หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3] นิยาย บท 333

ไม่ต้องกล่าวถึงยามนี้ความสัมพันธ์ขององค์ประมุขกับตี้จีองค์โตไม่ลงรอยกันเช่นนี้ เขาไม่มีความคิดที่จะแต่งตั้งคนของนางเป็นรัชทายาทแม้แต่น้อย ต่อให้มีก็ไม่มีทางข้ามตี้จีองค์โตกับอวี๋หวั่นไปแต่งตั้งเด็กไม่หย่านมที่ยังพูดไม่ได้แน่!

องค์ประมุขกุมหน้าผาก

เขาปวดหัว

ปวดยิ่งนัก!

เจ็บปวดกว่าใบหน้าเสียอีก!

ที่เจ็บหน้าเพราะเขาให้คำมั่นว่าจะไม่ไปตำหนักจูเชวี่ยอีก แต่กลับไปที่นั่นอย่างเริงร่าและมิใช่เพียงครั้งเดียว ส่วนเรื่องน่าปวดหัว ก็คือถูกเด็กน้อยคนนี้นำโชคร้ายมาสู่ตัว

แย่งตราหยกไปไม่พอ ยังวิ่งมานั่งบนบัลลังก์มังกรของเขาอีก บัลลังก์มังกรเป็นที่ที่เจ้านั่งได้หรือ? หืม?

องค์ประมุขมองต้าเป่าที่อยู่ด้านข้างด้วยความขมขื่น

ต้าเป่ารู้สึกว่าเขากำลังมองมาที่ตนเอง จึงหันมองเขาอย่างน่ารักน่าชัง

องค์ประมุข “…”

โทสะที่เดือดดาลขององค์ประมุขพลันสลายหายไป เขาปิดตาด้วยความเจ็บปวดใจและอับจนหนทาง นึกเสียใจ เหตุใดเขาต้องพาเจ้าตัวน้อยนี้เข้าวังมาด้วยนะ…

เหล่าขุนนางทั้งบู๊บุ๋นไม่รู้เลยว่าในใจขององค์ประมุขรู้สึกเปล่าประโยชน์และทรมานเพียงใด ในหมู่พวกเขามีหลายคนที่จดจำไข่ดำน้อยผู้นั้นได้ ตั้งแต่พิธีบวงสรวงสวรรค์ก็เกิดปรมาจารย์พิษอาวุโสเจ็ดจั้งคือคุณชายน้อยแห่งจวนเห้อเหลียน ภาพของพวกเขาทั้งสามแพร่ออกไปในหมู่ชาวบ้านอย่างรวดเร็วราวกับไฟป่า

ทั้งสามคนเป็นที่จดจำได้ง่าย เพราะเด็กชายตัวเล็กที่ดำเมี่ยมเช่นนี้ไม่อาจหาคนที่สี่ได้อีกแล้วในโลก

เพียงแต่ไม่รู้ว่าองค์ประมุขพาคนใดในทั้งสามนั้นมาว่าราชการด้วย

แต่ไม่ว่าเป็นใคร ก็งดงามกว่าในภาพวาดยิ่งนัก ดูดวงตาสีดำกลมโต จมูกนิดปากหน่อย เรียวคิ้วน้อยที่เข้มดุจวีรบุรุษคู่นั้น แก้มสองข้างที่อวบอ้วน หน้าท้องที่กลมดิ๊ก

ในใจของทุกคนมีเสียงหนึ่งแวบเข้ามา แม่เจ้า น่าหยิก!

ในท้องพระโรงมีคนของหนานกงเยี่ยนอยู่ไม่น้อย ต่อให้เป็นพวกเขา หลังจากที่พบกับไข่ดำน้อยฟองนี้ต่างก็อยากจะเอื้อมมือไปแย่งชิงมา

อย่างที่โบราณว่าไว้ แว่นแคว้นไม่อาจขาดองค์ประมุขแม้แต่วันเดียว อายุขององค์ประมุขก็มากแล้ว และตำแหน่งรัชทายาทก็ยังว่างอยู่ นี่ไม่ใช่เรื่องดีสำหรับหนานจ้าว ซึ่งเดิมทีอยู่ในสถานการณ์ง่อนแง่นอยู่แล้ว ประชาชนต้องการรัชทายาท ดินแดนจำต้องมีผู้สืบทอด หากองค์ประมุขตัดสินใจล่าช้าอาจทำให้ผู้คนคาดเดาไปเอง จริงหรือไม่ที่ประเทศไร้ผู้สืบทอด?

