“มัวยืนอึ้งอันใด? ยังไม่รีบคำนับองค์ชายน้อยแห่งหนานจ้าวอีกรึ?” ขันทีฉินเอ่ยพลางก้าวลงจากรถม้าอีกคันด้วยใบหน้าหยิ่งผยอง
ใช่ พวกเขาเคยได้ยินเรื่องราวชีวิตของพระชายามาแล้ว นางไม่ใช่สตรีบ้านๆ จากหมู่บ้านเหลียนฮวา แต่เป็นองค์หญิงน้อยแห่งหนานจ้าว นางยังมีน้องชายร่วมท้องด้วยอีกคนหนึ่ง ที่แท้เด็กชายตัวเล็กตรงหน้าก็คือน้องชายของนาง มิน่าถึงดูคล้ายคลึงอยู่บ้าง
ทุกคนรีบคำนับเถี่ยตั้นน้อย
เถี่ยตั้นน้อยเงยหน้ามองอวี๋หวั่น ดวงตาของเขากลับมาสดใสดุจน้ำพุอีกครั้ง อวี๋หวั่นพยักหน้าให้กำลังใจเขา
เถี่ยตั้นน้อยจับมือของพี่สาวแน่น มองทหารองครักษ์ตรงหน้าแล้วเอ่ยว่า “ลุกขึ้น”
หากบอกว่าไม่ประหม่าก็คงจะโกหก อย่างไรเขาก็ไม่เคยถูกคน…ทำความเคารพมากมายเช่นนี้ แต่ก็ไม่ถึงกับประหม่าจนเกินไป เขาสนใจในการแสดงของตนว่าจะออกมาดีหรือไม่มากกว่า ท่านพี่จะพึงพอใจหรือไม่
“ถิงเอ๋อร์ทำดีมาก” อวี๋หวั่นยิ้มแล้วลูบหัวเล็กๆ ของเขา
ต่อหน้าคนนอก เธอไม่มีทางเรียกเขาว่าเถี่ยตั้นเด็ดขาด นึกถึงฮูหยินผู้เฒ่าที่จวบจนทุกวันนี้ก็ยังเรียกท่านปู่ว่าหนิวตั้น อวี๋หวั่นก็อดคิดไม่ได้ หากสองสามปีต่อจากนี้ น้องชายของเธอกลายเป็นผู้มีชื่อเสียง แต่ก็ยังมีคนเรียกเขาว่า ‘เถี่ยตั้น! เจ้ากลับมาแล้ว——’
ฉากนั้น…ช่างงดงามจนไม่อาจทนมองได้ตรงๆ
ระหว่างทางไปตำหนักเฟิ่งชี เถี่ยตั้นน้อยได้เอ่ยเรื่องการตั้งชื่อทารกขึ้นมา “ท่านพี่ เด็กคนนั้นจะเป็นน้องชายหรือว่าน้องสาว?”
อวี๋หวั่นเอ่ย “ไม่ใช่ทั้งน้องชายและไม่ใช่ทั้งน้องสาว”
“หา!” เช่นนั้นมันเป็นสัตว์ประหลาดอะไร?! เถี่ยตั้นน้อยตะลึงงัน!
อวี๋หวั่นจิ้มหน้าหน้าผากน้อยๆ ของเขา “เป็นหลานชาย หรือหลานสาวของเจ้าต่างหาก!”
โตจนป่านนี้ เหตุใดยังไม่รู้จักลำดับอาวุโสอีก?
“อ้อ” เถี่ยตั้นน้อยตอบรับด้วยเสียงสงบราบเรียบ “หากเป็นหลานชาย เรียกเขาว่าโก่วตั้น(ไข่สุนัข)ได้หรือไม่?”
อวี๋หวั่น “…”
เยี่ยนเสี่ยวซื่อ “…”
…
เมื่ออวี๋หวั่นมาถึงตำหนักเฟิ่งชีก็พบว่าหานจิ้งซูมาถึงแล้วเช่นกัน
ฮองเฮาไม่เพียงแต่เรียกเธอมาเข้าเฝ้า แต่ยังเรียกหานจิ้งซูมาด้วย
หานจิ้งซูเป็นสะใภ้ของสวี่เสียนเฟย เพื่อภาพลักษณ์มารดาแผ่นดินผู้ทรงคุณธรรมจิตใจงดงาม ฮองเฮายังพยายามอย่างหนัก
หานจิ้งซูสวมชุดมงคลของพระชายารัชทายาท อวี๋หวั่นสวมชุดมงคลของพระชายาผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ หากกล่าวถึงยศศักดิ์ ทั้งสองต่างเป็นพระชายาขั้นหนึ่งระดับสูง แต่หากกล่าวถึงอำนาจในตำแหน่งแล้ว รัชทายาทที่มีเพียงตำแหน่งก็ยังห่างไกลจากผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ซึ่งกุมอำนาจที่แท้จริง
หานจิ้งซูเองก็เห็นอวี๋หวั่นและเถี่ยตั้นน้อย ไม่มีผู้ใดบอกนางว่าอวี๋หวั่นจะเข้าวังในวันนี้ และไม่มีผู้ใดบอกนางว่าเด็กน้อยข้างกายอวี๋หวั่นเป็นใคร แต่ด้วยความชาญฉลาด เพียงครุ่นคิดแวบหนึ่งก็คาดเดาตัวตนของอีกฝ่ายได้
หานจิ้งซูก้าวไปข้างหน้า คำนับอวี๋หวั่น “พระชายา”
สถานะของอวี๋หวั่นในยามนี้ต่ำกว่าฮองเฮาเพียงเล็กน้อย ทุกคนที่พบเธอล้วนต้องก้มหัวคำนับ ยกเว้นเพียงฮองเฮา
อวี๋หวั่นเองก็ไม่ได้แสร้งทำกริยาวาจาเกินงาม ยอมรับการเคารพของนางอย่างใจกว้าง จากนั้นจึงแนะนำให้นางรู้จัก “นี่คือน้องชายของข้า เห้อเหลียนถิง ถิงเอ๋อร์ นี่คือพระชายารัชทายาท”
“ถวายบังคมพระชายารัชทายาท” เถี่ยตั้นน้อยยกมือค้อมคำนับ
หานจิ้งซูพยักหน้าเล็กน้อย เอ่ยอย่างสุภาพ “ที่แท้คือองค์ชายแห่งหนานจ้าว เป็นเกียรติที่ได้พบ”
อวี๋หวั่นเอ่ยในใจ ผู้คนในราชสำนักนี่พูดจาเป็นพิธีรีตองเก่งจริง พวกเขาสองพี่น้องกับหานจิ้งซูมีสิ่งใดน่าเป็นเกียรติที่พบกัน? สามีของหานจิ้งซูเข้ามายุ่มย่ามกับเธอหลายครั้ง แล้วก่อนหน้านี้ไม่นานยังพยายามแยกเธอออกจากเยี่ยนจิ่วเฉา จิตใจของหานจิ้งซูต้องกว้างใหญ่เพียงใด ถึงรู้สึกดีใจที่ได้พบเธอ?
