หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3] นิยาย บท 353

ในที่สุดอวี๋หวั่นก็ได้พบบุตรชาย ความกังวลทั้งหมดที่เธอไม่กล้าแสดงต่อหน้าคนอื่นสองสามวันที่ผ่านมา บัดนี้ท่วมท้นออกจากใจ

เธอไม่อาจสนใจภาพลักษณ์ของพระชายาซื่อจื่อ ถกกระโปรงวิ่งเข้าไปหากลางค่ำมืด

“ต้าเป่า ต้าเป่า!”

เด็กน้อยทั้งสองวิ่งไปหาพี่ชาย แต่มีร่างหนึ่งกลับดึงต้าเป่าเข้าไปในอ้อมแขนเร็วกว่าพวกเขา

“ต้าเป่า!” อวี๋หวั่นกอดบุตรชายที่ไม่ได้พบมาสามวัน แม้แต่ก่อนจะเคยห่างกันนานกว่านี้ ทว่าบุตรชายที่อยู่กับญาติ และอยู่ในเงื้อมมือของศัตรู เป็นสิ่งที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง “ให้แม่ดูเจ้าหน่อยซิ ต้าเป่าผอมไปหรือไม่?”

ต้าเป่ามองมารดาอย่างบ้องแบ๊ว อยากบอกเธอยิ่งนักว่า เขาอยากให้เธอคิดว่าผอม แต่ก็น่าเสียดายที่ไขมันตรงท้องหักหลังเขา

ปู่เยี่ยนยังป้อนอาหารเขามากกว่ายายทวดเสียอีก!

อวี๋หวั่นเห็นว่าบุตรชายได้รับการดูแลจากเยี่ยนอ๋องเป็นอย่างดี เธอหันไปมองเยี่ยนจิ่วเฉา “ท่านพ่อเล่า? เขาไม่เป็นไรใช่หรือไม่?”

เยี่ยนจิ่วเฉากล่าว “กลับถนนซื่อสุ่ยไปแล้ว แค่เหนื่อยนิดหน่อย ไม่เป็นไรมาก”

ภายใต้เปลือกตาของศัตรู การเลี้ยงต้าเป่าให้อ้วนไม่ใช่เรื่องง่ายดาย ร่างกายบอบบางที่ไม่อาจสู้แรงลมของเยี่ยนอ๋องแทบหมดแรงเป็นอัมพาตไปชั่วขณะทันทีที่ขึ้นรถ เยี่ยนจิ่วเฉาส่งเขากลับไปที่ถนนซื่อสุ่ยก่อน จากนั้นจึงพาต้าเป่ากลับจวนเห้อเหลียน

“ไอ้หยา ท่านแม่กอดพอหรือยัง?” เสี่ยวเป่าดึงชายกระโปรงอวี๋หวั่น ในอดีตเขาไม่อยากให้มารดาอุ้มต้าเป่า เพราะเขาต้องการครอบครองมารดา ทว่าบัดนี้กลับอยากครอบครองต้าเป่า

อวี๋หวั่นหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกแล้ววางต้าเป่าลง

เสี่ยวเป่าและเอ้อร์เป่าอ้าแขนน้อยๆ กอดพี่ชายของพวกเขา

ต้าเป่าก็เข้าไปกอดน้องชายทั้งสอง

แขนของพวกเขาทั้งอ้วนทั้งสั้น กอดกันแล้วดูเงอะงะยิ่ง

“ข้า…ข้ากอดไม่ถึงแล้ว” เสี่ยวเป่ากล่าว

“ข้าด้วย” เอ้อร์เป่าพูด

อวี๋หวั่นหัวเราะน้ำตาไหล

เด็กน้อยทั้งสามกอดกันอย่างเงอะงะครู่หนึ่ง อวี๋หวั่นก็ลูบหัวทั้งสาม “ค่ำมากแล้ว กลับจวนกันเถอะ ท่านย่ายังรอพวกเจ้าอยู่ที่เรือน”

“อื้อ!” ทั้งสามพยักหน้า

สามพี่น้องจูงมือกัน เดินพลางกระโดดพลางเข้าไปในจวน!

