กลิ่นอันคุ้นเคยกำลังโอบกอดอวี๋หวั่น
เธอไม่จำเป็นต้องเดาก็รู้ว่าผู้ที่เข้ามารับเธอเอาไว้คือใคร
อวี๋หวั่นโชคดีเสียจนตัวเธอเองก็ยังรู้สึกเหลือเชื่อ ยามที่เธอเผชิญกับอันตราย เขาก็จะมาปรากฏตัวทุกครั้ง
หัวใจของอวี๋หวั่นซึ่งเมื่อครู่หล่นวูบไปพลันกลับสู่ที่เดิม
เธอโอบลำคอของเขาไว้ จ้องมองใบหน้าของเขา
ลองคำนวณดูแล้ว ตั้งแต่ที่ถูกทูตแห่งความมืดจับตัวไป เธอไม่ได้พบหน้าเยี่ยนจิ่วเฉามาสองเดือนแล้ว
ใบหน้าหล่อเหลาราวกับมิใช่ปุถุชนเดินดินทั่วไป ทว่าแฝงไปด้วยความเย็นชา
อวี๋หวั่นใช้ปลายนิ้วสัมผัสไรหนวดรอบริมฝีปากของเขา หัวใจของเธอพลันปวดแปลบขึ้นมา “ไม่ได้โกนหนวดเลยหรือ?”
ผู้ชายที่ภาคภูมิใจในความงามของตนเองอย่างเขา วันหนึ่งๆ ต้องโกนหนวดสามครั้ง หนึ่งปีมีสามร้อยหกสิบห้าวัน เขาก็มีเสื้อผ้าให้ใส่ไม่ซ้ำกัน แต่เขากลับต้องทนลำบากมากขนาดนี้ เพียงเพื่อตามหาเธอ
อวี๋หวั่นคิดว่าต่อไป ต่อให้เขาเอาแต่ใจมากกว่านี้ อวี๋หวั่นก็จะดีกับเขากว่าเดิมอีกนิดนึง นิดดดดนึง!
อวี๋หวั่นรู้สึกซาบซึ้งใจเหลือเกินจนอยากจะแต่งงานกับเขาอีกครั้ง
ในตอนนั้นเอง เยี่ยนจิ่วเฉาก็เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าประหลาดว่า “อวี๋อาหวั่น เจ้ากินมากจนอ้วนขึ้นหรือ?”
อวี๋หวั่นรู้สึกประหนึ่งถูกน้ำเย็นกะละมังใหญ่รดลงบนศีรษะ “…!!!”
อวี๋หวั่นโมโหสุดขีด เธอไม่ยอมรับเด็ดขาดว่าตนเองอ้วนขึ้น เป็นน้ำหนักของลูกในท้องต่างหาก
ลูกในท้องซึ่งอายุยังไม่ถึงสามเดือนก็กลายเป็นสนามอารมณ์เสียแล้ว “…”
อวี๋หวั่นตัดสินใจว่าจะยังไม่บอกเรื่องที่ตนเองตั้งท้องกับเขา!
ให้เขารอไปก่อนก็แล้วกัน!
ทางที่ดีเธออยากจะรอจนคลอดลูกออกมา เขาจะได้ตกใจ สับสนว่าเกิดอะไรขึ้น
สายตาของเยี่ยนจิ่วเฉาจับจ้องไปยังหน้าท้องของเธอ “อวี๋อาหวั่น ท้องของเจ้าใหญ่ขึ้นมาก เจ้าตั้งท้องหรือเปล่า?”
อวี๋หวั่น “…”
อวี๋หวั่น “!!!”
อ๊ากกก!
อยากจะบ้าตาย!
“ปล่อยข้าลงเดี๋ยวนี้!”
“ไม่ปล่อย”
“ท่านบอกว่าข้าตัวหนักไม่ใช่หรือไง?!”
“ลูกไม่ได้หนักสักหน่อย”
ความหมายโดยนัยก็คือ คนที่เขาอุ้มอยู่ก็คือลูก ไม่ใช่อวี๋หวั่น
อวี๋หวั่นซึ่งรู้สึกโดนทำร้ายจิตใจ “…”
ตอนนั้นเธอชอบหมอนี่เข้าไปได้ยังไงนะ?!
