อวี๋หวั่นอารมณ์ดีที่ได้พบกับเด็กชายตัวน้อยๆ เธอหลับไปอย่างมีความสุข เพียงแต่ยังร้อนมาก ร้อนจนกระทั่งร่างกายของเธอชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ เธอตื่นขึ้นกลางความฝันถึงหลายครา
ฟ้ายังไม่สว่าง อวี๋หวั่นตื่นขึ้นมาและเดินไปยังห้องครัวเพื่อทำอาหารเช้า ทว่าอวี๋เซ่าชิงกลับง่วนอยู่หน้าเตาแต่เช้าตรู่ เมื่อก่อนคนที่ยุ่งที่สุดในบ้านคือเธอ ทว่านับแต่บิดากลับมา คนที่ยุ่งที่สุดกลับกลายเป็นเขา
“อรุณสวัสดิ์ท่านพ่อ” เธอทักทายด้วยรอยยิ้ม
“เหตุใดเจ้าไม่นอนอีกหน่อยเล่า?” อวี๋เซ่าชิงถามด้วยอารมณ์สดชื่นปลอดโปร่ง ราวกับว่าเมื่อคืนเป็นคืนที่แนบชิดหวานชื่นและรักกับภรรยาทั้งคืนอย่างมิต้องเอ่ย “จริงสิ เมื่อคืนนี้คนของหอจุ้ยเซียนมาส่งเจ้าหรือ?”
หัวใจของอวี๋หวั่นเต้นกระตุก “ท่านพ่อเห็นแล้วหรือ?”
“ไม่เห็น” อวี๋เซ่าชิงยิ้มและวางมีดทำครัวที่หั่นหน่อไม้ “พ่อได้ยินเสียงกีบม้า มันไม่เหมือนกับม้าคุณภาพต่ำที่มาจากพ่อค้ารถม้า”
ถ้าเยี่ยงนั้น ม้าที่คุณชายเยี่ยนใช้ก็ล้วนเป็นม้าเลอค่าระดับสูง
รถม้ามาส่งเพียงทางเข้าหมู่บ้าน ทว่าพ่อของเธอก็ยังสามารถแยกความแตกต่างของเสียงได้ อวี๋หวั่นขบคิดอย่างหวาดเกรง และจำต้องระมัดระวังมากขึ้นในอนาคต
เรื่องที่พ่อของเธอได้รับการดูแลจากจวนคุณชายเยี่ยน ลุงวั่นมีข้ออ้างที่เหมาะสม นั่นก็คือครั้งหนึ่งอวี๋หวั่นได้ช่วยคุณชายน้อยทั้งสามจากโจรไว้ได้ จวนคุณชายเยี่ยนซาบซึ้งจึงตอบแทนบุญคุณเป็นเรื่องที่สมควร คนสกุลอวี๋ก็เชื่อคำพูดนี้เช่นกัน เว้นแต่ผู้ที่รู้ข้อมูลวงในเชิงลึกอย่าง…อวี๋เฟิง
ความสัมพันธ์ระหว่างเหยียนฉงหมิงและจวนคุณชายเยี่ยน อวี๋เซ่าชิงก็เคยได้ยินจากในค่ายทหารมาบ้าง เป็นไปได้ที่เขาจะไม่เข้าข้างว่าที่พ่อตาและหันมาดูแลคนนอก แสดงให้เห็นว่าเป็นผู้ที่ตรงไปตรงมาและมีศีลธรรม แต่ไม่รู้เหตุใดอวี๋เซ่าชิงจึงไม่อาจชอบเขาได้ และมักจะรู้สึกว่าคุณชายผู้ซึ่งไม่เคยพบเจอกันมาก่อนผู้นี้จะยื้อแย่งบางสิ่งกับเขา…
หลังอาหารเช้า อวี๋เซ่าชิงพาอวี๋ซงไปดูไม้ที่ภูเขาด้านหลัง เพราะการสร้างบ้านไม้เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ ทั้งไม้สนและไม้ซานล้วนเหมาะสมยิ่ง บนยอดเขามีป่าสนแดงขนาดใหญ่ เพียงพอสำหรับการสร้างโรงงานและหอพัก
อวี๋หวั่นไปที่ภูเขาด้านหลังเพื่อขุดหน่อไม้ อวี๋เฟิงก็ตามมาด้วย
ระหว่างทางไปยังภูเขาด้านหลัง อวี๋หวั่นถามเกี่ยวกับหินและอิฐสีเขียวเทา อวี๋เฟิงเอ่ยตอบ “อิฐสีเขียวเทาในหมู่บ้านยังไม่ดีนัก ข้าจะเข้าไปดูในตำบลภายหลัง”
เมื่อคิดบางอย่างออก อวี๋หวั่นจึงถามว่า “จริงสิ พี่ใหญ่ หลี่เจิ้งได้บอกเรื่องพี่เอ้อร์หนิวให้ท่านฟังหรือไม่?
