพร้อมรบเช่นนี้ คำตอบก็มีอยู่ไม่มากนัก

“เป็นวิญญาณมารไม่ผิดแน่! แปลกจริง วิญญาณมารมิได้หลอมรวมกับร่างใหม่หรอกหรือ? เหตุใดออกมาเดี่ยวๆ?” จิ้งอู๋โจ้วไม่รู้ว่าทั้งหมดนี้เกิดอะไรขึ้น หรือว่ามีบางอย่างผิดปกติกับร่างกายใหม่ ทำให้วิญญาณมารไม่สามารถหลอมรวมกับมันได้?

แต่วิญญาณมารมาที่นี่ด้วยเหตุใด?

หลังจากวิญญาณมารผ่านไปไม่นาน จิตวิญญาณของอาจารย์ปู่ก็ไล่ตามมา

พวกเขาเห็นมังกรวิญญาณโปร่งแสงขนาดมหึมา กัดก้อนสีดำขนาดใหญ่นั้นในคำเดียว

ก้อนสีดำขนาดใหญ่ระเบิดเสียงกรีดร้องน่าสะพรึงกลัว

อวี๋หวั่นรู้สึกว่าแก้วหูตนจะรับไม่ไหว เสียงนี้…ช่างแสบแก้วหูยิ่งนัก!

ก้อนสีดำขนาดใหญ่พยายามดิ้นให้หลุดพ้นจากปากของมังกรวิญญาณ บินห่างออกไปหลายสิบก้าว ก่อนจะหันหัวกระแทกเข้ากับมังกรวิญญาณ

บัดนี้มังกรวิญญาณมาถึงช่วงเวลาสุดท้ายแล้ว วิญญาณมารเองก็รับรู้ได้เช่นกัน เขาจึงเลือกที่จะสู้กลับ ผลเป็นดังที่คาดไว้ การปะทะกันครั้งนี้ทำให้มังกรวิญญาณสลายไป

“จบเห่แล้ว จบเห่แล้ว จิตวิญญาณของอาจารย์ปู่สลายไปแล้ว พวกเราตายแน่…” ขาของจิ้งอู๋โจ้วอ่อนแรง เหงื่อเย็นไหลเผาะๆ

ดูเหมือนวิญญาณมารจะมุ่งตรงมาที่โจวจิ่นที่อยู่บนหลังเขา แต่คิดแล้วก็ไม่แปลก แม้วิญญาณมารจะยังไม่ฟื้นคืนสติ แต่ความเกลียดชังระหว่างเขากับประมุขศักดิ์สิทธิ์ได้สลักเข้าไปในจิตวิญญาณแล้ว สัญชาตญาณของเขาต้องการกำจัดประมุขศักดิ์สิทธิ์!

“จะ จะ จะ…จะทำอย่างไรดี?” จิ้งอู๋โจ้วจะร้องไห้

เยี่ยนจิ่วเฉาเหาะขึ้นไป ยืนขวางด้านหน้าจิ้งอู๋โจ้ว โบกมือปล่อยกำลังภายในวิชาอายุวัฒนะออกไป

สิ่งที่เยี่ยนจิ่วเฉาไม่รู้คือ หลังจากเข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แล้ว สิ่งที่วิชาอายุวัฒนะปล่อยออกไปไม่ได้มีเพียงกำลังภายในเท่านั้น แต่ยังมีร่องรอยของพลังวิญญาณบริสุทธิ์อีกด้วย

ทว่าวิชาอายุวัฒนะที่ชำระไอมารในร่างกายได้อย่างง่ายดายในวังมาร คราวนี้กลับไม่อาจชำระวิญญาณมารให้บริสุทธิ์ได้

ควันดำรอบวิญญาณมารพลิ้วไหว ราวกับถูกลมพัด สลายพลังงานไปเล็กน้อย แต่ก็ไม่มากนัก

เยี่ยนจิ่วเฉาใช้วิชาอีกสองสามครั้งอย่างไม่ออมมือ แต่กลับสร้างความเสียหายต่อวิญญาณมารได้เพียงเล็กน้อยจนแทบจะนับไม่ได้

ดวงตาของเขาทอประกายเยือกเย็น สะบัดแขนเสื้อ มือไพล่ไปด้านหลัง “ดูเหมือนจะฆ่าไม่ตาย”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]