สองสามีภรรยากำลังทะเลาะกัน อวี๋หวั่นโมโหจนหน้าดำหน้าแดง เยี่ยนจิ่วเฉากลับรู้สึกสบายใจและปีติยินดีเหลือเกิน
เป็นพ่อคนทั้งที ย่อมต้องมีความสุขเป็นธรรมดา
อิ่งสือซันและอิ่งลิ่วมองออกว่าคุณชายของตนกำลังดีใจ หรือถ้าหากไม่ได้รู้สึกดีใจถึงเพียงนั้น พวกเขาจะดีใจแทนคุณชายเอง แยกจากกันนาน คุณชายเศร้าโศกเหลือเกิน บัดนี้ไม่เพียงได้พบหน้ากันอีกครั้ง ทั้งยังได้เป็นพ่อคนอีกด้วย หัวใจอันบอบช้ำของคุณชายได้รับการเติมเต็มแล้ว
แต่อาโต้วซึ่งยืนอยู่ด้านข้างไม่ยักมีความสุขสักเท่าไร
ถ้าเขาจำไม่ผิด คุณชายน้อยคนนี้คือคนที่ติดตามท่านนักบวชกลับเผ่า? ไม่ได้บอกหรอกหรือว่าจะไปหาตัวยาถอนพิษที่เผ่าปีศาจ? ไฉนจึงมายุ่มย่ามกับฮูหยิน? ทั้งยังบอกว่าเด็กในท้องของฮูหยินเป็นลูกของตนอีก
หลายปีที่ผ่านมา อาโต้วเป็นโจรลักม้าอยู่กลางทะเลทราย เพราะฉะนั้นจึงไม่รู้ว่าเผ่าปีศาจสืบรู้แล้วว่าฮูหยินไปแต่งงานมีบุตรกับบุรุษอื่นแล้ว
เมื่อเห็นทั้งสองกำลังดึ่มด่ำในความรักตอนกลางวันแสกๆ อาโต้วก็อดเดือดดาลแทนท่านอ๋องของตนไม่ได้…
เมื่อครู่อวี๋หวั่นและอาโต้วถูกเยี่ยนจิ่วเฉาใช้อาวุธลับดึงกลับมา สายน้ำยังคงไหลไม่หยุด พวกเขาจำต้องร่นถอยกลับไปทางเดิม
อวี๋หวั่นลงเดินด้วยตนเอง เธอมองมือของเยี่ยนจิ่วเฉาซึ่งจูงมือของเธออยู่ จากนั้นก็เลิกคิ้วเล็กน้อย “โอ้ ท้องฟ้ายังสว่างอยู่เลย ท่านไม่กลัวถูกคนหัวเราะเยาะแล้วหรือ?”
เมื่อก่อนหมอนี่แตะตัวเธอเพียงเล็กน้อย ก็ตกใจจนสะดุ้งโหยง! ครั้งนี้กลับเป็นคนออกตัวก่อน!
สายตาของเยี่ยนจิ่วเฉาทอดมองไปยังหน้าท้องที่ยังไม่นูนมากของอวี๋หวั่นราวกับกำลังบอกว่า ‘เจ้ารู้อยู่แก่ใจไม่ใช่หรือว่าข้าจูงมือเจ้าเพราะอะไร?’
ถ้าหากทางการแพทย์นับว่าหัวใจหยุดเต้นคือการตาย เช่นนั้นการฟื้นคืนชีพก็มีความเป็นไปได้ เพียงแต่การที่หัวใจหยุดเต้นเป็นระยะเวลานานจะนำมาซึ่งผลกระทบที่ไม่อาจแก้ไขได้ แต่ไม่ว่าอย่างไร วิชาแพทย์อันปราดเปรื่องของนางก็มิใช่เรื่องโกหก
อวี๋หวั่นคาดเดาว่า “เดิมทีข้าก็เดาว่าเป็นอย่างอื่น แต่ตอนนี้ไม่ได้คิดอย่างนั้นแล้ว เป็นไปได้มากว่าพวกนางไม่ใช่คนเดียวกัน”
ถ้าหากเป็นคนเดียวกัน เช่นนั้นเพื่อนของเจ้าสำนักจี้ไม่มีทางรอดชีวิตกลับมา
อิ่งลิ่วกลับสงสัยมากยิ่งขึ้น “ถ้าหากไม่ใช่คนคนเดียวกัน เหตุใดนางถึงทำให้คนฟื้นคืนชีพได้เหมือนกันละขอรับ?”
