เยี่ยนจิ่วเฉาอุ้มอวี๋หวั่นอย่างเอาแต่ใจ แล้วเดินกลับเข้าไปยังตำหนักโดยไม่แม้แต่จะหันหลังกลับมามอง
หากก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสในเผ่ายังคงมีความเคลือบแคลงใจอยู่สามส่วน หลังจากที่เห็นท่าทางของเขา เห็นทีคงจะเหลือเพียงส่วนเดียว
“ท่านอ๋อง…” ผู้อาวุโสหลีรวบรวมความกล้าเอ่ยปากเรียกเยี่ยนจิ่วเฉา
เยี่ยนจิ่วเฉารู้ดีว่าผู้เฒ่าคนนี้จะพูดว่าอย่างไร เขาแค่นเสียงขึ้นจมูก แล้วตวัดสายตาอันคมกริบไป “เมื่อครู่หัวข้ากระแทกกับพื้น บางเรื่องข้าก็จำไม่ได้แล้ว แต่ข้าจำเจ้าได้ ผู้อาวุโสหลี วันที่สี่เดือนสาม เจ้าต้องไปพบเพื่อนเก่ากระมัง”
ผู้อาวุโสหลีคุกเข่าลงทันใด!
เขามีอนุภรรยาอยู่คนหนึ่ง อนุภรรยาให้กำเนิดบุตรชาย วันที่สี่เดือนสามเป็นวันเกิดของบุตรชายคนนี้ ทุกๆ ปี เขาจะหาวิธีจัดการงานทุกอย่าง เพื่อใช้เวลาไปอยู่กับบุตรชาย
เรื่องนี้เขาไม่เคยบอกใคร ทว่าบังเอิญไปพบกับท่านอ๋องครั้งหนึ่ง ท่านอ๋องจึงเป็นเพียงคนเดียวที่รู้เรื่องนี้
ด้วยนิสัยของท่านอ๋อง ย่อมไม่มานั่งสืบสาวราวเรื่องให้ยุ่งยาก และไม่มีทางนำไปพูดต่อ
ความลับนี้มีเพียงท่านอ๋องที่รู้!
ความเคลือบแคลงใจของผู้อาวุโสหลีอันตรธานไปสิ้น
ผู้อาวุโสยกมือขึ้นคำนับ แล้วกล่าวด้วยความเคารพว่า “ส่งเสด็จท่านอ๋อง”
ตราบจนเยี่ยนจิ่วเฉาอุ้มอวี๋หวั่นเดินไปพ้นระยะสายตา ผู้อาวุโสหลีจึงให้คนพยุงขึ้นมา
เสื้อผ้าของเขาเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ในสายตาของคนอื่น พวกเขาคิดว่าผู้อาวุโสตื่นตระหนกกับความน่าเกรงขามของท่านอ๋อง อันที่จริงก็ไม่แปลก อย่างไรเสียท่านอ๋องก็สังหารคนได้โดยไม่ต้องเอ่ยปากสั่งด้วยซ้ำ ไม่มีผู้ใดรู้ว่าผู้อาวุโสหลีเคยประสบพบกับความน่าสะพรึงกลัวอย่างไรมาบ้าง
“ผู้อาวุโสหลี เขาคือท่านอ๋องจริงหรือ?” ผู้อาวุโสอีกคนหนึ่งเอ่ยถาม
ผู้อาวุโสคนอื่นก็ทยอยกันเข้ามา เพื่อฟังคำตอบของผู้อาวุโสหลี
ผู้อาวุโสหลีพยักหน้า “เขาคือท่านอ๋อง ข้ามั่นใจ”
ฉิวอู๋หยาเดือดดาลอีกครั้ง “ผู้อาวุโสหลี เจ้าพวกนั้นติดสินบนท่านหรืออย่างไร? คนผู้นั้นไม่ใช่ท่านอ๋อง เข้าเห็นกับตาว่า…”
“ท่านนักบวช” ผู้อาวุโสหลีเอ่ยขึ้นตัดบท เขากลัวท่านอ๋องก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะยอมก้มหัวให้ผู้ที่พึ่งพาตำรับยาอันโหดเหี้ยมเพื่อก้าวขึ้นมาบนตำแหน่ง “เจ้าพูดเช่นนี้มานับครั้งไม่ถ้วน ข้ารู้ว่าเจ้ามีความแค้นต่อฉิวปิ่ง แต่ข้าใคร่ขอแนะนำเจ้าเรื่องหนึ่ง อย่ากลายเป็นคนโง่เขลา เพียงเพราะความแค้นส่วนตัว”
“ใครกันแน่ที่โง่เขลา!” ฉิวอู๋หยารู้สึกว่าในความโกรธทั้งชีวิตของเขารวมกันยังไม่เท่ากับความโกรธในวันนี้เลย เขาพูดโกหกมาทั้งชีวิต ทว่าวันนี้พูดความจริง แต่กลับไม่มีผู้ใดเชื่อ! แม้เขาจะไม่รู้ว่าบุรุษผู้นั้นฉกชิงวรยุทธ์ของท่านอ๋องไปได้อย่างไร ทั้งยังลอกเลียนนิสัยและกลิ่นอายของท่านอ๋อง ทว่าสายตาของเขาไม่มีทางมองผิดพลาด คนผู้นี้ต้องไม่ได้เป็นพวกเดียวกับท่านอ๋องอย่างแน่นอน!
