หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3] นิยาย บท 34

สุ่ยเยว่ชิงมีเจตนาของตนหรือไม่? แน่นอนว่ามี

ตอนแรกเยี่ยนจิ่วเฉาเอาแต่กล่าวว่า ‘นี่เป็นเรื่องของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของพวกเจ้า ไม่เกี่ยวกับเรา และไม่เกี่ยวกับโจวจิ่น ขอเพียงโจวจิ่นต้องการจะไป ข้าก็จะพาเขาไป’ คำพูดเดิมเป็นเช่นนี้หรือไม่ สุ่ยเยว่ชิงก็จำไม่ได้แล้ว แต่ความหมายไม่ต่างกันมากนัก

สุ่ยเยว่ชิงกำลังคิดว่าคราวนี้คงเกี่ยวกับพวกเจ้าแล้วกระมัง? บุตรีแท้ๆ กลืนวิญญาณมาร ต้องย่อยเป็นเวลาร้อยแปดสิบปี ต้องทนเจ็บปวดทรมานเช่นนี้ทุกปี ไม่ได้มีชีวิตเช่นคนธรรมดา พวกเจ้าคงทุกข์ใจแล้วกระมัง? ต่อให้โจวจิ่นสำคัญเพียงใด จะสำคัญไปกว่าบุตรีแท้ๆ หรือ?

เอ่ยตรงๆ คือสุ่ยเยว่ชิงเพียงแค่อยากเห็นเยี่ยนจิ่วเฉากับอวี๋หวั่นกลืนน้ำลายตนเอง

เอ่ยเป็นมั่นเหมาะว่าไม่บังคับโจวจิ่น แต่ในยามวิกฤติก็ยังต้องใช้โจวจิ่น

และโจวจิ่นจะทำอย่างไร ไม่ต้องคิดก็รู้คำตอบ เขาจะช่วยเยี่ยนเสี่ยวซื่อ เป็นมิตรภาพหนึ่งในการอยู่ร่วมกัน แต่ท้ายที่สุดก็จะหลงเหลือเพียงความเย็นชา เขาจะไม่มีความรู้สึกใดๆ กับตัวตนทางโลกอีก

โจวจิ่นที่กำลังนั่งสมาธิอยู่ข้างๆ ลืมตามองสุ่ยเยว่ชิงที่คุยกับเยี่ยนจิ่วเฉาและอวี๋หวั่นเสร็จแล้ว สุ่ยเยว่ชิงก็เหลือบมองเขาเช่นกัน เห็นเพียงสีหน้าสงสัยของเขาแต่ไม่ได้เอ่ยสิ่งใด

โจวจิ่นมองเยี่ยนจิ่วเฉากับอวี๋หวั่น

อวี๋หวั่นยิ้มให้เขา “ไม่มีอะไร เจ้าฝึกพลังไปก่อนเถอะ”

โจวจิ่นพยักหน้า หลับตาลงแล้วฝึกพลังต่อไป

“น้ำหมดแล้ว ไปตักน้ำที่นั่นกัน” อวี๋หวั่นถือถังไม้มาถังหนึ่ง เอ่ยกับเยี่ยนจิ่วเฉา

เยี่ยนจิ่วเฉาเข้าใจความหมายของเธอ ส่งเสียงอืม หยิบถังไม้มาแล้วไปที่ลำธารกับเธอ

จิ้งอู๋โจ้วมองด้านหลังของคนทั้งสอง พลางเขยิบเข้าใกล้โจวจิ่นเงียบๆ พวกเขาไม่สะดวกพูด เช่นนั้นเขาพูดแทนก็จบแล้วมิใช่หรือ?

ไม่คาดคิดว่ายังไม่ทันอ้าปาก เยี่ยนจิ่วเฉาก็เอ่ยขึ้น “จิ้งอู๋โจ้ว เจ้าไปทำอาหาร!”

ฉิบหาย!

ด้านหลังศีรษะของเจ้ามีตาหรืออย่างไร?

แล้วให้ทำอาหารมันเรื่องใด? ย่างกระต่ายสองตัวยังไม่พอ? เจ้าอยากกินอะไรอีก? ทำอาหาร? มีข้าวหรือไง?!

ตุบ!