“บอกแล้ว ให้พวกเขามาสร้างบ้านก่อน หากมีธุระอื่นในอนาคต จึงค่อยแบ่งให้พวกเขาไปทำ” อวี๋เฟิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ในเมื่อมีคนพอแล้ว ต่อไปเจ้าไม่ต้องมาขุดหน่อไม้ด้วยตนเองอีกแล้วล่ะ”
อวี๋หวั่นเอ่ย “ยังไม่พอหรอกท่านพี่ เพียงขุดหน่อไม้ยังไม่พอ หากแต่ต้องหาคนมาเก็บหน่อไม้ด้านนอกด้วย”
อวี๋เฟิงสูดลมหายใจ “ต้องการหน่อไม้มากเพียงนั้นเลยหรือไร?”
“อื้ม” อวี๋หวั่นพยักหน้า “กิจการของหอจุ้ยเซียนรุ่งเรืองมาก เกรงว่าหน่อไม้อาจไม่พอขาย”
ไม่กี่เดือนก่อนครอบครัวของพวกเขายังต้องอดมื้อกินมื้อ ทว่าเพียงชั่วพริบตา กลับได้ทำธุรกิจขนาดใหญ่เช่นนี้ อวี๋เฟิงคิดว่ามันช่างน่าเหลือเชื่อ ทว่าที่น่าประหลาดใจมากกว่านั้น เขาพูดกับอวี๋หวั่นว่า “เรื่องนี้ให้ข้าดูแลเอง ไม่นานข้าจะไปหาคนมา”
ทั้งสองเดินมาเยอะจนคุ้นเคยเสียแล้ว มิได้รู้สึกไกลอีกต่อไป สองพี่น้องเดินคุยกันไป มิทันไรก็มาถึงป่าไผ่
ทั้งสองขุดหน่อไม้ขึ้นมาสองตะกร้า เก็บผลซู่เหมยสีแดงสดหนึ่งห่อผ้า และกลับลงไปเมื่อยามใกล้มื้อกลางวัน
เมื่อกลับไปก็พบว่ามีคนมาที่บ้าน ทว่ากลับเป็นชุยเฒ่าที่มิได้พบเจอกันเสียนาน
ในอ้อมแขนของชุยเฒ่ามีลูกสุนัขพื้นเมืองตัวน้อยที่เพิ่งเกิดมาไม่นาน ท่าทางของลูกสุนัขพื้นเมืองไม่สู้ดีนัก ท้องของมันใหญ่โตมาก
“อาหวั่น! ในที่สุดเจ้าก็กลับมา ข้ารอเจ้ามานานแล้ว นี่เป็นสุนัขของบ้านยายหวังที่อยู่ข้างๆ มันปวดท้องมาหลายวันแล้ว เจ้าช่วยรีบดูให้ทีสิ!” ชุยเฒ่าเอ่ยพร้อมกับอุ้มเจ้าหมาน้อยขึ้นมา
อวี๋หวั่นมิเคยลืมว่าเธอได้พบกับองค์ชายรองได้อย่างไร หมอพื้นบ้านที่ดูเหมือนไม่มีอะไรโดดเด่นคนนี้ เรียกอีกฝ่ายว่าเป็นเพื่อนของตน แล้วก็ยังพาเขามาที่บ้านของเธอ