สิ่งที่ตี้จีองค์เล็กกระทำทั้งหมดทำให้ผู้คนผิดหวัง

แม้ตี้จีองค์โตจะครอบครองของศักดิ์สิทธิ์และปรมาจารย์พิษอาวุโส แต่อย่างไรก็มีชะตากรรมแห่งดาวหายนะ ใช่หรือไม่ว่าองค์ประมุขไม่พอใจกับคนทั้งสอง?

ตอนแรกเดาว่าชะตากรรมของตี้จีองค์โตอาจมีความผิดพลาด ภายในเงามืดที่องค์ประมุขล่าช้าไม่ยอมรับนางกลับมาทำให้เกิดการสั่นคลอนอย่างช้าๆ

แต่ไหนเลยประชาชนจะรู้ว่าไม่ใช่องค์ประมุขมิต้องการรับนางกลับมา แต่เขารับนางกลับมาไม่ได้

ทว่าเมื่อเห็นองค์ประมุขพาเหลนคนหนึ่งเดินเข้ามาในตำหนักจินหลวน เหล่าขุนนางทหารต่างก็ตื่นเต้น

“ข้า…”

“ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่นๆ ปี”

องค์ประมุขกำลังจะอธิบายให้ทุกคนฟัง ไม่คาดคิดว่ายังไม่ทันเอ่ยปาก ขุนนางทั้งบู๊บุ๋นต่างก็คุกเข่าเปล่งเสียงสรรเสริญดังก้องไปทั่วทั้งตำหนักจินหลวนแทบทะลุหลังคาพุ่งขึ้นฟากฟ้า

องค์ประมุขกุมหน้าผาก “ไม่ใช่…”

“ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่นๆ ปี!”

“ใต้เท้าทุกท่าน…”

“ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่นๆ ปี”

หลังจากการสรรเสริญติดต่อกันสามครั้งเสร็จสิ้น องค์ประมุขก็ไม่อยากพูดสิ่งใดอีกแล้ว

“อื้ม” ต้าเป่านั่งยืดตัวตรงพยักหน้า

ทุกคนต่างตกตะลึง องค์ประมุขก็เช่นกัน

เด็กคนนี้ยังตอบว่าอื้ม?

คำสรรเสริญต่อข้า เจ้าอื้มอันใด? ! !

ความคิดของเหล่าขุนนางต่างไปจากองค์ประมุข

ท่าทีที่จริงจังของต้าเป่าราวกับผู้ใหญ่ตัวน้อย และ ‘อื้ม’ ที่ดูจริงจังเป็นพิเศษทำให้เหล่าขุนนางต่างรู้สึกขบขัน

ไยจึงมีเด็กน้อยที่น่ารักน่าชังเช่นนี้ได้? อยากอุ้มกลับจวนเสียจริง!

สีหน้าของต้าเป่าจริงจังหนักหนา

เหล่าขุนนางอยากหัวเราะก็ไม่กล้าหัวเราะ ต่างกลั้นขำจนหายใจไม่ออก

หัวหน้าฝ่ายตรวจการอาจหาญกล่าวหยั่งเชิง “เช่นนั้น…ก็ให้ใต้เท้าทั้งหลายลุกขึ้น?”

ต้าเป่าพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม “อื้ม”

ฮ่าๆๆๆๆ! เทพบุตรตัวน้อยอะไรนี่! ! ! ยังรู้จักให้พวกเขาลุกขึ้น!

ทุกคนหัวเราะขบขันในใจ!

ต้าเป่าพูดไม่ได้ ทำได้เพียงอื้มอ้า บางครั้งก็หัวเราะคิดคักกับน้องชาย แต่เหล่าขุนนางไม่รู้เลยแม้แต่น้อย ต่างคิดว่าเด็กคนนี้วาจาอักษรมีค่าดั่งทอง เยือกเย็น สูงส่ง ดูดียิ่งนัก!