ถุงข้าวตกลงมาจากท้องฟ้ามาอยู่ตรงหน้าจิ้งอู๋โจ้ว

จิ้งอู๋โจ้ว “…”

หลังจากโยนถุงข้าวให้จิ้งอู๋โจ้ว เยี่ยนจิ่วเฉาก็พาอวี๋หวั่นไปที่ลำธาร

“ท่านอยากพูดอะไร?” อวี๋หวั่นมองไปที่เยี่ยนจิ่วเฉา

ทั้งสองไม่ได้โง่ หลังจากเป็นสามีภรรยากันมานานจนมีลูกสี่คนแล้ว เหตุใดแค่นี้จะไม่รู้ใจกัน?

“ไม่ใช่เจ้ามีสิ่งใดอยากพูดรึ?” เยี่ยนจิ่วเฉาย้อนถาม

อวี๋หวั่นทอดถอนใจ “ใช่ ข้ามีเรื่องอยากพูดกับท่าน แม้โจวจิ่นจะไม่ใช่ลูกของเรา แต่ข้าปฏิบัติต่อเขาเช่นลูกของข้ามาตลอด ยามที่ไปเผ่าพ่อมด หากบอกว่าไม่ได้คิดจะใช้เขาก็คงโกหก แต่นั่นก็ได้ผ่านไปอย่างช้าๆ หัวใจผู้ใดบ้างไม่ใช่เลือดเนื้อ? ข้าเห็นเขา…เขาปกป้องข้ากับลูกในครรภ์ด้วยชีวิต…ข้าไม่อาจผลักเขาเข้ากองไฟได้อีกแล้ว…”

“ดังนั้นเจ้าเลยคิดว่าข้าจะผลักเขาเข้ากองไฟได้หรือ?”

อวี๋หวั่นอึ้งไปครู่หนึ่ง การที่เยี่ยนจิ่วเฉาเอ่ยเช่นนี้ก็หมายความว่าเขาไม่ได้ตัดสินใจจะทำเช่นนั้น หากบอกว่าไม่ตกใจคงโกหก แต่ก็ไม่ได้ตกใจเกินไป เขาก็เป็นคนเช่นนี้ ภายนอกดูเหมือนไร้หัวใจ ทว่ามีน้ำใจและคุณธรรมยิ่งกว่าใคร

เขาสนใจบุตรสาวได้ แล้วเหตุใดจะไม่สนใจโจวจิ่น?

อวี๋หวั่นรู้สึกว่าตนกังวลมากเกินไป จนอดก้มหน้าด้วยความรู้สึกผิดไม่ได้

เยี่ยนจิ่วเฉาฮึดฮัดเย็นชา “อวี๋อาหวั่น วันนี้เจ้าต้องบอกข้าให้ชัดเจน เหตุใดเจ้าถึงคิดว่าข้าจะละทิ้งโจวจิ่น?”

“ข้า…” อวี๋หวั่นขบเม้มริมฝีปาก “นั่นไม่ใช่เพราะยามที่เสี่ยวซื่อเพิ่งเกิด ท่านไม่อยากให้ผู้ใดใช้เข็มแทงนางหรอกหรือ แม้แต่ยารักษาก็ไม่สนใจ ท่านอุ้มนางไปซ่อน หากไม่ใช่เพราะนางทำมือตนเลือดออก เยี่ยนจิ่วเฉา บัดนี้ท่านก็คงไม่อยู่แล้ว!”

ท่านเป็นบิดาหลงบุตรสาว!

ประโยคสุดท้ายเป็นเสียงในใจของอวี๋หวั่น

เยี่ยนจิ่วเฉาสองตามองฟ้า ไม่อยากนึกถึงประวัติศาสตร์อันมืดมนของตน คนหนึ่งรู้สึกผิด อีกคนก็ทำอะไรไม่ถูก แต่ก็ไม่ใช่เวลามากล่าวโทษกัน

“แต่” เยี่ยนจิ่วเฉาเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “เจ้าคิดให้ดีนะ หากโจวจิ่นยังไม่ตื่นขึ้นโดยสมบูรณ์ เสี่ยวซื่อก็ต้องทุกข์ทรมานไปตลอดชีวิต”

ไม่ใช่โรคร้ายแรงถึงชีวิต แต่ก็ทำให้ทรมานทั้งวันทั้งคืน ทำให้เจ้ากินไม่ได้นอนไม่หลับ จิตใจกระสับกระส่าย

หากเป็นไปได้ เยี่ยนจิ่วเฉายินดีแบกรับแทนบุตรี แต่ไอ้วิชาอายุวัฒนะเฮงซวยในร่างกายเขา!

เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ เยี่ยนจิ่วเฉาก็อยากทำลายตันเถียนของตน!

