ฮูหยินไป๋มองสามีของตน ตะลึงพรึงเพริดจนผลักชายชู้ออก นางควานหาผ้าห่ม หมายจะนำมาปกปิดเรือนร่างของตน แต่กลับลืมไปว่าผ้าห่มได้ถูกทั้งสองเตะจนร่วงลงจากเตียง
นางรุดลงมาจากเตียง หยิบเสื้อผ้าขึ้นมาลวกๆ แล้วรีบนำขึ้นมาปกปิดร่างกาย
ชายชู้ไม่เคยเห็นนายท่านไป๋ ยังคิดว่าเขาเข้ามาผิดห้อง ขณะที่เขากำลังจะตะคอกใส่ นายท่านไป๋ก็เดินขึ้นไปข้างหน้า ยกเท้าขึ้นมาถีบเขาหงายหลัง!
หลังจากนั้นนายท่านไป๋พุ่งเข้าไปตบหน้านาง “สารเลว!”
แรงจากฝ่ามือในครั้งนี้รุนแรงเสียยิ่งกว่าครั้งที่เขาตบไป๋ถัง ไป๋ถังเป็นลูกของเขา คนเป็นพ่อสั่งสอนลูก ก็เพียงเพื่อให้นางจดจำ มิได้หมายจะฆ่าแกง ทว่าครั้งนี้เขากลับรู้สึกอยากฆ่าฮูหยินไป๋ให้รู้แล้วรู้รอด
ไม่มีบุรุษคนใดสามารถทนเห็นภรรยาของตนทำเรื่องบัดสีเช่นนี้ได้
ฮูหยินไป๋ถูกตบจนชนเข้ากับเสาเตียง หน้าผากกระแทก ปากแตกจนเลือดไหลออกมา
กระนั้นนางกลับไม่กล้าลุกขึ้นมาสู้ ทำได้เพียงคุกเข่าตัวสั่นระริก “นะ…นายท่าน…”
“เขาคือนายท่านไป๋หรอกรึ?” ชายชู้ตะลึงงัน
นายท่านไป๋ไม่เคยรู้สึกโกรธเกรี้ยวมากถึงเพียงนี้ เขาปฏิบัติต่อภรรยาด้วยความรักและจริงใจมาตลอด ด้วยกลัวว่านางจะรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ไม่เคยคิดจะมีอนุภรรยา แต่ในช่วงเวลาที่ชีวิตของบุตรสาวของเขาแขวนอยู่บนเส้นด้าย จำต้องไปเชิญหมอ นางกลับมาคลอเคลียอยู่กับบุรุษ!
“ถ้าไม่ใช่เพราะถังเอ๋อร์เห็นเจ้า ข้าก็คงถูกพวกเจ้าสวมเขาเช่นนี้ไปเรื่อยๆ! ”
ฮูหยินไป๋ตื่นตะลึง จนลืมเอะใจด้วยซ้ำว่าไป๋ถังเห็นตนได้อย่างไร นางร่ำไห้และคลานเข้าไปแทบเท้านายท่านไป๋ “นายท่านฟังข้าอธิบายก่อน…”
อธิบาย?
คำพูดนี้ฮูหยินไป๋เอ่ยขึ้นเองโดยปราศจากความโอหังใดๆ นางถูกสามีจับได้คาหนังคาเขา จะหมายความว่านางบีบบังคับผู้อื่นได้อย่างไร?
ทว่าวันนี้ นางกลับครุ่นคิดเรื่องนี้มากกว่าแต่ก่อน นางเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ทันใดนั้นเอง ชายชู้ก็บังเกิดความคิดอันอาจหาญขึ้นในหัว เขามิได้สนว่าตนเองล่อนจ้อนเปล่าเปลือย พุ่งเข้าไปปิดประตูและลงกลอน
นายท่านไป๋ขมวดคิ้ว “เจ้าจะทำอะไร?”
ฮูหยินไป๋มองไปยังเขาด้วยความตื่นตะลึงเช่นกัน
ชายชู้คว้ามีดสั้นคมกริบในเสื้อออกมา แล้วมองไปยังนายท่านไป๋ด้วยเจตนาร้าย
ฮูหยินไป๋สีหน้าเปลี่ยนในฉับพลัน “หวนหลาง เจ้าทำอะไรน่ะ!”
ชายชู้มองไปยังนายท่านไป๋ด้วยสายตาเย็นเยียบ “เจ้าไม่ได้อยากกำจัดเขาหรอกหรือ? ตอนนี้เป็นโอกาสที่ดี ขอเพียงเขาตาย เจ้าก็จะได้จับนางเด็กนั่นแต่งเข้าสกุลเฉิน คฤหาสน์สกุลไป๋ทั้งหลังก็จะเป็นของเจ้าแล้ว”
ฮูหยินไป๋ตกใจ นางรู้สึกซาบซึ้งใจในคำพูดของหวนหลางไปชั่วขณะหนึ่ง ทว่าเพียงชั่วพริบตาหนึ่งนางก็ตั้งสติได้ “ไม่ได้นะหวนหลาง ฆ่าคนมีโทษถึงตาย!”
ชายชู้มิได้ฟังคำพูดของนาง ไม่ว่าเรื่องของนางจะจบลงอย่างไร เขาก็ยากที่จะหลบเลี่ยงความตายได้พ้น ในเมื่อเป็นเช่นนี้ มิสู้ชิงลงมือ สังหารนายท่านไป๋ผู้นี้เสียดีกว่าหรือ เพียงเท่านี้ก็มีโอกาสรอดและมีโอกาสในการครอบครองสมบัติของสกุลไป๋!
