เวลานี้อวิ๋นเฟยยังไม่รู้ว่าองค์ประมุขที่เอาแต่โอ้อวดต่อหน้าฮองเฮาว่าอย่างไรก็จะไม่ไปตำหนักจูเชวี่ยอีก เสี่ยงต้องตบหน้าตัวเอง พาไข่ดำมาถึงตำหนักของนาง
เมื่อคืนนางหลับไม่สบายนัก ตกบ่ายได้นอนจนอิ่ม ยามนี้เพิ่งตื่นจึงสั่งให้ห้องครัวเล็กจัดเตรียมสำรับไว้สำหรับนาง
ในระหว่างที่รออาหารเย็น นางไปอาบน้ำแช่กลีบดอกไม้
วันคืนล่วงเร็ว แต่หาได้มีผู้ใดกำหนดว่าสตรีชราไม่ควรปรนนิบัติตนเองให้ดี อวิ๋นเฟยไร้เขี้ยวเล็บไม่เป็นเท็จ ล้อมกายไร้เงินทองก็เป็นจริง แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมานางไม่เคยทำตัวเช่นสตรีที่ปล่อยตนเลยสักครา
แม้นางจะตาย ก็จะตายอย่างงดงาม
นางกำลังแช่น้ำอย่างสบายตัว จู่ๆ สาวใช้ผู้รับผิดชอบก็พรวดพราดเข้ามา
สีหน้าสาวใช้ผู้รับผิดชอบดูลุกลี้ลุกลนเล็กน้อย “กุ้ยเฟยเพคะ!”
“มีเรื่องอันใด?” อวิ๋นเฟยที่แช่กายในอ่างน้ำชำเลืองมองนางอย่างไม่ทุกข์ร้อน “หักค่าอาหารของข้าอีกแล้วรึ?”
“เปล่าเพคะ” สาวใช้ผู้รับผิดชอบส่ายหน้า
อวิ๋นเฟยเอ่ย “เช่นนั้นท่าทางเหมือนเห็นผีของเจ้านี่มันอะไร? ทำให้ใครมองกัน?”
สาวใช้ผู้รับผิดชอบยกมือขึ้นจับใบหน้า นางก็ไม่ได้อยากมีท่าทางราวกับเห็นผีเช่นนี้หรอก แต่ปัญหาคือ องค์ประมุขเสด็จมากที่ตำหนักจูเชวี่ยแล้วน่ะสิ!
เมื่อเช้าก็ทะเลาะกันไม่จบสิ้น ยามนี้ก็เสด็จมาอีก ใครละจะบอกได้ว่าไม่ใช่องค์ประมุขอยากลงโทษกุ้ยเฟยของนาง?
เมื่อครู่มีฮองเฮาคอยปราม ยามนี้ไม่มีแล้ว เกรงว่ากุ้ยเฟยคงต้องพบกับลางร้ายเสียแล้ว!
อวิ๋นเฟยหลับตา “มีเรื่องใดก็พูดมา ไม่มีก็ออกไปเสีย”
สาวใช้ผู้รับผิดชอบตัดสินใจพูดออกไปราวเห็นความตายดั่งคืนสู่มาตุภูมิ “ฝ่าบาทเสด็จมาเพคะ! เชิญกุ้ยเฟยออกไปรับเสด็จ!”
ไอ้แก่นั่นจะวิ่งมาที่ตำหนักของนางอีกทำไมกัน?
อวิ๋นเฟยค่อยๆ ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าและเดินออกไปอย่างไม่ช้าไม่เร็ว นางไม่ได้เฝ้ารอองค์ประมุข เป็นธรรมดาที่นางจะไม่รีบร้อน ทว่าหากบอกแต่แรกว่าไข่ที่รักทั้งสามของนางมาที่นี่ นางต้องบินออกมาตั้งแต่วินาทีแรกแล้วเป็นแน่
องค์ประมุขยืนอยู่กลางลานที่ดอกไห่ถังบานสะพรั่ง รอคอยอย่างไม่เดือดไม่ร้อน
อวิ๋นเฟยลงบันไดมาด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ เดินไปอยู่เบื้องหน้าของเขาและคำนับพอเป็นพิธี
เขารู้ว่าอวิ๋นเฟยจะมาช้า จึงจงใจไม่บอกนางว่าเด็กน้อยทั้งสามมาที่นี่ หมายจะมองดูสีหน้านึกเสียใจของอวิ๋นเฟย ไม่คาดคิดว่าไม่เพียงแต่ไม่เห็นสีหน้านั้น กลับยังถูกนางพลิกกระดานหมากเสียก่อน
อวิ๋นเฟยเอ่ยอย่างเชื่องช้า “ฝ่าบาทมิได้ตรัสว่าจะไม่มาที่ตำหนักจูเชวี่ยของหม่อมฉันอีกแล้วหรือ? แล้วยามนี้อันใดกัน? ฝ่าบาทไม่รู้สึกเจ็บหน้าหรือเพคะ?”