เธอรู้มานานแล้วว่าตัวตนของคุณชายสวี่นั้นไม่ธรรมดา แต่ไม่คาดคิดว่าจะไม่ธรรมดาถึงเพียงนี้ แท้จริงเขาเป็นองค์ชายรอง เป็นบุตรชายของสวี่เสียนเฟย มิน่าเล่าเขาจึงใช้แซ่สวี่ ใช้แซ่ของมารดานี่เอง หากจะพูดเช่นนี้ ที่เธอเคยคาดเดาว่าเขาเป็นคนของสกุลสวี่ ก็เดาถูกไปครึ่งหนึ่ง
สามารถ ‘เป็นเพื่อน’ กับองค์ชายได้ คิดว่าหากชุยเฒ่ามิใช่หมอพื้นบ้านจริงๆ ก็ไม่รู้แล้วว่ามีภูมิหลังแบบใด
บางครั้ง การรู้มากเกินไปก็มิใช่เรื่องดี อวี๋หวั่นเก็บงำความคิดที่อยากถามชุยเฒ่า และตรวจดูอาการของสุนัขตัวน้อย อาการท้องร่วงและท้องอืดมิใช่ปัญหาใหญ่ เพียงต้องใส่ใจกับการให้อาหาร ทว่าข้อต่อที่บวมผิดรูปทำให้การเดินไม่มั่นคงของสุนัขตัวนี้ต่างหากจึงเป็นปัญหาใหญ่ที่แท้จริง
อวี๋หวั่นเขียนใบสั่งยา “ซานจา[1]ขนาดสี่เหรียญ หัวไชเท้าสดสีขาวขนาดครึ่งเหรียญ เปลือกส้มสดขนาดหกเหรียญ นำไปต้มกับน้ำ ทานวันละสองครั้ง กินนานหน่อย สิบวันหรือครึ่งเดือนก็ได้”
อวี๋หวั่นได้รับค่าตรวจยี่สิบอีแปะจากชุยเฒ่า
หลังจากชุยเฒ่าจากไป จู่ๆ อวี๋หวั่นก็นึกถึงเรื่องที่พบเจอกับองค์ชายรองเมื่อวานนี้ เยี่ยนจิ่วเฉาน่าจะได้ยินว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอกับองค์ชายรองพบกัน ทว่ากลับมิได้ถามว่าเธอกับองค์ชายรองพบกันได้อย่างไร…
เขามิได้สงสัย หรือว่าเขามิได้สนใจกันนะ?
…
ณ จวนของคุณชาย ในห้องหนังสือที่เปิดกว้างของเยี่ยนจิ่วเฉา อิ่งลิ่วผู้ซึ่งมีใบหน้าเศร้าหมองยืนอยู่ตรงข้าม
หลังจากจวนของคุณชายเกิดเหตุการณ์ที่ไม่อาจจะบรรยายขึ้น อิ่งลิ่วไม่อาจมองตรงไปที่ความสัมพันธ์ของเขากับเจ้านายของเขาได้อีกต่อไป
เพียงตอบคำถาม อิ่งลิ่วก็ยังมองออกไปนอกหน้าต่าง!
“เรื่องที่ข้าให้เจ้าไปตรวจสอบ เจ้าตรวจพบแล้วรึ?” เยี่ยนจิ่วเฉาถามอย่างเหม่อลอยพลางพลิกหนังสือ ‘ภูมิศาสตร์ของราชวงศ์โจว’ ที่ถูกทาด้วยหมึกสีดำจากฝีมือเด็กอ้วนน้อยทั้งสาม
“ตรวจพบแล้วขอรับ” อิ่งลิ่วเอ่ยพลางมองออกไปนอกหน้าต่าง!