ชายชู้ยกมีดขึ้น แล้วพุ่งตรงไปหานายท่านไป๋ทันที!
เขาเคลื่อนไหวได้รวดเร็วและมีพลัง นายท่านไป๋หลบหนีไม่ทัน ดูแล้วนายท่านไป๋จะต้องสิ้นใจด้วยเงื้อมมือของชายชู้เป็นแน่ ทันใดนั้นเองประตูก็ถูกถีบจากด้านนอกจนเปิดออก
ร่างสูงใหญ่พุ่งเข้าใส่ชายชู้อย่างเกรี้ยวกราด จนชายชู้ล้มลงไปกับพื้นด้วยท่าทางเจ็บปวด มีดในมือกระเด็นหลุดออกไป
ผู้มาใหม่มิได้รอให้ชายชู้ตอบสนอง หมัดหนักรัวใส่ใบหน้าของชายชู้ราวกับเกล็ดหิมะโปรยปราย ชายชู้ถูกต่อยเสียจนจมูกเขียวใบหน้าบวมเป่ง มึนงงไปหมด
เมื่อมั่นใจแล้วว่าชู้รักมีอาการร่อแร่จนไม่อาจลุกขึ้นมาทำอะไรได้อีก ผู้มาใหม่จึงลุกขึ้นยืน
เขาต่อยหนักเกินไป จนเลือดไหลอาบกำปั้น
นายท่านไป๋มองไปยังผู้มีพระคุณของตนด้วยความตื่นตระหนก เด็กหนุ่มคนนี้มีดวงตาของผู้ผดุงความยุติธรรม เพียงแต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ใบหน้าของเขากลับเปรอะเปื้อนไปด้วยสีดำของถ่าน
หรือว่าเขาเป็นคนงานในห้องครัว?
นายท่านไป๋เอ่ยถาม “เจ้าคือ…”
อวี๋เฟิงพยายามกดความตื่นเต้น “ข้า…ข้าผ่านมาพอดี ได้ยินว่ามีคนจะฆ่ากัน…”
นายท่านไป๋กระจ่างทันที ยกมือขึ้นคำนับ “ขอบคุณน้องชายที่มาช่วย ขอถามสักหน่อยว่าน้องชายชื่อว่าอันใด บ้านอยู่ที่ไหน วันหลังข้าจะไปขอบคุณ”
“มะ…ไม่เป็นไร” อวี๋เฟิงหันหลัง รุดรีบออกไปจากห้อง
นายท่านไป๋ลองไต่ถามถึงผู้มีพระคุณของเขาในโรงน้ำชา แต่กลับได้รับคำตอบว่าในโรงน้ำชาไม่มีบุคคลผู้นี้ เขาน่าจะเป็นแขกที่โรงน้ำชามากกว่า
นายท่านไป๋มิได้เดินหาตามห้องต่างๆ คนผู้นั้นไม่บอกชื่อเสียงเรียงนาม ย่อมหมายความว่าเขาไม่ต้องการถูกรบกวน นายท่านไป๋ทำได้เพียงเก็บความซาบซึ้งเอาไว้ในใจ
ไฟในไม่ควรนำออก เรื่องของฮูหยินไป๋และชายชู้มิได้ถูกนำไปแจ้งต่อทางการ แต่นี่ก็มิได้หมายความว่าเขาจะปล่อยทั้งสองคนไป เขามีชีวิตอยู่มาจนถึงป่านนี้ สร้างชื่อเสียงเอาไว้มาก ไม่มีเรื่องใดที่เขาทำไม่ได้
ฮูหยินไป๋และชายชู้ถูกนำตัวไปคฤหาสน์สกุลไป๋ และถูกขังไว้ในเรือนคนละหลัง
สตรีคนหนึ่งสร้างเรื่องพรรค์นี้เอาไว้ ก็อย่าหวังว่าเขาจะพูดเรื่องสามีภรรยาอันใดด้วยอีก ส่วนชายชู้นั้นยิ่งน่าเวทนาเสียยิ่งกว่า
ชายชู้ถูกยามของคฤหาสน์ทุบตีจนสลบไปอยู่หลายรอบ สภาพกึ่งเป็นกึ่งตาย
ในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหว “อย่าตีข้าเลย…ขอร้องละอย่าตีข้าเลย…มีอะไรข้าจะบอกทุกอย่าง…”
เดิมที ชายชู้ผู้นี้กำเนิดในคณะแสดงศิลปะการต่อสู้คณะหนึ่ง เขามิได้นับว่ามีรูปร่างหน้าตาโดดเด่น ฝีมือการแสดงไม่นับว่าดีเยี่ยม ทว่าโชคดีที่อายุยังน้อยและมีพลังกาย จึงเป็นที่ถูกตาต้องใจฮูหยินไป๋
หลายปีมานี้ ฮูหยินไป๋ให้เงินเขาไม่น้อย เขาออกจากคณะแสดง แล้วเปิดคณะแสดงของตนเอง แต่เนื่องจากมีปัญหาด้านการบริหารจัดการ ไม่นานก็ปิดตัวลง จากนั้นจึงเปิดร้านน้ำชา ทำไปได้ไม่นานก็ปิดกิจการลงเช่นกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]