องค์ประมุขร่างแข็งทื่อ
ได้พบไข่ดำน้อย มีความสุขมากเกินไป จนลืมเรื่องนี้เสียสนิท!
“เจ็บหน้า?”
เสียงกล่าวอันแผ่วเบา
“เหตุใดหน้าถึงเจ็บ?”
เสียงกล่าวอันแผ่วเบาอีกเสียง
เมื่อได้ยินน้ำเสียงน่ารักนุ่มนวลนี้ อวิ๋นเฟยก็รู้สึกหัวใจเต้นแรง ชะเง้อมองด้านหลังองค์ประมุข!
หนึ่งหัว สองหัว สามหัว!
หัวกลมเล็กๆ สามหัวเอนออกมาจากด้านหลังองค์ประมุข ดวงตาสีดำกลมโตของพวกเขาเบิกมองอวิ๋นเฟยไม่กะพริบตา
“นี่คือ…” อวิ๋นเฟยตกตะลึง
“ท่านคือ…” เสี่ยวเป่าครุ่นคิด ท่านแม่สอนพวกเขามาว่าอย่างไรนะ? อ๋อ รู้แล้ว!
“ท่านคือท่านยายทวดหรือ?” เสี่ยวเป่าถาม
บุตรของอาหวั่น!
ดวงตาของอวิ๋นเฟยสุกสว่างเป็นประกายโดยพลัน ตื่นเต้นดีใจ เดินไปกีดกันองค์ประมุข แล้วย่อกายลงอุ้มไข่ดำน้อยทั้งสามขึ้นไว้ในอ้อมแขน
เด็กน้อยทั้งสามอวบอ้วน มือสองข้างไม่อาจโอบรอบ ใบหน้ากลมของพวกเขาถูกบีบจนเปลี่ยนรูป
องค์ประมุขที่ถูกกันออกไปกะทันหันซวนเซแทบล้มลง!
เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าสนมที่ร่างกายอ่อนแอบอบบางไม่อาจต้านแรงลมอย่างนางจะมีพละกำลังมากถึงเพียงนี้ แค่มือข้างเดียวก็สามารถผลักบุรุษร่างใหญ่เช่นเขาออกไปได้ หากไม่ใช่เขาตอบสนองได้รวดเร็ว ยามนี้คงตกลงคูน้ำไปแล้ว!
อวิ๋นเฟยมิได้มีศิลปะการต่อสู้หรือพละกำลังที่มากเกินคนธรรมดา ทว่าจู่ๆ นางก็ได้พบหน้าเด็กๆ โดยไม่คาดฝัน เกิดยินดีปรีดาจนใช้เรี่ยวแรงที่มากที่สุดในชีวิตออกไป
มิต้องเอ่ยว่าคนตรงหน้าเป็นถึงบุรุษอกสามศอก ต่อให้เป็นภูเขาทั้งลูกนางก็จะเข็นมันออกไป! ! !
“ท่า… ท่านยายทวด…” ใบหน้าของเสี่ยวเป่าถูกใบหน้าของพี่ชายทั้งสองเบียดจนบู้บี้
“อื้ม!” อวิ๋นเฟยตอบรับด้วยความตื่นเต้นดีใจ
เสี่ยวเป่าพยายามพูดด้วยความยากลำบาก “หะ(หาย)…หะ(หาย) ใจไม่ออก…”
อวิ๋นเฟยรีบคลายอ้อมแขนที่กอดเด็กชายทั้งสาม และมองพวกเขาอย่างตื่นเต้น จะว่าดำก็ดำอยู่เล็กน้อย แต่องค์ประกอบของใบหน้าช่างงดงาม เดิมทีคิดว่าตี้จีกับอาหวั่นก็งดงามมากพอแล้ว แต่เด็กน้อยทั้งสามนี้กลับยังงดงามยิ่งกว่า ลักษณะของพวกเขาคงจะได้หลานเขยมา
“ซู้ด~” อวิ๋นเฟยอยากจะพบหลานเขยอีกครั้ง
“มาให้ยายทวดมองพวกเจ้าชัดๆ”
อวิ๋นเฟยอาศัยอยู่ในวังลึกมาเกือบทั้งชีวิต แม้ว่านางจะไม่เคยมีโอกาสได้เห็นเด็กๆ ข้างนอก แต่หนานกงเยี่ยนกับหนานกงหลี และหนานกงซีล้วนถูกเลี้ยงดูมาในวังหลวง อวิ๋นเฟยเคยเห็นพวกเขา ก็ยังไม่น่ารักเท่าไข่ดำน้อยของนางเช่นนี้เลย!