ท่านอ๋องบีบคอเขาขึ้นมา อีกเพียงนิดเดียวเขาก็จะตายอยู่แล้วเชียว
ใช่สิ ท่านอ๋องเล่า?
ถ้าหากหาศพของท่านอ๋องพบ ก็จะมีหลักฐานชิ้นสำคัญไม่ใช่หรือ?
เพียงแต่ว่า เขาคิดได้ มีหรือที่ฉิวปิ่งและอิ่งสือซันจะคิดไม่ได้?
ซิวหลัวได้ย้าย ‘ศพ’ ของอ๋องแห่งเผ่าปีศาจออกไปอย่างเงียบเชียบ ตั้งแต่ตอนที่ความสนใจของทุกคนอยู่ที่เยี่ยนจิ่วเฉาแล้ว
ฉิวอู๋หยาหมดหนทางโต้กลับ
ถ้าหากท่านอ๋องไม่ได้บอกไว้ว่าจะจัดการกับฉิวปิ่งและอิ่งสือซันอย่างไร พวกเขาก็จะอาสาไปรอรับคำสั่งที่ห้องนอนเอง
ส่วนคำให้การขององครักษ์ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์นั้นไม่อยู่ในความสนใจของพวกเขา ผู้อาวุโสหลีได้ยืนยันตัวตนของท่านอ๋องแล้ว ยังจะมีผู้ใดสงสัยอีกหรือ?
ตอนนั้นเป็นยามราตรี ตอนจากฉิวอู๋หยาแล้ว คนอื่นๆ ล้วนแต่เพียงเห็นพวกเขาต่อสู้กับท่านอ๋องก็เท่านั้น ไม่มีผู้ใดเห็นใบหน้าของเยี่ยนจิ่วเฉา พวกเขาไม่กลัวหรอก!
อีกด้านหนึ่ง เยี่ยนจิ่วเฉาเดินอุ้มอวี๋หวั่นกลับไปยังห้องนอนอย่างสบายอารมณ์ ระหว่างทาง บ่าวจำนวนไม่น้อยคำนับเยี่ยนจิ่วเฉา เยี่ยนจิ่วเฉาเดินไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย
อวี๋หวั่นหน้าแดงก่ำอย่างไม่อาจควบคุมตนเองได้
ก่อนหน้านี้หมอนี่เป็นคนเคร่งครัด ไม่ยอมจับมือของเธอแม้แต่ต่อหน้าผู้คน แต่ตอนนี้เขากลับอุ้มเธอต่อหน้าธารกำนัล คนทั้งตำหนักล้วนเห็นหมดแล้ว
อวี๋หวั่นอับอายจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนีให้รู้แล้วรู้รอด แต่ในเมื่อทำไม่ได้ เธอจึงจับชายเสื้อของเขาขึ้นมา แล้วซุกใบหน้าเข้ากับอกของเขาแทน
ทว่าการกระทำเช่นนี้ กลับทำให้เยี่ยนจิ่วเฉาตีความหมายต่างออกไป
เยี่ยนจิ่วเฉายิ้มอย่างเย็นชา “ตอนนี้เกิดกลัวขึ้นมาแล้วหรือ? เหอะ สายไปแล้ว!”
อวี๋หวั่นลูบหน้าท้องของตน ใคร่ครวญว่าตนเองควรบอกเขาหรือไม่ว่ากำลังตั้งท้อง เมื่อคิดไปคิดมา เธอจึงตัดสินใจพักเรื่องนี้ไว้ก่อน ไม่รู้ว่าสมองของหมอนี่ถูกกระทบกระเทือนไปมากเท่าไร ยังไม่กระตุ้นโทสะของเขาจะดีกว่า
ณ ทางเข้าตำหนัก นางกำนัลสองคนคุกเข่าอย่างนบนอบ เยี่ยนจิ่วเฉาเดินเข้าไปอย่างผึ่งผาย แม้ว่าจะ ‘เปลี่ยน’ เสื้อผ้าและถอดหน้ากากไปแล้ว แต่ทุกคนก็รู้ว่าเขาคือท่านอ๋อง
นางกำนัลเปิดม่าน พวกนางยังคงคุกเข่าอยู่กับพื้น
เยี่ยนจิ่วเฉาสาวเท้าเข้าไป แล้ว ‘โยน’ อวี๋หวั่นลงกับเตียงอย่างเอาแต่ใจ
“เตียงแข็งเหลือเกิน” อวี๋หวั่นกดลงบนเตียง
“เรียกคนมา!” เยี่ยนจิ่วเฉาเรียกนางกำนัล ให้ปูเตียงให้หนาขึ้น
เตียงนุ่มเสียจนอวี๋หวั่นรู้สึกยวบยาบราวกับนั่งอยู่บนสำลี เธอรู้สึกสบายเสียจนแอบยกยิ้มมุมปาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]