เพื่อนำตราประทับฮองเฮากลับคืนมา ผลกลับถูกยึดตราหยกสืบบัลลังก์ไป นับว่าได้ไม่คุ้มเสียอย่างยิ่ง
หากเป็นคนอื่นแตะต้องตราหยก คงถูกองค์ประมุขสั่งลากไปตัดหัวนานแล้ว แต่นี่เป็นต้าเป่า เหลนของเขา
นี่อาจเป็นอย่างที่ฮองเฮากล่าวไว้ เขาผ่านวัยที่จิตใจแข็งแกร่งที่สุดมาแล้ว หรือบางทีเด็กคนนี้อาจเป็นสิ่งที่อันตรายที่สุด แต่อย่างไรองค์ประมุขก็ไม่ได้จัดการกับเขาอย่างโหดร้าย
“ต้าเป่าเด็กดี สิ่งนี้ไม่สนุกหรอก ข้าให้เจ้าเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นดีหรือไม่?” องค์ประมุขหว่านล้อมอย่างแผ่วเบา และหยิบคันธนูสีทองขนาดเล็กที่งดงามวิจิตรออกมา คันธนูและลูกธนูนี้ทำจากทองคำบริสุทธิ์ ทั้งละเอียดอ่อนและประณีต แม้จะเป็นของประดับตกแต่ง แต่สายธนูเป็นของจริง สามารถใช้ยิงได้
ของที่งดงามเช่นนี้ องค์ประมุขยังไม่อาจตัดใจมอบให้หนานกงหลีในวัยเยาว์ได้ ยามนี้มอบให้ต้าเป่าอย่างไม่คิดราคา ไหนเลยจะรู้ว่าต้าเป่ากลับไม่ต้องการ มือข้างหนึ่งของต้าเป่าจับตราหยกไว้แน่น ส่วนมืออีกข้างก็ผลักมือองค์ประมุขออกไป ไม่เหลือที่ว่างใดๆ สำหรับการเจรจา
องค์ประมุขพยายามหาของเล่นชิ้นอื่นมามากมาย แต่ต้าเป่าก็ไม่สนใจ
หากนี่เป็นเสี่ยวเป่ากับเอ้อร์เป่า บางทีอาจถามพวกเขาได้ว่าชอบสิ่งใด แต่ต้าเป่ายังพูดไม่ได้ ไม่สามารถสื่อสารกับเขาได้เหมือนปกติ
ทั้งองค์ประมุขก็ไม่อาจใช้ไม้แข็ง
ดวงตาไร้เดียงสาของต้าเป่าดึงดูดเขาจนถอนตัวไม่ขึ้น ความคิดทั้งหมดมลายหายไปเป็นเสียงทอดถอนใจอย่างหมดหนทาง
“หวังเต๋อฉวน”
ขันทีหวังเดินเข้ามา “ฝ่าบาท”
องค์ประมุขออกคำสั่ง “ไปเรียกอวิ๋นเฟยมา”
“พ่ะย่ะค่ะ” ขันทีหวังมองต้าเป่าที่ถือตราหยกไว้ในมือ พลางเอ่ยในใจ สิ่งหนึ่งย่อมข่มอีกสิ่ง ในที่สุดองค์ประมุขก็ได้พบกับคนที่สามารถรักษาเขาได้
ขันทีหวังถูฝ่ามือชรา และจากไปอย่างเริงร่า
อวิ๋นเฟยมาพร้อมกับเอ้อร์เป่าและเสี่ยวเป่า ทั้งสองพอใจกับของเล่นชิ้นใหม่มาก แต่หลังจากเห็นคันธนูสีทอง ของเล่นชิ้นใหม่ก็ไม่อาจเข้าตาพวกเขาอีกเลย
แน่นอนทั้งสองไม่โวยวาย ไม่ร้องไห้ ไม่งอแง เพียงแต่เบิกตากลมโตมององค์ประมุขอย่างไร้เดียงสาและออดอ้อน
ท้ายที่สุดอวิ๋นเฟยก็ไม่ได้โน้มน้าวให้ต้าเป่ามอบตราหยกคืน องค์ประมุขยังถูกยึดธนูทองไปอีก…
อีกด้านหนึ่ง ขันทีพาหมอหลวงไปพบฮองเฮาที่ถูกต้าเป่าดึงผมจนหัวโกร๋น
ฮองเฮาอยู่ในวังหลวงมาหลายปี ไม่เคยได้รับบาดเจ็บหนักถึงเช่นนี้กระทั่งปลายเล็บ ยามนี้กลับหัวล้านไปครึ่งหนึ่ง
หมอหลวงอาจหาญมองดู ก็ถึงกับตกใจแทบเข่าทรุด
มิใช่อาการบาดเจ็บของนางไร้ทางรักษา แต่นางเป็นฮองเฮา เป็นที่โปรดปรานขององค์ประมุข ผู้ใดกล้าทำร้ายนางเช่นนี้กัน? หรือจะบอกว่านางเป็นโรคซับซ้อน ถึงหัวล้านในชั่วข้ามคืน?
