ยามนี้ฮองเฮาไหนเลยจะยังหลงเหลือคราบความสง่างามทรงคุณธรรมในวันเก่า? ไม่เพียงแต่เป็นคำพูดที่รุนแรง น้ำเสียงยังเฉียบคมชัดเจน แม้แต่สีหน้าดุร้ายก็ดูราวสตรีที่น่ากลัวที่สุดในโลก
ในขณะนั้น องค์ประมุขรู้สึกว่าบางสิ่งบางอย่างที่เขาเชื่อมั่นมาตลอดได้พังทลายลงในพริบตา
องค์ประมุขมองไปที่ฮองเฮาอย่างไม่เชื่อสายตา
ฮองเฮามองเห็นความตื่นตกใจและผิดหวังในสายตาขององค์ประมุข มันคือแววตาที่จะแสดงออกมาในยามที่สิ่งสวยงามถูกทำลาย หัวใจของฮองเฮายิ่งกระวนกระวาย นางอยากจะทำอะไรบางอย่างทว่าก็ทำอะไรไม่ได้
นางข้าหลวงที่ถือถาดตกใจทำอะไรไม่ถูก ก้มหน้าลง มือทั้งสองข้างจับถาดแน่น ร่างทั้งร่างสั่นระริก
นางบอกว่าฮองเฮาเป็นผู้บริสุทธิ์เมื่อหนึ่งวินาทีก่อน วินาทีถัดมาฮองเฮากลับพ่นสิ่งที่อยู่ในใจของตนเองออกมา
แน่นอน นี่ไม่ใช่สิ่งที่นางกลัวที่สุด แต่เป็นฮองเฮาผู้สูงศักดิ์กลับกลายเป็นสตรีที่บ้าคลั่งเสียยิ่งกว่าอวิ๋นเฟยได้อย่างไร?
ในอดีตอวิ๋นเฟยมักก่อความวุ่นวาย หาเรื่องทะเลาะ แต่นางก็ไม่บ้า พูดสิ่งที่ไม่ควรพูด นางก็ยังนับว่าดูดี แต่ฮองเฮา…
นางข้าหลวงมองฮองเฮาอย่างอาจหาญ ก็ตกใจกลัวจนถาดในมือตกลงมา!
ชามยาแตกกระจาย ส่วนผสมหกกระเด็นไปทั่วพื้น
“บ่าวสมควรตาย! บ่าวสมควรตาย!” นางข้าหลวงโขกหัวกับพื้นด้วยความหวาดกลัว!
หากฮองเฮายังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นก็เกินไปหน่อย เมื่อครู่คนตัวเล็กพวกนั้นโยนแมลงใส่ตัวนางไม่น้อย ต้องเป็นเพราะพวกเขาทำให้นางกลายเป็นเช่นนี้!
คราวนี้ฮองเฮาพุ่งเป้าไปที่เสี่ยวเป่า นางจ้องมองเสี่ยวเป่าด้วยดวงตาแดงก่ำ แยกเขี้ยวยิงฟันพุ่งเข้าหาเสี่ยวเป่า
“ฮองเฮา!” องค์ประมุขคว้าแขนของนางและตะคอกอย่างแรง
ฮองเฮาราวกับถูกตีแสกหน้า รู้สึกตัวตื่นขึ้นทันที
อวี๋หวั่นตัดสินใจจะพาบุตรชายกลับจวน แต่ออกตามหาครึ่งตำหนักจงกงกลับไม่เห็นเงาของพวกเขา ในที่สุดเธอก็ได้ยินเสียงจากฝั่งนี้จึงรีบสาวเท้าเข้าไป ผลคือเธอมองเห็นสิ่งใด?
ในห้องเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง นางข้าหลวงก้มโขกหัวด้วยร่างกายสั่นระริก บุตรชายของเธอยืนอยู่ที่ประตูด้วยสีหน้างุนงง ฮองเฮาเอียงตะแคงอยู่บนพื้น ผมยุ่งเหยิง ที่คลุมผมหลุดออกเผยให้เห็นหัวล้านที่ถูกต้าเป่าดึงก่อนหน้านี้ องค์ประมุขอยู่ข้างนาง…สีหน้าโกรธเกรี้ยวน่ากลัวราวกับเทพเฝ้าประตูวัด
อวี๋หวั่นกะพริบตาด้วยความประหลาดใจ
เธอพลาดอะไรไปหรือเปล่า?