“คนที่นางพบอาจไม่ใช่หมอเทวดา” เยี่ยนจิ่วเฉาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
ในตอนนั้นเอง พวกเขาก็เดินทางมาถึงเรือนของแม่มดเฒ่า เด็กๆ เหล่านั้นถูกซิวหลัวกำราบไปแล้ว พวกเขานั่งตัวสั่นอยู่ข้างกำแพง ไม่กล้าแม้แต่จะลุกไปไหน
พลังอันลุกโหมของซิวหลัวแผ่ซ่านไปทั่วทุกสารทิศจนพวกเขากระอักเลือด จวบจนอวี๋หวั่นมาถึง เขาจึงกดกลิ่นอายเอาไว้ และยิ้มแสยะออกมาจนเห็นฟันซี่ขาว!
อวี๋หวั่นลูบศีรษะของซิวหลัว จากนั้นก็เริ่มรื้อค้นเรือนของแม่มดเฒ่า
พวกเขาค้นหายาสมุนไพรและตำราแพทย์จำนวนมาก แต่สิ่งที่น่าตกใจก็คือ ในตำราจดบันทึกเพียงตำรับยาที่ถูกต้อง มีเพียงส่วนน้อยที่เขียนคำอธิบายถึงตำรับยาพิษ แต่นั่นก็เพื่อเตือนไม่ให้ผู้ปรุงยาเลือกใช้ตัวยาผิดประเภท และเพื่อหลีกเลี่ยงการปรุงยาผิดขนาน กระนั้นแม่มดเฒ่าก็เลือกที่จะปรุงแต่ตำรับยาพิษ
“ท่านคิดว่าอย่างไร?” อวี๋หวั่นถามเยี่ยนจิ่วเฉา
เยี่ยนจิ่วเฉาตอบว่า “เจ้าหมายถึง นางเปลี่ยนไป หรือว่านางไม่ใช่ผู้ที่ทิ้งตำรับยาเหล่านี้ไว้ตั้งแต่แรกแล้ว?”
“อืม” อวี๋หวั่นพยักหน้า
“เจ้าคิดว่าอย่างไร?” เยี่ยนจิ่วเฉาส่งสายตาให้อวี๋หวั่นราวกับอ่านใจเธอออก
อวี๋หวั่นเข้าใจในทันใด หากนำเรื่องนี้มาปะติดปะต่อกับคำพูดของเจ้าสำนักจี้ เธอก็พอจะเดาเรื่องคร่าวๆ ได้แล้ว ที่นี่เคยมีหมอหญิงเทวดาคนหนึ่งอาศัยอยู่ก่อน แต่แม่มดเฒ่าผู้นี้ตกลงมาในกับดักพอดี และถูกหมอเทวดาช่วยไว้ ภายหลังนางได้รับความไว้วางใจจากหมอเทวดาให้พำนักอยู่ในเรือน อวี๋หวั่นเลือกที่จะเชื่อว่าหมอเทวดาย้ายออกไปด้วยเหตุผลบางอย่าง มากกว่าที่จะเชื่อว่าแม่มดเฒ่าสังหารนาง ทว่าหมอเทวดารีบร้อนออกไป จึงไม่ทันได้เก็บข้าวของ
แม่มดเฒ่าฉวยโอกาสนี้ ใช้ตำรายาที่หมอเทวดาทิ้งไว้ ทำเรื่องเลวร้าย ทั้งยังปลอมตัวเป็นหมอเทวดาอีกคนหนึ่ง
ทั้งหมดเป็นเพียงละครตบตา!
ที่นางบอกว่ามาอยู่ที่นี่หลายสิบปีแล้วล้วนเป็นเรื่องโกหก เห็นทีคำพูดของนางคงไม่มีความจริงอยู่แม้แต่ประโยคเดียว
แต่นี่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ประเด็นสำคัญก็คือมีความเป็นไปได้สูงที่หมอเทวดาคนนั้นจะเป็นลูกหลานของสตรีศักดิ์สิทธิ์
เพียงแต่ไม่รู้ว่าตอนนี้นางอยู่ที่ใด ยังอยู่บนโลกนี้หรือไม่
……………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]