“พวกเราก็ไปกันเถอะ” อวี๋หวั่นพูดกับเยี่ยนจิ่วเฉา

เยี่ยนจิ่วเฉาส่งเสียงอืมอย่างราบเรียบ เดินไปข้างหน้าด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

อวี๋หวั่นก้าวตามอย่างรวดเร็วและแผ่วเบา มองมือที่ห้อยลงข้างลำตัวแล้วจับมันขึ้นมาเบาๆ

“ขอบคุณมาก” เธอกล่าว

“ข้าเป็นพ่อของเขา” เยี่ยนจิ่วเฉากล่าว

ความหมายแฝงคือมีสิ่งใดน่าขอบคุณ?

อวี๋หวั่นยกยิ้มมุมปากกระซิบเบาๆ “นั่นก็ยังต้องขอบคุณท่าน”

อวี๋หวั่นไม่เคยรู้สึกว่า เพราะเขาเป็นบุรุษ เป็นสามีของเธอ หรือเป็นบิดาของเด็กๆ ดังนั้นความดีและความทุ่มเทของเขาจึงเป็นสัจธรรมความถูกต้องที่พึงมี เรื่องที่ต้องทำเพียงห้าส่วนเขาทำสิบส่วน ไม่ใช่เพราะความรับผิดชอบ แต่เพราะหัวใจที่รักใคร่หวงแหนเธอและเด็กๆ

น้ำใจนี้ล้ำค่าไม่อาจตีราคา ในใต้หล้าหาได้ยากยิ่ง

อวี๋หวั่นมองเขาด้วยรอยยิ้ม

กำลังจะก้าวขึ้นบันได เขาก็สะดุดเสียทื่อๆ ในทันที

“ไม่เป็นไรใช่หรือไม่!” อวี๋หวั่นช่วยเขาไว้ได้ทันเวลา “บันไดใหญ่เพียงนี้ ท่านก็สะดุดได้ ข้าแค่มองท่านเองมิใช่หรือ? แต่งงานมาก็นานแล้ว บุตรก็มีถึงสามคน ยังทำให้ท่านตื่นเต้นอีกหรือ!”

เยี่ยนจิ่วเฉาส่งเสียงฮึดฮัด ถอนมือออก สาวเท้าเดินหนีไป

ท่าทางสามีข้ายามโกรธเกรี้ยวช่างหล่อบาดใจยิ่งนัก!

อวี๋หวั่นตามไปอย่างมีความสุข

ภายในห้อง ฮูหยินผู้เฒ่าเห็นเหลนตัวน้อยของนางก็ยิ้มไม่ยอมหุบ กับฮูหยินผู้เฒ่าแน่นอนว่าไม่ได้พูดเรื่องการลักพาตัวของต้าเป่า บอกเพียงว่าไปอยู่ในวังกับอวิ๋นเฟยสองสามวันเท่านั้น

แม้ไม่รู้ความจริง แต่ช่วงสองสามวันนี้เปลือกตาของฮูหยินผู้เฒ่าก็มักจะกระตุกอยู่เสมอ นอนก็หลับไม่สนิท ในที่สุดได้กอดต้าเป่าที่กลับมาอย่างปลอดภัย ฮูหยินผู้เฒ่าจึงได้สดใสแช่มชื่นขึ้นอีกครั้ง

“ดวงใจของทวด!” ฮูหยินผู้เฒ่าอุ้มต้าเป่าไว้เนิ่นนาน รักใคร่จนวางไม่ลง

แต่สิ่งที่ทำให้ฮูหยินผู้เฒ่ามีความสุขไม่ได้มีเพียงเรื่องนี้

“อะแฮ่ม!” อวี๋เซ่าชิงกระแอมในลำคอ “ท่านแม่ ท่านดูสิว่าใครมา?”