ต้าเป่านั่งอยู่ครู่หนึ่ง รู้สึกว่าที่นี่ไม่สนุก จึงกระโดดลงไปที่พื้นพร้อมกับตราหยกในมือ

ผู้คนที่เดิมทีได้ยืนตรงแล้วเห็นต้าเป่าเดินมาหาพวกเขา ต่างก็รีบร้อนคุกเข่าลง

ต้าเป่ามองพวกเขาด้วยความแปลกใจ ก่อนจะเดินไปหาหัวหน้าฝ่ายตรวจการที่เพิ่งพูดกับเขา แล้วยกมือเล็กอันอวบอ้วนขึ้นตบไหล่อีกฝ่ายอย่างจริงจัง

หัวหน้าฝ่ายตรวจการตัวสั่นด้วยความตื่นเต้น

นี่คือความคาดหวังอันสูงส่งที่มีต่อเขา!

ต้าเป่าเพียงคิดว่า มีขี้เถ้าอยู่บนไหล่ของเจ้าน่ะ!

หลังจากต้าเป่าจากไป หัวหน้าฝ่ายตรวจการก็หลั่งน้ำตา หันตัวคุกเข่าลงในทิศที่ต้าเป่าจากไป “น้อมส่งเสด็จ——”

ทุกคนหันตัวตามเขา ก้มลงคำนับพร้อมกัน “น้อมส่งเสด็จ——”

องค์ประมุขตื่นตระหนก!

ฝ่าบาทอันใด?

ข้าออกราชโองการแต่งตั้งแล้วหรือ?

ข้าตกลงแล้วหรือ?

พวกเจ้ารวบรัดจัดการเรียบร้อยเช่นนี้? ! !

องค์ประมุขได้ผ่านการว่าราชการที่น่ากลัดกลุ้มใจที่สุดในประวัติศาสตร์ ตั้งแต่ต้นจนจบเขาไม่มีโอกาสได้พูด เมื่อในที่สุดก็ถึงคราวได้พูด กลับไม่มีผู้ใดเชื่อสิ่งที่เขาพูดสักคำ

“ข้าไม่ได้คิดจะสละบัลลังก์”

แต่ท่านให้ตราหยกแก่เขา

“แล้วข้าก็ไม่ได้บอกว่าจะแต่งตั้งเขาเป็นองค์ชายคนใด”

แต่ท่านแบ่งบัลลังก์มังกรแก่เขา

“แค่เด็กเล่นเท่านั้น ใต้เท้าทั้งหลายอย่าได้เก็บไปใส่ใจ”

มาเล่นถึงตำหนักจินหลวน ท่านคิดว่าพวกเราตาบอดหรือ???

อวิ๋นเฟยถอนหายใจอีกครั้ง “โอ้ หม่อมฉันก็ไม่ได้หยาบคายไร้มารยาทวันแรก ฮองเฮาจิตใจกว้างขวาง ไม่มีทางกล่าวโทษหม่อมฉันด้วยเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้แน่”

นี่ไม่ใช่เรื่องเท็จ หลังจากอวิ๋นเฟยเข้าวังหลังมาไม่มีวันใดที่ไม่ก่อปัญหา แต่ฮองเฮามักจะอดทนกับนางมากที่สุด แน่นอนไม่ใช่เพราะฮองเฮาจิตใจกว้างขวางแต่อย่างใด ทว่าการละเว้นสตรีผู้บ้าคลั่งคนนี้ทำให้คุณงามความดีของฮองเฮาเจิดจรัสได้เป็นอย่างดี

ทำไม?

ข้าเป็นเครื่องมือขับเจ้าให้เด่นมาหลายปีเช่นนี้โดยไร้ประโยชน์หรือ?

ถึงเวลาที่ควรเก็บผลตอบแทนบ้างแล้ว!

“ฮองเฮาไม่มีสิ่งใดรับสั่ง เช่นนั้นหม่อมฉันขอตัว ฮองเฮาต้องดูแลเพียงตี้จีที่หลับไม่ตื่น หม่อมฉันต้องดูแลเด็กๆ ที่มีชีวิตชีวาซุกซนถึงสามคน หม่อมฉันลำบากแล้ว”

อวิ๋นเฟยคุยโวจบก็เดินจากไปพร้อมกับตะกร้าโดยไม่หันกลับมา

นางพูดบ้าอะไร? ตี้จีที่หลับไม่ตื่น นี่นางกำลังสาปแช่งหนานกงเยี่ยนว่าชาตินี้นางไม่อาจหายเป็นปกติหรือ? เมื่อนึกถึงหนานกงเยี่ยนที่เหี่ยวเฉา หัวใจของฮองเฮาเจ็บปวดราวกับถูกมีดกรีด ยิ่งนึกถึงเด็กที่ถูกองค์ประมุขพาไปที่ตำหนักจินหลวน ฮองเฮาก็แทบกระอักเลือดออกมา

“หยุดเดี๋ยวนี้!”

