หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3] นิยาย บท 33

เยี่ยนเสี่ยวซื่อลืมตาขึ้นพบว่าตนอยู่ในอ้อมแขนมารดา จึงยืดคอมองหาบิดา

“อูว้า”

ท่านพ่อละ?

เยี่ยนจิ่วเฉาถูกวิญญาณมารถูไปกับพื้น สภาพยากจะอธิบายได้

เพียงแต่มีหญ้าบังไว้ น้อยคนนักที่จะมองเห็น

เยี่ยนเสี่ยวซื่อตามหาบิดาอย่างร้อนใจ สายลมหนึ่งพัดมา พาให้ใบหญ้าเล็กๆ ลอยเข้าจมูกของเยี่ยนเสี่ยวซื่อ เยี่ยนเสี่ยวซื่อตัวสั่นสะดุ้ง “ฮัดชิ่ว!”

พื้นหญ้าถูกพลังมหาศาลนี้กดลงราบเรียบไปกับพื้น วิญญาณมารที่ไม่ทันตั้งตัวถูกพัดกระเด็น

วิญญาณมารตกตะลึง

เกิดอะไรขึ้น?

เหตุใดตนถึงลอยละลิ่วเช่นนี้?

เขาบินได้อย่างไร? ทั้งยังบินมาไกลถึงข้างกายสุ่ยเยว่ชิง

เมื่อสุ่ยเยว่ชิงเห็นก้อนสีดำขนาดใหญ่ที่จู่ๆ ก็ตกลงจากท้องฟ้ามาอยู่ข้างกายตน ใบหน้าก็พลันซีดเผือด ไอมารน่าเกรงขามเช่นนี้ หรือนี่จะเป็น…วิญญาณมารกระมัง? แต่ตนก็ไม่มีเรี่ยวแรงจะสู้อีกแล้ว…

ขณะที่สุ่ยเยว่ชิงคิดว่าตนต้องตายเป็นแน่ วิญญาณมารก็ไม่สนใจเขาและบินกลับไปในทิศที่จากมา

สำหรับวิญญาณมาร คู่ต่อสู้อย่างสุ่ยเยว่ชิงไม่ใช่คู่ปรับของเขา แต่เป็นคนที่จามแล้วทำให้เขาลอยมาถึงนี่ต่างหาก

วิญญาณมารถูกปลุกจิตวิญญาณการต่อสู้อันไม่มีที่สิ้นสุด รีบพุ่งไปหาเยี่ยนเสี่ยวซื่อทันที

หญ้าที่นี่สกปรก จมูกของเยี่ยนเสี่ยวซื่อคันยุบยิบ นางจามออกมาอีกครั้ง

วิญญาณมาร “…”

บ้าเอ๊ย?

แบบนี้ก็ได้ด้วยหรือ?

วิญญาณมารกลิ้งไปบนพื้นเจ็ดสิบแปดสิบตลบ ในที่สุดก็ตั้งตัวได้

หากตอนนี้เขามีสีหน้าก็คงขมวดคิ้วครุ่นคิด เขาใช้เปลวไฟสีดำเสกมือข้างหนึ่งมารองใต้คางของตน…เอ่อ…ลูกทรงกลม แล้วครุ่นคิดในใจ

ต้องเป็นเพราะวิธีที่ตนเปิดไม่ถูกต้องเป็นแน่ ไม่เช่นนั้นเหตุใดถึงถูกเด็กน้อยที่ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมจามใส่จนปลิวได้?

วิญญาณมารใช้ความคิด เปลี่ยนรูปทรงกลมเป็นกล่องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ วิ่งไปหาเยี่ยนเสี่ยวซื่อ

เยี่ยนเสี่ยวซื่อ “ฮัดชิ่ว!”

วิญญาณมาร “…”

วิญญาณมารเปลี่ยนร่างเป็นมีด ดาบ และแม้แต่เข็มเงินเล็กๆ นับไม่ถ้วน แต่ทั้งหมดกลับต้องพ่ายแพ้ต่อการจามของเสี่ยวซื่อ

“เหตุใดถึงจามตลอดเวลา? เป็นไข้หรือ?” อวี๋หวั่นแตะหน้าผากของบุตรี แล้วส่งหลัวช่าน้อยในอ้อมแขนให้จิ้งอู๋โจ้ว

จิ้งอู๋โจ้วใช้ผ้าผูกโจวจิ่นไว้กับหลัง จึงยกมือมาอุ้มเด็กได้

แต่ทันที่เขาอุ้ม หลัวช่าน้อยก็ตื่นขึ้น

หลัวช่าน้อยจ้องมองเขาอย่างดุร้าย จนจิ้งอู๋โจ้วรู้สึกชาศีรษะ

เด็กคนนี้เป็นสิ่งชั่วร้ายอะไรกันแน่?