เยี่ยนจิ่วเฉาไม่ยี่หระต่อท่าทีประสาทเล็กน้อยของเขา “เล่ามาซิ”
อิ่งลิ่วเอ่ย “องค์ชายรองไปหาแม่นางอวี๋เพื่อรักษาสัตว์เลี้ยงของเขา และพบกันโดยบังเอิญในหมู่บ้านครั้งหนึ่ง ภายหลังเนื่องจากเกิดเรื่องขึ้นที่หอเทียนเซียง จึงได้พบกันอีกสองครา ในสองครานั้น องค์ชายรองได้ช่วยแม่นางอวี๋ไว้”
คราแรกพ่อครัวหยางจ้างนักฆ่า นักฆ่าเหล่านั้นถูกจวินฉางอันส่งไปยังที่ทำการปกครองด้วยตนเอง เรื่องนี้สืบไม่ยากส่วนอีกคราหนึ่งคือการแข่งขันใหญ่ที่หอเทียนเซียง มีคนขังอวี๋หวั่นไว้ในอุโมงค์น้ำแข็ง เรื่องนี้เกิดความโกลาหลใหญ่โต จึงตรวจสอบได้ไม่ยากเช่นกัน
“สิ่งที่ข้าอยากจะบอกคุณชายก็คือ ที่หอเทียนเซียงครานั้น องค์ชายรองพาแม่นางอวี๋ขึ้นไปชั้นบนด้วยตนเอง!”
อิ่งลิ่วผู้ซึ่งมีจิตใจที่หยิ่งในศักดิ์ศรีของชายหนุ่มเจ็บปวดแสนสาหัส ในที่สุดก็สบโอกาสที่จะทำให้คุณชายของเขารู้สึกแย่ลงไปอีก!
หัวใจของเยี่ยนจิ่วเฉาถูกปิดกั้นไว้ เขานึกเสียใจเล็กน้อยที่เมื่อคืนนี้ทำให้เยี่ยนไหวจิ่งจากไปอย่างง่ายดายเช่นนั้น
“เยี่ยนไหวจิ่งรู้ได้อย่างไรว่านางสามารถรักษาได้?” คุณชายมิได้หน้ามืดตามัวด้วยแรงหึง และจำเรื่องที่ยังต้องจัดการได้
อิ่งลิ่วเอ่ย “ในอดีตจวนขององค์ชายรองเคยมีผู้ช่วยส่วนตัว เล่ากันว่าเป็นหมอเทวดา แซ่ชุย เขาได้ออกจากจวนขององค์ชายรอง ยามนี้อาศัยอยู่ใกล้กับหมู่บ้านเหลียนฮวา และบังเอิญได้รู้จักกับแม่นางอวี๋”
เหยียนหรูอวี้ไม่จำเป็นต้องเดาก็พอทราบ ว่าสตรีสูงศักดิ์เหล่านี้คิดอันใดอยู่ องค์ชายรองอายุไม่น้อยแล้ว การไว้ทุกข์ให้กับไทเฮาเป็นระยะเวลาสามปีก็ครบกำหนดแล้ว ถึงเวลาที่ต้องเลือกพระชายาขององค์ชาย ทว่านางแตกต่างจากสตรีเหล่านั้น นางมีคนรักอยู่แล้ว นางเพียงแค่มาชื่นชมดอกไม้!
“คุณหนูเหยียน ท่านยังจำข้าได้หรือไม่?” สตรีสง่างามในชุดสีชมพูเดินเข้ามาหาเหยียนหรูอวี้
แน่นอนว่า เหยียนหรูอวี้จำนางได้ บุตรีของรองเจ้ากรมพระคลัง บุตรีคนที่สองของสกุลเว่ย และทั้งสองไปมาหาสู่กันก่อนที่จวนสกุลเหยียนจะเกิดเรื่องขึ้น ทว่าความสัมพันธ์ก็มิได้แน่นแฟ้น
เหยียนหรูอวี้ยิ้มตอบด้วยมารยาท “คุณหนูเว่ย มิได้เจอเสียนาน สบายดีหรือ?”
“ท่านจำข้าได้จริงๆ!” คุณหนูเว่ยจับมือของเหยียนหรูอวี้ด้วยความตื่นเต้น “ข้าบอกพวกเจ้าแล้วใช่ไหม? ทีนี้พวกเจ้าก็เชื่อแล้วสิ!”