อวิ๋นเฟยหันกลับมา “ฮองเฮายังมีสิ่งใดรับสั่ง?”

ฮองเฮาระงับไฟโทสะที่ลุกโหมอยู่ในใจ “เจ้ายุยงใช่หรือไม่?”

อวิ๋นเฟยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “หือ ฮองเฮาหมายความว่าอย่างไร?”

ฮองเฮาเอ่ยอย่างเย็นชา “อย่ามาเล่นละครตบตาข้า! เด็กคนนั้นหยิบตราประทับของข้า แล้วยังหยิบตราหยกของฝ่าบาท ทั้งยังก่อกวนให้ฝ่าบาทพาเขาไปที่ท้องพระโรง เจ้ายังกล้าพูดว่าไม่ใช่การยุยงของเจ้ารึ?”

ก็ไม่ใช่จริงๆ

อวิ๋นเฟยไม่เคยต้องการสิ่งเหล่านี้ แต่ในเมื่อฮองเฮาเอ่ยปากถาม นางย่อมไม่อาจทำให้ฮองเฮาผิดหวัง

อวิ๋นเฟยแย้มสรวลงดงาม “ใช่แล้ว หม่อมฉันยุยง ฮองเฮามาลงโทษหม่อมฉันสิเพคะ!”

เด็กนั่นเพิ่งไปที่ตำหนักจินหลวน มายามนี้ลงโทษอวิ๋นเฟย จะไม่เป็นการทำร้ายเด็กนั่นอย่างเปิดเผยหรือ?

ฮองเฮายังไม่เขลาถึงขั้นนั้น

ทว่าฮองเฮาโกรธแค้นยิ่งนัก นางไม่เคยเจ็บใจเช่นนี้มาก่อน

นางไม่สบายใจ อวิ๋นเฟยก็สบายใจแล้ว

อวิ๋นเฟยถือตะกร้าจากไปพร้อมกับเสียงหัวเราะคิกคัก

ขันทีโน้มน้าวจากด้านข้าง “ฮองเฮาอย่าทรงกริ้ว โทสะไม่เป็นผลดีต่อพระวรกาย อย่างไรก็ยังมีฝ่าบาท ฝ่าบาทกับพระองค์เป็นสามีภรรยามาหลายปี คนที่ฝ่าบาทห่วงใยที่สุดก็คือท่าน”

ฮองเฮาถอนหายใจด้วยความโล่งอกและพยักหน้า “ไปตำหนักฝ่าบาท”

นางไม่เชื่อว่าเด็กสามคนที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้น จะมีค่ามากกว่าความรู้สึกของสามีภรรยาที่มีมานานหลายปี ในหัวใจขององค์ประมุข นางเป็นคนที่สำคัญที่สุดเสมอ

บุตรจากสนมไม่กี่คน ไหนเลยจะเทียบเทียมฮองเฮาที่มีสายเลือดโดยตรง?

ความคิดแวบเข้ามา พระทัยของฮองเฮาก็สงบลงเล็กน้อย

ฮองเฮามีสิทธิพิเศษ ยามเข้าออกตำหนักองค์ประมุข ไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบ

นางเดินเข้าไปได้โดยไม่มีสิ่งใดขวางกั้น ทว่ากลับได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักดังออกมา

นางรีบเดินผ่านระเบียงทางเดิน เข้าไปดูใกล้ๆ กลับเห็นองค์ประมุขที่เพิ่งสาบานว่าจะไม่สนใจต้าเป่าอีกเมื่อวินาทีก่อน ยามนี้คลานกับพื้นด้วยสองเข่าสองมือ โดยมีไข่ดำทั้งสามขี่บนหลังมังกรของเขาอย่างสนุกสนาน

องค์ประมุข “นั่งดีๆ ละ!”

ฮองเฮา “…..!!!”

…………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]