หมอหลวงรีบจับชีพจรของฮองเฮา
ชีพจรไม่มีความผิดปกติ!
มีเพียงโทสะกระทบจิตใจ โกรธกริ้วไม่เบา
“ท่านหมอหลวง อาการบาดเจ็บของฮองเฮาเป็นอย่างไรบ้าง? ร้ายแรงหรือไม่?” ขันทีถามด้วยความกังวล
ฮองเฮาก็มองเขาด้วยความกังวล แต่ก็ละอายที่จะเอ่ยถามว่า ผมของนางจะยาวออกมาได้หรือไม่
คนอายุปูนนี้ ยังมีผมก็นับว่าดีแล้ว ทำไมหรือ หัวล้านแล้วยังหมายให้เติบโตแข็งแรงราวกับหนุ่มสาวหรือ?
หมอหลวงไม่กล้าเอ่ยสิ่งที่อยู่ในใจ เพียงกล่าวว่า “ฮองเฮาโปรดวางพระทัย พระอาการไม่ร้ายแรง กระหม่อมจะจ่ายยาขี้ผึ้งป้องกันการติดเชื้อแก่ฮองเฮา จากนั้นใช้น้ำขิงและเหอโส่วอู[1] มาทำเป็นยากระตุ้นการเติบโตของพระเกศา”
เรื่องมาถึงตอนนี้ก็ได้แต่ปล่อยให้เป็นเช่นนี้แล้ว ฮองเฮามิอาจเอามีดแทงคอหรือสับหัวหมอหลวงเพียงเพราะผมนางไม่อาจยาวขึ้นมาอีกได้”ส่งหมอหลวง” ฮองเฮารับสั่งด้วยน้ำเสียงเมตตา
“พ่ะย่ะค่ะ” ขันทีส่งหมอหลวงออกไปด้วยความนอบน้อม
หมอหลวงลอบถอนใจ สมกับเป็นฮองเฮา ขนาดเป็นเช่นนี้แล้วก็ยังรักษามารยาทอย่างถึงที่สุด
ยามที่ฮองเฮายังทรงพระเยาว์ก็เป็นดรุณีผู้สดใสงดงาม แต่เมื่อผ่านวันเวลาใบหน้าก็ค่อยๆ สูญเสียความงามในอดีตไป และจู่ๆ ก็กลายเป็นหัวล้านในชั่วพริบตา ทำให้นางยิ่งดูแก่ลงไปอีกสิบกว่าปี
“เอาออกไป!”
ฮองเฮาโยนกระจกทองเหลืองในมือทิ้ง
เหล่านางข้าหลวงรีบนำกระจกในห้องทั้งหมดของนางออกไป
ฮองเฮาเจ็บใจจุกอก แต่จุกอกแล้วจะทำอย่างไรได้? ผมของนางมิได้ถูกข้ารับใช้คนใดดึง แล้วก็ไม่ใช่ฝีมือของอวิ๋นเฟย แต่เป็นเด็กที่อายุไม่ถึงสามขวบ
เด็กน้อยขนาดนั้นจะไปรู้เรื่องอะไร?
หรือว่านางจะลงโทษเขาได้เพราะโกรธเขาจริงๆ?
เขาเป็นทายาทขององค์ประมุข เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขขององค์หญิงน้อยกับเชื้อพระวงศ์แห่งต้าโจว ร่างกายของเขามีเลือดสูงส่งบริสุทธิ์ไหลเวียนอยู่ภายในไม่ต้องกล่าวถึง ต่อให้เป็นเด็กที่จับมาจากข้างถนน นางก็ไม่อาจลงโทษเขาได้อยู่ดี
เป็นถึงฮองเฮา หากไม่อาจทนกับเด็กสามขวบได้ ยังจะเป็นมารดาแผ่นดินได้อย่างไร?
หากเปลี่ยนเป็นอวิ๋นเฟยจะทำอย่างไร?
นางก็คงหยิบเด็กนั่นขึ้นมา แล้วตีอย่างแรง
นางไม่สนใจว่าคนอื่นจะคิดอย่างไรกับนาง
บางครั้งก็ไม่ใช่จะทำอะไรได้ง่ายๆ…
มิใช่ว่าฮองเฮาไม่สงสัยว่าอวิ๋นเฟยเป็นคนเสี้ยมสอน แต่ถึงสงสัยนางก็ไม่อาจพูดออกไป เป็นองค์ประมุขที่พูดได้ แต่ดูจากท่าทีของเขาแล้ว ไม่เคยสงสัยในตัวอวิ๋นเฟยเลยแม้แต่น้อย
หัวใจของฮองเฮายิ่งคับแน่น
นางทายาขี้ผึ้ง และใช้ผ้าปิดหน้าคลุมผม รอข่าวตราประทับฮองเฮาอยู่ในตำหนักจงกงเงียบๆ
ไม่นานขันทีหวังก็ส่งตราประทับกลับมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]