เหยียนหรูอวี้มิใช่บุตรีผู้โศกเศร้าที่ทำได้เพียงนั่งมองสตรีเหล่านี้อยู่ตรงมุมเฉยๆ อีกต่อไป ตอนนี้นางกลายเป็นสตรีสูงศักดิ์ที่ผู้คนต้องมาประจบนาง
บุตรีของจวนอัครเสนาบดีก็มา ใครเล่าจะกล้าผ่านนางไปได้?
ไม่นานเหยียนหรูอวี้ก็กลายเป็นจุดสนใจ สตรีทุกคนรุมล้อมนาง และพยายามประจบนางอย่างเต็มที่ หาได้เป็นคำสั่งของสวี่เสียนเฟยไม่ หากแต่ตัวตนของนางในยามนี้ สุกใสเป็นประกายมากเสียจนยากที่ผู้ใดจะไม่ประจบประแจง
“คุณหนูเหยียน ช่วงปลายเดือนเป็นวันเกิดของข้า ท่านจะให้เกียรติมาเป็นแขกที่บ้านของข้าได้หรือไม่?”
“คุณหนูเหยียน วันเกิดของข้าก็ใกล้มาถึงเช่นกัน!”
“ทำไมเอ่ยถึงแต่วันเกิดของตนเองเล่า คุณหนูเหยียน วันเกิดของท่านเดือนอะไรหรือ?”
ยามเผชิญกับคำถามของเหล่าสตรี เหยียนหรูอวี้ต้องตอบอย่างอดทน นางเริ่มรักษารอยยิ้มที่สง่างามไว้บนใบหน้า โดยมิได้สังเกตเห็น หลังม่านโปร่งที่ห่างไปไม่ไกล มีดวงตาหลายคู่จ้องมองตนอย่างไม่ไหวติง
“เหตุใดเจ้าจึงเชิญหญิงชราผู้นี้กลับมา? นางถูกฮองเฮาขับออกไป หากให้ผู้ใดรู้ว่าข้าพานางกลับเข้าวัง ข้าคงถูกกล่าวหาว่าหมิ่นเบื้องสูงเป็นแน่” ด้านหลังฮุยมามา สวี่เสียนเฟยดึงมือของบุตรชายนางและกระซิบเบาๆ
สวี่เสียนเฟยควบคุมดูแลวังทั้งหก นางมิได้เกรงกลัวฮองเฮา ทว่านางไม่สามารถปล่อยให้ตนเอง ‘ทำลาย’ กฎมณเทียรบาล และหาเรื่องยั่วยุให้ฝ่าบาทต้องทอดทิ้ง
เยี่ยนไหวจิ่งเอ่ย “เสด็จแม่โปรดวางใจ เพียงให้นางได้ยืนยันสิ่งเดียว หลังจากนั้นข้าจะส่งนางออกจากเมืองหลวงไป”
ฮุยมามามองเหยียนหรูอวี้ที่กำลังเพลิดเพลินจำเริญใจอย่างไม่กะพริบตา
สวี่เสียนเฟยก็มองตามไปด้วย “ทำไมหรือ? เจ้าสงสัยว่าเด็กพวกนั้นมิได้เกิดจากนางรึ?”
เยี่ยนไหวจิ่งเล่าถึงสิ่งที่พบเจอในหอหนิงเซียงให้มารดาฟัง “…คนเมามักเผยธาตุแท้ สิ่งที่เหยียนเซี่ยกล่าวต้องเป็นความจริงแน่”
“หากนางตั้งครรภ์ไม่ได้ เด็กเหล่านั้นก็คงถูกนางพามาจากที่อื่น…ช่างใจกล้ายิ่งนัก…” สวี่เสียนเฟยเผยยิ้มอย่างมีนัย
ฮุยมามาหันกลับมา และก้มคำนับทั้งสองอย่างเป็นทางการ “พระสนม องค์ชาย หม่อมฉันดูเสร็จแล้วเพคะ”
สวี่เสียนเฟยมองอย่างมุ่งมาด “เป็นอย่างไร? นางเคยมีบุตรมาก่อนหรือไม่?”
………………………………
[1] ซานจา 山楂 เป็น สมุนไพรที่ช่วยในการย่อยอาหาร
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]