เด็กน้อยทั้งสามเห็นว่ามารดาของพวกเขามา ก็รีบเข้าไปในอ้อมแขนของเธอพร้อมกับคำห้าคำที่เขียนไว้ทั่วร่างกาย ลูกน้อยใจยิ่งนัก
ฮองเฮากริ้วจัด ทำร้ายจนคนอื่นเป็นเช่นนี้ ผู้ใดกันแน่ที่ควรน้อยใจไม่ได้รับความเป็นธรรม?
แน่นอนในที่สุดอวี๋หวั่นก็ได้รู้เรื่องที่เกิดขึ้นจากเสี่ยวเป่าและเอ้อร์เป่า ที่แท้ทั้งสามคนก็บังเอิญเดินเข้ามาในห้องของหนานกงเยี่ยน และตบยุงให้หนานกงเยี่ยน แต่ฮองเฮาเข้าใจผิดว่าพวกเขากำลังดูหมิ่นหนานกงเยี่ยน ฮองเฮาถูกกระตุ้นด้วยความโกรธแค้นทำร้ายเอ้อร์เป่า เสี่ยวเป่าโต้ตอบนาง นางจึงหมายจะสั่งสอนเสี่ยวเป่าด้วย แต่คนที่ได้รับบาดเจ็บกลับเป็นต้าเป่า
ต้าเป่าที่น่าสงสารของเธอ
เพื่อล้างแค้นให้พี่ชาย เสี่ยวเป่าปล่อยแมลงกู่ไปกัดนาง เสี่ยวเป่าที่มีความรู้งูๆ ปลาๆ ในวันธรรมดาไม่ตั้งใจเรียนวิชากู่กับอาจารย์อาเว่ย เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองนำกู่แบบใดติดตัวมา เทหมดหน้าตักใส่ฮองเฮาในคราวเดียว ผลคือฮองเฮาติดกับ
คำพูดที่กล่าวออกมาหมดเปลือก แปดเก้าส่วนเป็นคำพูดที่จริงใจของนาง
พูดเฉยๆ ก็มากพอแล้ว ท้ายที่สุดยังเกือบลงมือกับเสี่ยวเป่าต่อหน้าองค์ประมุข
สีพระพักตร์ขององค์ประมุขเรียกได้ว่าวิเศษยิ่งนัก
“ตบยุงจริงๆ” เอ้อร์เป่ายื่นมือน้อยๆ ออกไปเผยร่างยุงตัวเล็กให้มารดาดู
อวี๋หวั่นลูบหัวน้อยๆ ของเขา “แม่เชื่อพวกเจ้า”
เอ้อร์เป่าโถมตัวเข้าไปกอดมารดา เสี่ยวเป่าก็เข้าไปกอดด้วย
อวี๋หวั่นเชิดศีรษะของเสี่ยวเป่าขึ้นมา “ดูสิ ยามปกติพวกเจ้าเอาแต่กลั่นแกล้งต้าเป่า ในช่วงเวลาที่สำคัญ ต้าเป่าก็ยังปกป้องเจ้า ยังจะกลั่นแกล้งต้าเป่าอีกหรือไม่?”
เสี่ยวเป่าส่ายหัวอย่างออดอ้อน
ข้าจะแกล้งเอ้อร์เป่า!
เอ้อร์เป่าตัวสั่นระริก!
อวี๋หวั่นเอ่ยเสียงเบา “เอาละ พวกเราไปบอกลายายทวดที่ตำหนักจูเชวี่ยกันเถิด วันหน้าค่อยมาเยี่ยมนางใหม่”
“อื้อ!” ทั้งสามพยักหน้า
อวี๋หวั่นพาไข่ดำทั้งสามไปที่ตำหนักจูเชวี่ยของอวิ๋นเฟย องค์ประมุขรับสั่งเพียงว่าอวิ๋นเฟยไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากตำหนักจูเชวี่ย แต่ไม่ได้บอกว่าไม่มีใครไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไป
เมื่อรู้ว่าทั้งสามกำลังจากไป อวิ๋นเฟยก็โหยหาไม่อยากแยกจากพวกเขา
ช่วงสองสามวันที่ไข่ดำทั้งสามอาศัยอยู่ในตำหนัก เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดในชีวิตของนาง นางไม่เคยรู้มาก่อนว่าสวรรค์จะกรุณานางเช่นนี้ ให้ครึ่งตัวของนางได้ก้าวเข้าสู่วัยแห่งความไร้เดียงสา ได้บุตรสาวกลับคืนมาและมีเด็กๆ ที่น่ารักถึงเพียงนี้
“พวกเราจะมาหาท่านบ่อยๆ!” เอ้อร์เป่ากล่าวอย่างปากหวาน “พวกเราชอบยายทวดที่สุด!”