วิชาอายุวัฒนะ…สั่นระริกเบาๆ

“เราต้องหาทางแก้ไขได้แน่ จริงหรือไม่?” อวี๋หวั่นจับมือเยี่ยนจิ่วเฉา มองเขาเนือยนิ่ง

เยี่ยนจิ่วเฉาสูดหายใจลึก จับปลายนิ้วเย็นของเธอ “อื้ม เราจะหาทางแก้ไขได้”

บิดามารดาไปตักน้ำ ไข่น้อยทั้งสามก็ดูแลน้องสาว

น้องสาวไม่สบายหนัก

ต้าเป่าหยิบขวดนมออกมา ให้นกหลวนศักดิ์สิทธิ์ใช้ปีกห่อหุ้มตนกับน้องสาวไว้ แล้วเอาขวดนมยัดใส่ในอ้อมแขนเพื่อป้อนน้องสาว แต่เพราะไม่สบาย น้องสาวจึงกินไม่ลง

น้องสาวชอบกินที่สุด ขอเพียงมีคนป้อน นางก็กินได้ไม่เบื่อ กระทั่งคนผู้นั้นสิ้นเนื้อประดาตัวได้เลยทีเดียว ทว่ายามนี้น้องสาวกลับไม่แม้แต่จะแตะต้องจุกนม ใบหน้าเล็กยู่ยี่ ท่าทางทุกข์ทรมานเช่นนี้ปวดใจต้าเป่ายิ่งนัก

“ต้าเป่า เจ้าแอบป้อนนมน้องอีกแล้วหรือ?” เสี่ยวเป่าถามจากด้านนอกปีกของเขา

“หุบปากเลย!” ต้าเป่ากล่าว

“ต้าเป่าพูดอีกแล้ว!” เอ้อร์เป่ากล่าว

“เขาไม่ได้พูดก่อนหน้านี้แล้วหรือ?” เสี่ยวเป่ากล่าว

“ข้าถึงบอกว่าอีกแล้วไง! เจ้านี่โง่จริงๆ!” เอ้อร์เป่าเท้าเอว

“เจ้านั่นแหละโง่!” เสี่ยวเป่ากระทืบเท้า

ไข่น้อยทั้งสองทะเลาะกันอีกครั้ง

โจวจิ่นเรียกสุ่ยเยว่ชิงไปหลังต้นไม้ “พูดมาเถอะ พวกเจ้าปิดบังอะไรข้า?”

“ไม่มีอะไร” สุ่ยเยว่ชิงแกล้งไม่รู้ไม่ชี้

“เช่นนั้นหรือ?” หากเป็นคนอื่น คงจี้ถามสุ่ยเยว่ชิงว่าเช่นนั้นเมื่อครู่เจ้าเอ่ยสิ่งใดกับพวกพี่หวั่น เหตุใดหลังจากคุยกัน พวกเจ้าสามคนถึงมีสีหน้าแปลกๆ? แต่โจวจิ่นไม่ใช่คนทั่วไป ครั้งแรกถามแล้วไม่บอก ครั้งที่สองเขาก็จะไม่ให้โอกาสปฏิเสธอีก

โจวจิ่นมองเข้าไปในดวงตาของเขา

พลังเวททรงพลังปกคลุมทั่วทั้งร่างของสุ่ยเยว่ชิง เขารู้สึกว่าร่างกายไม่สามารถขยับได้ แม้แต่สายตาก็เริ่มพร่ามัว

สุ่ยเยว่ชิงเองก็เป็นยอดฝีมือระดับไท่ซวีคนหนึ่ง การควบคุมบุรุษที่แข็งแกร่งเช่นนี้ต้องใช้พลังเวทมหาศาลเกินกว่าจะนับได้ เมื่อโจวจิ่นได้ข้อมูลที่ต้องการ ก็รู้สึกว่าพลังเวทภายในร่างกายเหลืออยู่ไม่มากแล้ว

ก็ดี อย่างไรเสียต่อไปก็ไม่ได้ใช้อีกแล้ว

โจวจิ่นเดินไปทางนกหลวนศักดิ์สิทธิ์ด้วยใบหน้าซีดเผือด

เมื่อไข่น้อยทั้งสองที่กำลังโต้เถียงกันเห็นเขา ก็หยุดชะงักและจ้องมองอย่างงงงวย

“พี่โจวจิ่น เป็นอะไรไป?” เสี่ยวเป่าเอ่ย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]