แต่คราวนี้อวี๋หวั่นอาจเข้าใจผิดหานจิ้งซูจริงๆ ดวงตาของหานจิ้งซูเต็มไปด้วยความปรารถนาดียามที่มองอวี๋หวั่น
หานจิ้งซูเหลือบมองขันทีฉินและเอ่ยด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “ขันทีฉินเดินนำไปเถิด เรากับพระชายาไม่พบกันนาน จะพูดคุยไถ่ถามเรื่องส่วนตัวกันเสียหน่อย”
ขันทีฉินเกิดความสงสัย สองคนนี้เกือบจะตีกันอยู่แล้ว ยังไถ่ถามเรื่องส่วนตัวกันได้อีกหรือ? เจ้าโง่หรือข้าโง่กันแน่?
ขันทีฉินไม่ได้หวาดกลัวหานจิ้งซู อำนาจแท้จริงของรัชทายาทไม่มีแล้ว ยามนี้ผู้ปกครองประเทศคือเยี่ยนจิ่วเฉา แล้วเยี่ยนจิ่วเฉาก็เป็นพันธมิตรของฮองเฮา เขายังต้องกริ่งเกรงจวนรัชทายาทอยู่อีกหรือ?
เพียงแต่…อวี๋หวั่นไม่ได้มีท่าทางจะปฏิเสธ จึงทำให้ขันทีฉินไม่อาจอยู่ตรงนี้ต่อไปได้
ขันทีฉินเอ่ยรับคำด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะสะบัดพู่จามรีเดินไปตำหนักเฟิ่งชี
อวี๋หวั่นจูงมือเถี่ยตั้นน้อยมาตลอดทาง
เถี่ยตั้นน้อยเป็นเพียงเด็กอายุเจ็ดแปดขวบ หานจิ้งซูจึงไม่ได้คิดจะให้เขาปลีกออกไป นางมองไปรอบๆ และกระซิบกับอวี๋หวั่น “ขอบใจมากนะพระชายา”
อวี๋หวั่นคิดว่าที่หานจิ้งซูไล่ขันทีฉินไปเพราะมี ‘เรื่องส่วนตัว’ มากมายอยากถามตน เช่นเยี่ยนไหวจิ่งยังวอแวกับตนอยู่หรือไม่ หรือว่าตนจะเปลี่ยนใจไปหาเยี่ยนไหวจิ่งหรือไม่…
แต่หลังจากหานจิ้งซูเอ่ย ‘ขอบใจมากนะพระชายา’ จบแล้ว ก็ทิ้งตนเดินเข้าตำหนักเฟิ่งชีไปเพียงลำพัง
อวี๋หวั่นมีสีหน้าสับสน!
“…”
อุตส่าห์ถอดกางเกงแล้ว แค่ให้มองสิ่งนี้?
อวี๋หวั่นคิดอยู่นาน แต่ก็ไม่เข้าใจคำพูดของหานจิ้งซูว่าขอบคุณเรื่องอะไร
“ท่านพี่ ท่านทำอะไรหรือ เหตุใดพระชายารัชทายาทถึงขอบคุณท่าน?” เถี่ยตั้นน้อยถามอย่างไม่เข้าใจ
อวี๋หวั่นเอ่ย “เจ้าถามได้มีเหตุผลนัก ข้าเองก็อยากรู้เช่นกัน!”
แม้กู่ของหานจิ้งซูตนจะเป็นคนคลาย ทว่าแม้แต่จวินฉางอันก็ยังไม่รู้เรื่องนี้ หานจิ้งซูที่หมดสติอยู่ยิ่งไม่น่ารู้ได้
…หรือว่านางจะรู้?
ยามที่นางไม่ได้สติ ได้ยินเธอคุยกับชุยเฒ่า? จำเสียงของตนได้?
หากเป็นเช่นนั้นจริง เหตุใดนางไม่จ่ายค่ารักษาหมื่นตำลึงทองแทนจวินฉางอันให้ตน?
ขอบคุณคำเดียวก็จบแล้วหรือ?
บุตรีจวนมหาเสนาบดีจะตระหนี่เช่นนี้ไม่ได้!
อวี๋หวั่นจับตัวไข่น้อยทั้งสามได้ใกล้กับตำหนักเฟิ่งชี และพาพวกเขาเข้าไปคารวะฮองเฮา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]