หากกล่าวถึงการประจบสอพลอแล้ว ไม่มีใครเกิน
อวิ๋นเฟยเช็ดน้ำตาและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ดีๆๆ ยายทวดรอพวกเจ้าอยู่ในวังนะ”
นางหยิบส้มเขียวหวานมาให้ไข่ดำนำกลับไปด้วย รู้ดีว่าพวกเขาไม่ได้ขาดแคลนสิ่งของในวัง แต่นี่เป็นน้ำใจของนาง ไข่ดำน้อยทั้งสามก็รับมันมาอย่างมีความสุขยิ่งหาใดเปรียบ
อวิ๋นเฟยเคยคิดว่าคนอื่นปฏิบัติต่อนางอย่างดีเพราะนางเป็นคนดีมาก ผ่านมาหลายปีจึงได้รู้ว่านั่นเป็นเพราะคนอื่นดีมากพอ
“เจ้าสอนพวกเขาได้ดีมาก” อวิ๋นเฟยกล่าวกับอวี๋หวั่นอย่างปลื้มใจ
อย่ามองว่าทั้งสามยามซุกซนไม่สนใจสิ่งใด แต่กลับล้วนเป็นเด็กที่ได้รับการอบรมมาอย่างดี อยู่กับพวกเขาไม่เคยรู้สึกอึดอัดไม่สบายใดๆ
“เป็นส้มที่ธรรมดามากยิ่งนัก…” อวิ๋นเฟยกระซิบทั้งน้ำตา
ไข่ดำน้อยทั้งสามถือตะกร้าใบเล็กด้วยตัวเอง และนำส้มที่อวิ๋นเฟยมอบให้พวกเขาขึ้นรถม้าอย่างใส่ใจราวกับเป็นของล้ำค่า
…
ฮองเฮาตื่นขึ้นมาก็เป็นเวลาครึ่งคืนแล้ว นางเบิกตาโพลงลุกขึ้นนั่งบนเตียง
นางมองผ้าห่มที่วางอยู่บนร่างกายของนาง จากนั้นก็มองรอบห้องที่คุ้นเคย ความรู้สึกเวียนศีรษะค่อยๆ เข้ามา นางกุมหน้าผากอย่างเจ็บปวด สูดหายใจเฮือกใหญ่
“ฮองเฮา ท่านตื่นแล้ว” ขันทีเดินมาพร้อมกับตะเกียงน้ำมัน มองฮองเฮาที่ใบหน้าซีดเซียวด้วยความเป็นห่วง
ฮองเฮาถามด้วยความสงสัย “ข้าเป็นอันใด? ฝ่าบาทเล่า?”
นางจำได้ชัดเจนว่าเมื่อครู่นางอยู่ที่ห้องของเยี่ยนเอ๋อร์ เหตุใดเพียงพริบตาเดียวนางจึงมานอนอยู่บนแท่นบรรทมหงส์?
ขันทีทราบแล้วว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น นางข้าหลวงที่เป็นพยานว่าฮองเฮาเสียกิริยาถูกเขาลงโทษอย่างเงียบๆ แล้ว แต่มีบางอย่างที่ขันทีตัวเล็กๆ อย่างเขาไม่มีแรงพอจะเปลี่ยนทางกระแสได้
เขาถอนหายใจ “ท่านสลบไป บ่าวให้คนพาท่านกลับมา ฝ่าบาท…เสด็จกลับตำหนักของพระองค์แล้ว ยามนี้คงไปที่ห้องทรงอักษรอีกครั้ง ฮองเฮาท่านรู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง? ยังรู้สึกไม่สบายที่ใดหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
“ข้า…” ฮองเฮาลูบใบหน้าของตนเอง และม้วนแขนเสื้อขึ้นสำรวจมองท่อนแขน รอยบวมแดงและผื่นหายแล้ว ความรู้สึกแน่นหน้าอก หายใจลำบากก็หายแล้ว
ขันทีอธิบายว่า “ปรมาจารย์พิษมาถอนกู่ให้ท่านแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]