แน่นอนว่าอวิ๋นเฟยชอบตี้จีและอวี๋หวั่น แต่พวกนางเคยผ่านช่วงวัยที่เสี่ยงความตายมากที่สุดมาแล้ว ไหนเลยจะเหมือนกับไข่ดำน้อยที่น่ารักสดใสเหล่านี้ แค่อวิ๋นเฟยมองดูพวกเขา ก็รู้สึกราวกับว่าหัวใจจะละลายแล้ว!
ไข่ดำทั้งสามไม่ได้มาเยี่ยมอวิ๋นเฟยมือเปล่า พวกเขาได้เตรียมของขวัญไว้ให้ยายทวดแล้ว!
เห็นเพียงไข่ดำทั้งสามวางกระเป๋าเดินทางใบน้อยลงจากหลัง เปิดกระเป๋าหยิบกล่องผ้ากล่องหนึ่งออกมา จากนั้นก็เปิดกล่องผ้าแล้วหยิบดอกกุหลาบสดขึ้นมาช่อหนึ่ง
ทั้งสามถือดอกกุหลาบไว้ในมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างไพล่ไว้ด้านหลัง โค้งคำนับเยี่ยงสุภาพบุรุษผู้อ่อนโยน
นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่อวิ๋นเฟยได้รับของขวัญจาก ‘บุรุษ’
สุภาพบุรุษตัวน้อยทั้งสามไม่เพียงแต่มอบดอกไม้ให้ยายทวด แต่ยังจับมือของนางและประทับรอยจูบที่หลังมืออย่างเคารพเลื่อมใส
อวิ๋นเฟยดีใจจนแทบร่ำไห้!
เสี่ยวเป่าเงยหน้าขึ้น แล้วยืดอกกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ชีวิตที่เหลือของท่าน พวกเราจะปกป้องเอง!”
เปลือกตาขององค์ประมุขกระตุกอย่างรุนแรง!
ไปร่ำเรียนการโอ้โลมคนเช่นนี้มากจากผู้ใดกัน? อวิ๋นเฟยอายุมากแล้ว ภาษาดอกไม้เช่นนี้จะสามารถทำให้นางเคลิบเคลิ้มได้หรือ?
“ฮื้ออ” อวิ๋นเฟยสะอื้นออกมา “ซาบซึ้งยิ่งนัก…”
องค์ประมุขหมดสิ้นวาจา “…”
อวิ๋นเฟยจมอยู่ในความเบิกบานยินดีที่เด็กๆ นำมาให้ ไม่หลงเหลือความสนใจต่อองค์ประมุขที่ยืนอยู่ข้างๆ แม้แต่น้อย แต่ด้วยเหตุนี้ ท่าทางที่ไร้สิ่งใดเคลือบแฝงของนางจึงเข้าสู่สายตาขององค์ประมุข
องค์ประมุขมองสตรีผู้จิตใจชื่นบานตรงหน้า ในชั่ววินาทีเขาเกือบจะคิดว่าตนเองตาฝาดไป ผู้นี้หรือคืออวิ๋นเฟยที่ทำได้แต่กลอกตาใส่ผู้คน? นางก็ยิ้มเป็นด้วยหรือ?
ปฏิเสธไม่ได้ว่า อวิ๋นเฟยงดงามมาตั้งแต่เล็ก งดงามเสียยิ่งกว่าฮองเฮา ยามที่องค์ประมุขได้พบกับฮองเฮาและอวิ๋นเฟยในคราแรก สตรีที่เขามองคนแรกมิใช่ฮองเฮา ทว่าฮองเฮาทำให้เขาประทับใจในความเมตตาและคุณธรรมของนาง
ที่ผ่านมาอวิ๋นเฟยงดงามเสมอ ทว่าความงดงามของนางเหมือนกับดอกไม้ผ้าที่ไร้ชีวิตชีวา
ยามนี้ ดอกไม้ผ้ากลับดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาในชั่วพริบตา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]