ฮูหยินผู้เฒ่าเงยหน้าขึ้นอย่างว่างเปล่า

อวี๋เซ่าชิงก้าวหลบไปด้านข้าง เผยให้เห็นภิกษุในชุดสีดำ

ดวงตาของฮูหยินผู้เฒ่าพลันเบิกกว้าง “เซิง…เซิงเอ๋อร์?”

เห้อเหลียนเซิงยืนนิ่ง

“มัวนิ่งอะไร? เข้ามาสิ!” อวี๋เซ่าชิงลากหลานชายไปหาฮูหยินผู้เฒ่า

ลำคอของฮูหยินผู้เฒ่าพลันเจ็บปวด เอื้อมมือออกไปอย่างสั่นเทา กล่าวด้วยน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม “ใช่เซิงเอ๋อร์หรือไม่?”

ภิกษุชุดดำคุกเข่าลงต่อหน้าฮูหยินผู้เฒ่า และยื่นหน้าไปที่มือของนาง “ข้าเอง ท่านย่า”

“เซิงเอ๋อร์–” ฮูหยินผู้เฒ่าดึงเห้อเหลียนเซิงเข้าไปในอ้อมแขนด้วยน้ำตาไหลพราก

นอกห้อง นางถานเฝ้าดูฉากนี้อย่างเงียบๆ และแอบเช็ดน้ำตา เดิมทีอวี๋เซ่าชิงต้องการให้นางพบฮูหยินผู้เฒ่าเช่นกัน แต่เมื่อมาถึงประตูนางก็ผงะถอย

เป็นแบบนี้ก็ดีมากแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้นางไปรบกวน

นางคิดจะจากไปอย่างเงียบๆ แต่เมื่อหันหลังกลับ เห้อเหลียนเป่ยหมิงก็ผลักรถเข็นมาขวางทางนางไว้

“เจ้าจะไปที่ใด?” เห้อเหลียนเป่ยหมิงกล่าว

นางถานก้มศีรษะลงและพูดว่า “กลับอารามชี”

“อารามชีไม่มีแล้ว” เห้อเหลียนเป่ยหมิงกล่าว

“ข้าจะไปอารามชีที่อื่น” นางเอ่ยพลางเดินตรงไปเงียบๆ

ขณะที่เดินผ่านไป เห้อเหลียนเป่ยหมิงก็จับข้อมือนาง “กลับมาอยู่บ้าน ไม่ดีหรือ?”

ดวงตาของนางถานเริ่มร้อนผ่าว

คิดว่าตนเองตัดใจได้นานแล้ว แต่เมื่อเผชิญหน้ากับบุรุษผู้นี้ ไม่ว่าอย่างไรกลับไม่อาจทำท่าทีเฉยชาเช่นนั้นได้

นางถานหันหนี ไม่กล้ามองเขา และไม่ให้เขามองหน้านางเช่นกัน

ขาของเขาถูกนางทำให้พิการ นางไม่มีหน้าจะพบเขา

เห้อเหลียนเป่ยหมิงเดาได้ว่านางกำลังคิดสิ่งใด เมื่อเทียบกับการตำหนิตัวเองของนางแล้ว ในใจของเขาตำหนิตัวเองยิ่งกว่า ในฐานะสามี เขาไม่อาจปกป้องภรรยาและบุตร และยังทำให้นางต้องทำในสิ่งที่นางเจ็บปวด หากเป็นเขาที่วางยานาง ต่อให้เพื่อช่วยนาง เขาก็คงต้องเสียใจไปตลอดชีวิตกระมัง

“เจ้าโทษข้าหรือ?” เขาพูด

นางถานรีบพูด “ไยข้าต้องโทษท่าน? คนที่ควรถูกโทษเป็นข้าถึงจะถูก!”

เห้อเหลียนเป่ยหมิงกล่าว “เจ้าจะผิดได้อย่างไร? ข้าเป็นพ่อของเซิงเอ๋อร์ ความรับผิดชอบแต่แรกควรเป็นของข้า แต่กลับให้เจ้ากับท่านแม่ต้องแบกรับ ข้าเป็นบุตรที่แย่ เป็นสามีที่แย่ และเป็นบิดาที่แย่!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]