ณ ทุ่งอันเวิ้งว้างไร้ที่สิ้นสุด รถม้าหลายคันหยุดลง คนกลุ่มหนึ่งยืนอยู่ท่ามกลางฝุ่นตลบอบอวล
ในบรรดาพวกเขาแบ่งเป็นนักบวชผู้ยิ่งใหญ่แห่งเผ่าปีศาจ ทูตแห่งแสงสว่าง และอาเว่ยจอมวายร้าย
แสงแดดแผดเผา ด้านในรถม้าร้อนระอุ
เยี่ยนจิ่วเฉาไม่อาจทนต่อความอบอ้าวในรถได้เช่นกัน อิ่งลิ่วจึงพยุงเขาลงจากรถ
อิ่งสือซันกางร่มให้ด้วยความเป็นห่วง หลังจากนั้นก็มองไปยังอาม่าและคนอื่นๆ “ไม่ได้บอกหรอกหรือว่าเผ่าปีศาจทิวทัศน์งดงาม ผู้คนปราดเปรื่อง? พวกเรามาอยู่ที่ทะเลทรายเช่นนี้ได้อย่างไร?”
ผู้คนปราดเปรื่องหรือไม่อิ่งสือซันไม่อาจรู้ได้ อย่างไรเสียพวกเขาก็เห็นเพียงความว่างเปล่าและเหี่ยวแห้งมาตลอดทาง ต่างจากเผ่าปีศาจที่อาม่าพรรณนา
อิ่งลิ่วเบ้ปากพึมพำว่า “คงไม่ได้หลงทางหรอกใช่ไหม?”
เยว่โกวตอบอย่างดุดันว่า “ไม่หลงทางหรอก! อาม่าเป็นผู้ที่ฉลาดหลักแหลมที่สุดในเผ่าปีศาจ เขาชำนาญทางอยู่แล้ว ในปีนั้นในเผ่าส่งยอดฝีมือจำนวนไม่น้อยออกตามหาฮูหยิน มีเพียงพวกเราที่หาพบ อาม่าเป็นคนนำทางทั้งหมด!”
อิ่งสือลิ่วร้อง ‘อ้อ’ มองไปยังเยว่โกว “ขอถามได้ไหมว่าใช้เวลาหานานเท่าไร?”
“ไม่นาน” เยว่โกวกล่าวด้วยความลำพอง “สามปี!”
อิ่งลิ่ว “…”
อิ่งสือซัน “…”
เยี่ยนจิ่วเฉา “…”
อิ่งลิ่วมุมปากกระตุก “ขอถามได้ไหมว่าครั้งแรกที่เผ่าของพวกเจ้าส่งทูตแห่งแสงสว่างออกไปคือเมื่อใด?”
“โอ้” เยว่โกวใคร่ครวญด้วยสีหน้าจริงจัง “ตอนข้าเป็นเด็กกระมัง”
นั่นมันตั้งสิบสองปีที่แล้ว!!!
ทั้งสองไม่มีอะไรจะพูด ได้ยินว่าคนในเผ่าปีศาจนับวันยิ่งน้อยลง ที่แท้ก็เป็นเพราะเหตุผลนี้เองหรือ? เช่นนั้นเหล่ายอดฝีมือที่ออกมาจับนางเจียงก็หลงทาง หาทางกลับเผ่าไม่ได้อย่างนั้นหรือ?
เผ่าปีศาจของพวกเจ้าใช้ความสามารถนำพาอันตรายเข้าหาตัวจริงๆ…
ทั้งนายและบ่าวไม่กล้ามองหน้าพวกเขาตรงๆ
แม้แต่เยี่ยนจิ่วเฉายังแทบยกมือขึ้นกุมขมับ
อิ่งสือซันหายใจเข้าลึกๆ แล้วถามอาเว่ยว่า “หนอนพิษของพวกเจ้ายังใช้ได้อยู่ไหม?”
อาเว่ยส่ายหน้า “ใช้ไม่ได้แล้ว ครั้งก่อนฝนตกหนัก ทำให้กลิ่นเจือจางไป ตามรอยไม่ได้แล้ว”
คิดดูแล้วก็คงจะเป็นเช่นนั้นจริง หลังจากที่ฝนตก สถานที่ซึ่งพวกเขาเดินทางผ่านก็แปลกขึ้นเรื่อยๆ ในตอนนั้นพวกเขาได้หลงทางเสียแล้ว
อิ่งสือซันกล่าวว่า “เผ่าปีศาจของพวกเจ้าอยู่ทางใดของหนานจ้าว?”
เพื่อที่จะป้องกันความสับสนของพวกเขา อิ่งสือซันจึงลงมือวาดวงกลมลงบนพื้น
“ทางนี้!” เยว่โกวชี้นิ้วไป
“ไม่ใช่ น่าจะเป็นทางนี้มากกว่า” ชิงเหยียนเอ่ยขึ้นพลางชี้ไปอีกทิศทางหนึ่ง
“ข้าว่าพวกเจ้าจำผิดแล้ว ทางนี้” อาเว่ยชี้ไปยังอีกทิศหนึ่ง
อาม่ายกมือขึ้นหมายจะชี้
อิ่งสือซันเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “ท่านจะชี้ทิศสุดท้ายแล้วใช่ไหม?”
อาม่าพยักหน้า
อิ่งสือซันอดโมโหไม่ได้ “นั่นมันต้าโจว!”
ทั้งสี่คน “…”
ทั้งสี่คนมีท่าทางซึมเซาลงทันใด
หากถามว่าความสามารถเรื่องทิศทางของพวกเขาย่ำแย่เพียงใด ก็คงต้องบอกว่าพวกเขาใช้เวลาตามหาหมู่บ้านเหลียนฮวาอยู่นานถึงสามปี สามปีมานี้เกรงว่าโชคคงจะเข้าข้างอยู่บ้าง มิเช่นนั้นอาจกำลังยังหลงทางอยู่ที่ใดสักแห่งบนโลกนี้
อิ่งสือซันยังไม่เข้าใจ ในเมื่อไม่รู้ทาง แต่ยังมีสติปราศจากความลนลาน ทั้งยังเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ…อย่างนี้ก็ได้หรือ?!
“พวกเจ้าไม่มีแผนที่หรือ?” อิ่งสือซันถาม
“ก่อนหน้านี้มี” อาม่าตอบ
“แล้วตอนนี้เล่า?” อิ่งสือซันถามด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“ลืมไปแล้วว่าวางไว้ที่ไหน” อาม่าตอบเสียงเบา
อิ่งสือซัน “…!!”
อิ่งสือซันโมโหเสียจนโมโหไม่ออกแล้ว
ชุยเฒ่ารู้สึกร้อนเสียจนต้องยื่นหน้าออกมาแลบลิ้นนอกหน้าต่าง “สรุปแล้วจะไปต่อกันอย่างไร? ถ้ายังอยู่ที่นี่ต่อได้ร้อนตายกันพอดี!”
อิ่งสือซันปวดหัว เขากดขมับ แล้วหันไปหาเยี่ยนจิ่วเฉา “คุณชาย ฟ้าเริ่มมืดแล้ว เราหยุดพักกันก่อน พรุ่งนี้ค่อยคิดหาวิธีเถิดขอรับ”
เยี่ยนจิ่วเฉาตอบ “อืม”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]