จริงสิ หลัวช่าโลหิต เขาคงไม่ได้จะดูดเลือดตนกระมัง?

หลัวช่าน้อยรับรู้ถึงพลังปราณที่อันตราย พลันกระโดดออกจากอ้อมแขนจิ้งอู๋โจ้ว จ้องมองไปทางทิศของวิญญาณมารอย่างเย็นชา หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ยกหมัดเล็กๆ บินไปหาวิญญาณมารด้วยความเร็วเต็มกำลัง

“เสี่ยวเจา!” อวี๋หวั่นพยายามหยุดเขา แต่เขาหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเสียแล้ว

วิญญาณมารดึงตัวเองออกจากหินและฟื้นฟูรูปร่างกลับเป็นทรงกลมที่สบายที่สุด

หมัดเล็กๆ ฟาดลงมาจากฟ้า วิญญาณมารเบี่ยงตัวหลบ

หมัดของหลัวช่าน้อยกระแทกกับหิน หินทั้งก้อนแตกออก ทำให้เห็นน้ำหนักของหมัดเล็กๆ นั้น

ท่าไม้ตายของหลัวช่าน้อยคือการดูดเลือดมนุษย์ แต่พลังนั้นไม่อาจใช้ได้ในการต่อสู้กับวิญญาณมาร เพราะอีกฝ่ายคือร่างวิญญาณ ไม่มีเลือดเนื้อ

แต่หลัวช่าน้อยก็ยังมีกำลังภายในอันน่าทึ่งที่เกิดจากวิชาอายุวัฒนะ

แน่นอนว่าวิชาอายุวัฒนะของเขายังแตกต่างจากวิชาอายุวัฒนะของเยี่ยนจิ่วเฉา วิชาอายุวัฒนะของเขามีผลกับพลังกายมากกว่า ส่วนการชำระล้างไอมารยังไม่ดีเช่นนั้น

ยามที่เยี่ยนจิ่วเฉาอยู่ในวังมาร วิชาอายุวัฒนะในร่างกายชำระล้างไอมารที่อยู่ใกล้เขาตลอดเวลา ขณะที่วิชาอายุวัฒนะของหลัวช่าน้อยเลือกที่จะไม่สนใจไอมาร ปล่อยให้ตันโลหิตอีกครึ่งหนึ่งจัดการ

ตันโลหิตเป็นร่างมาร สามารถรับไอมารได้เป็นอย่างดี

ซึ่งก็หมายความว่า หลัวช่าน้อยมีความสามารถในการปรับตัวที่แข็งแกร่งกว่าเยี่ยนจิ่วเฉา

ไม่ช้าวิญญาณมารก็พบว่าเจ้าตัวเล็กนี้สามารถใช้ไอมารของเขาเปลี่ยนให้ตนแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่แปลก เขาเป็นประมุขมารทั้งหลาย พลังงานที่เขาแผ่ออกมานั้น มีต้นกำเนิดเดียวกับพลังที่เหล่าผู้บำเพ็ญมารต้องการ เพียงแต่ละเอียดยิ่งกว่า

ทว่าทุกอย่างเป็นดาบสองคม หลัวช่าน้อยสามารถต้านทานไอมารของประมุขมารได้ ก็หมายความว่าประมุขมารสามารถยึดร่างของเขาได้อย่างง่ายดายเช่นกัน

ร่างรวมเผ่าศักดิ์สิทธิ์และมารเป็นสิ่งล่อใจที่ร้ายแรงต่อผู้บำเพ็ญมารทุกคน

วิญญาณมารใช้พลังก่อร่างลิ้นสีดำเล็กๆ เลียริมฝีปากที่ไม่มีอยู่จริง

ร่างกายนี้เหมาะกับเขายิ่งกว่าร่างกายใหม่ที่ถูกมังกรวิญญาณนั่นทำลายไป

เพียงแต่ตัวเล็กไปหน่อย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]